ตุรกี ประเทศที่ไม่อยู่ในแพลนมาก่อน แต่ช่วงที่ผ่อนคลายมาตรการการเดินทางจาก COVID ทำให้เราลองเสิร์ชข้อมูล และกดตั๋วดูไปมา กลายเป็นว่าตุรกีคือประเทศในดวงใจไปซะได้
เมื่อเราจะจองตั๋วไป Istanbul อิสตันบูล ประเทศตุรกี และแล้วสายการบินคูเวตก็โผล่ขึ้นมาด้วยราคาถูกกว่าไปญี่ปุ่น ในช่วงเทศกาลปีใหม่ เราก็เลยตัดสินใจจอง แต่ด้วยความที่ไม่เคยเดินทางออกจากรอบๆโซนเอเซีย ทำให้เราก็กังวลอยู่พอสมควร
เราจองตั๋วสายการบิน Kuwait Airline เลือกจองเพราะราคาไม่แรงมาก ซึ่งต้องรอต่อเครื่องที่คูเวต และจะไปถึงตุรกีที่สนามบิน SAW โดยขากลับจะต้องขึ้นที่สนามบิน IST (ซึ่งเราตัดสินใจจากราคาตั๋วราคาที่ไม่แรงและได้ใช้สนามบิน IST ที่เพิ่งรีโนเวทเสร็จไม่นานด้วย)

การเดินทาง เนื่องจากเป็นสายการบินคูเวต (ไม่แน่ใจว่าท่านอื่นๆเจอเหมือนกันมั้ยนะคะ) จากสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อไปรอที่ gate ได้สักพัก มีเจ้าหน้าที่ขอให้ผู้โดยสารทุกคนออกไปนอก gate และสักพักใหญ่ๆก็เรียกให้เข้าแถวเพื่อตรวจสัมภาระหน้าเกตเพื่อเช็คกระเป่าที่ถือติดตัวทุกคน และให้ทุกคนไปรอในเกตได้  ไฟล์ทเรา 03.40 เรียกขึ้นเครื่องเลทเล็กน้อย  เค้าเสิร์ฟอาหาร2รอบ ง่วงมากไม่อยากกิน แต่ต้องกินรองท้องไว้ก่อน
ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงกว่าๆก็จะไปถึงคูเวต กลุ่มที่ต่อเครื่องจะต้องโดนตรวจเอ็กซเรย์ตัวและกระเป๋าแบบจริงจังอีกครั้ง ก่อนปล่อยผ่าน (ใครซื้อของ duty free มาห้ามแกะเด็ดขาด)
เรารอที่เกตประมาณ 3 ชม. แปรงฟัน เปลี่ยนเสื้อผ้า เพราะจากคูเวตไปถึงอิสตันบูลจะใช้เวลาประมาณไม่ถึง 4 ชม.

มาถึงสนามบิน SAW สนามบินไม่ใหญ่มาก คนไม่แออัด ตม.ให้ผ่านง่ายมากๆ เราเดินออกไปด้านนอกสนามบินมองไปฝั่งตรงข้ามจะเจอท่าขึ้นรถบัส มีเจ้าหน้าที่รถ Havas มาถามว่าไปไหน และช่วยเราลากกระเป๋า ไปใต้ท้องรถแล้วให้บัตร tag กระเป๋ามา โดยต้องจ่ายเงินในรถก่อนรถออก ซึ่งทริปนี้ในตุรกีเราพักที่ย่าน TAKSIM ทักซิม

วันนั้นเป็นวันคริสมาสต์ และเป็นวันอาทิตย์ เราคิดว่าการเดินทางที่ไม่ต้องต่อรถไฟ ต่อเรือ น่าจะสะดวกกว่า ในวันนั้นคนน่าจะเยอะคนตุรกีนิยมออกมาเที่ยวในวันหยุดและวันอาทิตย์ค่าเดินทางจะลดราคาครึ่งนึง
เราใช้เวลาเกือบๆ 2 ชม. รถค่อนข้างติด เราก็มาถึงทักซิม ท่ารถจะอยู่ด้านข้างของโรงแรม Point Hotel ซึ่งเรารับกระเป๋าและเดินเลี้ยวขวาไปทางจตุรัสทักซิม เดินแค่แป๊บเดียวอากาศหนาวๆประทะหน้าสักพักก็มาถึงที่พัก Akka Lush Taksim Hotel อยู่ห่างจากจตุรัสฯ แค่ 200 เมตร (รวมๆเดินจากที่ท่ารถประมาณ 800 เมตร)





เอาของเข้าที่พัก และออกไปสำรวจอิสตันบูลก่อนพระอาทิตย์ตกดิน และหาอะไรรองท้อง วันนี้ตั้งใจจะนอนเร็วเพราะนอนแทบไม่หลับเลย เบาะรองก้นบนเครื่องเจ็บก้นมากนอนหลับๆตื่นๆทั้งไฟล์ท
เราเดินออกมาแลกเงินใกล้ที่พัก หาซื้อซิม และบัตร Istanbul card ซึ่งหาได้ตรงร้านใกล้ๆจตุรัสเลย จะมีร้านขายซิมและร้านขายของทั่วไปที่อยู่ติดๆกันให้เราซื้อบัตรได้ที่นั่น 

เมื่อได้บัตรมาแล้ว เราคิดไว้ว่าจะไปหาข้าวเย็นแบบง่ายๆ กันที่ Tarihi Eminönü Balık Ekmek ซึ่งเป็นร้านเบอร์เกอร์ปลา และจะได้ชมวิวสะพาน Galata จากทั้งฝั่ง Kadokoy และฝั่ง Eminonu ได้ เราเลยเดินเข้าสถานีรถไฟ Taksim นั่งรถ F1 (Kabatas - Taksim) เพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าบนดิน ต้นสาย Kabatas และไปลงที่ Eminonu 


พอลงจาก Eminonu เราก็เดินไปทางท่าเรือ เดินไปเรื่อยๆ ชมวิวอลังการของฝั่ง Galata tower และ ฝั่ง SultanAhmed ไปตลอดทาง แป๊บๆก็ถึงร้าน เบอร์เกอร์สเต็กปลาริมน้ำ (คล้ายๆก๋วยเตี๋ยวเรือรังสิต) มีให้เลือกหลายร้าน เราเลือกมาร้านแรกๆ เพราะดูจะถูกจริตเรา


ราคาชิ้นละ 50 TL ประมาณ 100 บาท ได้เบอร์เกอร์ปลาหอมๆร้อนๆ ชิ้นใหญ่มาก กินชิ้นเดียวอิ่ม คุณลุงที่ร้านก็น่ารักมากๆคอยเช็คว่าเราจะสั่งอะไรและให้เราถ่ายรูปได้ กินอิ่มก็ออกไปซื้อขนม เดินชมวิว ไปจนถึงฝั่ง galata วิวที่นี่สวยอลังสุดๆ แบบที่ต้องใช้สองตามองเท่านั้น ถ่ายรูปออกมาได้ความงามมาไม่ได้ 10% มันเป็นความงามที่บรรยายไม่ถูก อากาศหนาวๆ เดินใจฟูๆไปชมวิวสวยๆไป วินาทีนั้นคือ เป็นคริสมาสต์ที่เหมือนได้ของขวัญชิ้นโตให้ตัวเอง


เราเดินต่อไปเรื่อยๆ ก็ขึ้นรถไฟกระเช้าสาย F2 จาก Karakoy ไปลง beyoglu


พอเดินออกมาข้างนอกสถานีได้ เราก็จะเดินออกไปที่ถนนสาย Istiklal ที่เป็นย่านช้อปปิ้ง ที่เต็มไปด้วยผู้คนล้นหลาม ซึ่งก่อนเดินทางเกือบๆเดือนมีการก่อการร้ายวางระเบิดที่ถนนนี้ ทำให้มีกำลังตำรวจถือปืน รถตำรวจ รถถัง ยืนประจำจุดตลอดเส้นถนน 

เดินเล่น ช้อปปิ้งจนขาลากสักพักก็กลับที่พักกัน

ตื่นมาตอนเช้า เพราะอยากรีบไป Hagia Sophia ฮายาโซเฟีย แต่ตื่นมากี่ทีฟ้าก็ยังไม่สว่างสักที จนเกือบ8โมงเราก็ไปทานข้าวบนชั้นดาดฟ้าโรงแรม


แล้วเราก็ออกเดินทางด้วยวิธีเดิมกับเมื่อวานที่ไปกินเบอเกอร์ปลา แต่ลงที่สถานี Sultanahmed ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 20 นาที
พอลงรถไฟเดินอีกนิดก็จะถึงฮายาโซเฟีย ซึ่งเคยเป็นโบสถ์คริสต์ และในอดีตที่แห่งนี้คือเมืองคอนสแตนติโนเปิลที่ได้ถูกยึดโดยสุลต่านเมเหม็ด จนปัจจุบันได้เป็นมัสยิด และให้ทุกคนเข้าชมได้ฟรี
เราไปยืนเข้าแถวประมาณ 9 โมง มีคนมาบอกว่าประตูเปิด 10 โมง แต่ระหว่างที่ยืนรอแถวไม่นานหันไปอีกทีหางแถวก็ยาวออกไปไกลมากทีเดียว

อากาศดีๆ ปนกับความงามของที่นั่น ทำให้เรารู้สึกว่าเวลาชั่วโมงนึงไม่นานอย่างที่คิด



พูดได้คำเดียวว่าคุ้มค่ามากๆ 
และแล้วก็รีบกลับไปเช็คเอ้าท์ที่โรงแรม คืนนี้เราจะเดินทางไป Izmir กัน


Check-out เราจะขอฝากกระเป๋าไว้ 3 วันเพราะต้องกลับมาพักอีกที่นี่ เจ้าหน้าที่คนที่อยู่ที่ counter ไม่ยอม เลยต้องแพลนขาไปสนามบิน SAW ด้วยวิธีนั่งรถบัสไป ซึ่งจริงๆคิดไว้ว่าจะนั่งเรือไปลงท่า Kadikoy และนั่งรถไฟเข้าสนามบิน
สุดท้ายฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมแค่ช่วงนึง และออกไปกินอาหารเที่ยง

วันนี้เรามีนัดกับ Kubbe.Istanbul เพื่อไปถ่ายรูปบนวิว rooftop เห็นเมืองอิสตันบูล และหอคอย galata เวลา 14.00 น. เราก็เลยเลือกที่จะไปกินมื้อเที่ยงย่านกาลาตา เลยไปร้าน salt bae สาขา galata tower ซึ่งเป็นร้านที่มีเฉพาะแฮมเบอเกอร์ สลัด และของทานง่ายๆ

พออิ่ม เราก็ออกมาซื้อบัตร Musuem Pass ราคาใบละ 1,000 TL ที่ด้านหน้าทางเข้า galata tower ซึ่งบัตรนี้สามารถใช้เข้ามิวเซียมทั่วประเทศได้ภายใน 15 วัน (เราซื้อบัตรนี้เพราะจะได้ไม่ต้องกังวลในการจ่ายเงินหน้าทางเข้า และประหยัดเวลาต่อคิวแต่ละที่ได้บ้าง)

แล้วเราก็ไปถึงที่นัด มีหลายราคาสำหรับการใช้บริการ ราคาค่าใช้สถานที่+ถ่ายรูปให้โดยใช้กล้องเรา / ราคาถ่ายโดยใช้กล้องใหญ่ / ราคารวมเสื้อผ้า/หน้าผม มีหลายเรทด้วยกัน ของเราเลือกแค่ค่าเข้าสถานที่ ซึ่งเค้าจะถ่ายให้โดยใช้กล้องเรา  เวลาถ่ายรูปคือ 15 นาที ถ่ายได้ 2 มุม แต่ไม่กล้าลงรูปให้ดูกันนะคะ เขิล! (ลงไว้ 1 รูปถ้วนนะคะ ให้เห็นเป็นตัวอย่าง) ใครสนใจสอบถามได้ที่ IG เค้าได้ค่ะ Kubbe.Istanbul 

ถ่ายรูปเสร็จก็ออกไปชม Galata tower กันค่ะ
ลงรูปไว้ระดับนึงนะคะ เพราะที่นี่สวยด้วย eye view จริงๆค่ะ ถ่ายรูปออกมาก็จะไม่โดนใจเท่าไหร่ วิวที่นี่เป็นวิว อิสตันบูล แบบ 360 องศา มีเครื่องใช้หรือของโบราณต่างๆไว้ภายในค่ะ ผู้สูงอายุขึ้นได้นะคะมีลิฟต์ให้ขึ้นไป แต่ต้องเดินต่ออีกชั้นนึงค่ะ

เดินออกมาก็แวะไปตลอดทาง