เราดูนางงามมาตั้งแต่สมัยไทยยังเป็นสายสะพายไม่แข็ง คุณสมบัติของ mu เขาชัดเจนมาตลอดนะ คัดรอบแรกคือคัดเลือกจากห้องดำ โครงการเพื่อสังคมต้องทำจริงจัง สปีชต้องเอมพาวเวอร์ได้จริง ซึ่งนางงามไทยส่วนใหญ่จะหายากมาก

ส่วนตัวไม่ได้ติดตามตอนแข่งในบ้านเท่าไหร่ จะมาดูอีกทีตอน mu ทีเดียว รู้แค่ผ่านๆว่าปีนี้มีน้องที่เคยได้รอง1โลกมาประกวดด้วย แต่ผลสุดท้ายก็ไม่ได้ชนะ ด็แอบแปลกใจกับการเลือกนนางงามกองไทยเหมือนกัน เพราะน้องเขาคุณสมบัติตรงกับ mu ทุกอย่าง

ในสายตากรรมการต่างชาติ โดยเฉพาะกอง mu เค้ามองว่าทุกประเทศมีความสวยในแบบชาติพันธุ์ ฉะนั้น คนที่จะเข้ารอบแรกได้ต้องโครงการทัชใจ สปีชดี เพอฟอร์มพอใช้ ถึงจะตัดเข้ารอบแรก พอรอบลึกเช่น top10ต้องเพอฟอร์มเด่น และ top5 ต้องครบทั้งสวยประจักษ์ เพอฟอร์มเด่น โครงการเลิศ และสปีช

ซึ่งน้องนางงามไทยเราปีนี้เห็นแต่แรกแล้วว่าไม่น่าผ่านรอบแรก เพราะโครงการ+สปีชไม่เด่นพอ (น่าจะเสียคะแนนตรงห้องดำนั่นแหละ) ส่วนสมมติเป็นน้องรอง1โลก คุณสมบัติคิดว่ายังไงก็เข้ารอบแรก แต่ไม่มีทางไปถึงรอบ top5
(ถึงในบ้านอาจจะจมนางงามไทยหลายคน แต่อย่าลืมนะว่าถ้าเขาไม่เจ๋งจริงไม่มีทางไปยืนลุ้นมงบนเวยัยจูหรอก)

อย่าลืมว่าโครงการสำคัญสำหรับเวที mu ยิ่งเป็นโครงการเกี่ยวกับเด็กออทิสติกนี่นะแม่เอ้ย ในเมกาโคตระจะเอ็มพาวเวอร์เลยแหละ ยิ่งถ้าได้คนที่พูดแล้วทำให้ทุกคนต้องหยุดฟังได้ มันจะทัชใจมาก

นี่ดูนางงามเป็นถึงวิเคราะห์ได้ แต่แฟนนางงามรุ่นใหม่ๆส่วนใหญ่จะเริ่มมาดูกันตอนสายสะพายไทยแลนด์เริ่มแข็งขึ้นแล้ว ก็สะกดจิตวนกันไปในกลุ่ม

แต่ยังไงก็เป็นกำลังใจทีมไทยแลนด์ สู้ๆต่อไปจ้า