สวัสดีครับ ผมมีข้อสงสัยในตัวภรรยาผม แต่ไม่รู้จะหาคำตอบยังไง
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณ 13 กว่าปีก่อน เธอท้อง เราก็เลยแต่งงานกัน เพราะตอนนั้นเราคบกัน ผมก็ไม่ได้คิดอะไร พอคลอดมาก็ย้ายมาอยู่บ้านผม ตอนนั้นเราทั้งสองคนยังมีรายได้ไม่มาก จึงยังไม่ได้คิดจะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง อยู่กันไปแบบเดือนชนเดือน แต่พอผ่านมาเรื่อยๆ ประมาณ 5 ปี รายได้ของเราก็มากขึ้นเรื่อยๆ จนพอยู่ได้ ผมก็เริ่มมองหาบ้านแต่เธอก็จะคอยขวางตลอด ประมาณว่าไม่อยากให้มีรายจ่ายเพิ่ม ทั้งที่เงินส่วนที่เธอนำมาใช้จ่ายในครอบครัวคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ถึง 20% ของรายได้เธอ ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอไม่อยากมีรายจ่ายเพิ่ม ตอนแรกก็เข้าใจว่าเธออยากเก็บเงิน แต่พอผ่านประมาณอีก 5 ปี ผมก็พยายามลองเอาเรื่องบ้านขึ้นมาพูดอีก ท่าทีของเธอก็ยังเหมือนเดิม ผมเคยถามว่าค่าใช้จ่ายที่เค้าใช้ไม่ได้มากมายอะไรแล้วเงินไปไหนหมด คำตอบทุกครั้งที่ได้ก็จะประมาณว่าบ่ายเบี่ยงหรือบางทีก็ทำเป็นหงุดหงิดเพื่อให้ผมเลิกถามไป ตลอดเวลาการใช้ชีวิตของเธอก็ยังคงเป็นแบบเดิม คืออยู่แบบให้ผ่านไปวันๆไม่ได้คิดถึงอนาคตของครอบครัว
แล้วเมื่อประมาณปีที่แล้วผมก็ได้รู้โดยบังเอิญว่าเค้ามีหนี้บัตรเครดิตประมาณ 100,000 แต่ผมไม่สังเกตว่าเค้าซื้ออะไรที่พิเศษ แต่ทำไมมีหนี้ก้อนนี้ขึ้นมา เงินที่ให้ลูกก็ให้แค่ค่าขนม แล้วหนี้ส่วนนี้มาจากไหน เงินไปไหนหมด ผมเลยแอบคิดว่าที่เธอใช้ชีวิตแบบนี้เพราะเค้ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ ถ้าความลับถูกเปิดเผยเค้าก็จะต้องทิ้งชีวิตตรงนี้ไป เลยไม่ยอมทำอะไรที่ผูกมัดตัวเอง
ตอนหลังผมคิดมากเลยแย็บๆว่าจะขอตรวจ DNA ลูก เพื่อเก็บเป็นหลักฐานทางกฏหมายเผื่ออนาคตลูกต้องใช้ เธอทำท่าบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมให้ตรวจ ทำทีเป็นโมโหว่าไม่ให้เกียรติเค้า ไม่เชื่อเค้า ผมไม่แน่ใจว่าผมต้องทำยังไงดี
ผมเองก็อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อยากให้ลูกมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่เธอคอยขวางตลอด คุยกันทีไรก็จบด้วยการไม่มีข้อสรุป แล้วก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมๆ
เค้ามีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อประมาณ 13 กว่าปีก่อน เธอท้อง เราก็เลยแต่งงานกัน เพราะตอนนั้นเราคบกัน ผมก็ไม่ได้คิดอะไร พอคลอดมาก็ย้ายมาอยู่บ้านผม ตอนนั้นเราทั้งสองคนยังมีรายได้ไม่มาก จึงยังไม่ได้คิดจะซื้อบ้านเป็นของตัวเอง อยู่กันไปแบบเดือนชนเดือน แต่พอผ่านมาเรื่อยๆ ประมาณ 5 ปี รายได้ของเราก็มากขึ้นเรื่อยๆ จนพอยู่ได้ ผมก็เริ่มมองหาบ้านแต่เธอก็จะคอยขวางตลอด ประมาณว่าไม่อยากให้มีรายจ่ายเพิ่ม ทั้งที่เงินส่วนที่เธอนำมาใช้จ่ายในครอบครัวคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ไม่ถึง 20% ของรายได้เธอ ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอไม่อยากมีรายจ่ายเพิ่ม ตอนแรกก็เข้าใจว่าเธออยากเก็บเงิน แต่พอผ่านประมาณอีก 5 ปี ผมก็พยายามลองเอาเรื่องบ้านขึ้นมาพูดอีก ท่าทีของเธอก็ยังเหมือนเดิม ผมเคยถามว่าค่าใช้จ่ายที่เค้าใช้ไม่ได้มากมายอะไรแล้วเงินไปไหนหมด คำตอบทุกครั้งที่ได้ก็จะประมาณว่าบ่ายเบี่ยงหรือบางทีก็ทำเป็นหงุดหงิดเพื่อให้ผมเลิกถามไป ตลอดเวลาการใช้ชีวิตของเธอก็ยังคงเป็นแบบเดิม คืออยู่แบบให้ผ่านไปวันๆไม่ได้คิดถึงอนาคตของครอบครัว
แล้วเมื่อประมาณปีที่แล้วผมก็ได้รู้โดยบังเอิญว่าเค้ามีหนี้บัตรเครดิตประมาณ 100,000 แต่ผมไม่สังเกตว่าเค้าซื้ออะไรที่พิเศษ แต่ทำไมมีหนี้ก้อนนี้ขึ้นมา เงินที่ให้ลูกก็ให้แค่ค่าขนม แล้วหนี้ส่วนนี้มาจากไหน เงินไปไหนหมด ผมเลยแอบคิดว่าที่เธอใช้ชีวิตแบบนี้เพราะเค้ามีความลับอะไรซ่อนอยู่ ถ้าความลับถูกเปิดเผยเค้าก็จะต้องทิ้งชีวิตตรงนี้ไป เลยไม่ยอมทำอะไรที่ผูกมัดตัวเอง
ตอนหลังผมคิดมากเลยแย็บๆว่าจะขอตรวจ DNA ลูก เพื่อเก็บเป็นหลักฐานทางกฏหมายเผื่ออนาคตลูกต้องใช้ เธอทำท่าบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมให้ตรวจ ทำทีเป็นโมโหว่าไม่ให้เกียรติเค้า ไม่เชื่อเค้า ผมไม่แน่ใจว่าผมต้องทำยังไงดี
ผมเองก็อยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อยากให้ลูกมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่เธอคอยขวางตลอด คุยกันทีไรก็จบด้วยการไม่มีข้อสรุป แล้วก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมๆ