Puss in Boots: The Last Wish - พุซ อิน บู๊ทส์ 2
" ชีวิตที่พลาดได้กับชีวิตที่พลาดไม่ได้ มีความแตกต่างกัน...
การมี 9 ชีวิต อาจไร้ความหมาย เมื่อเทียบกับการมีชีวิตเดียวที่เปี่ยมด้วยคุณค่าและไม่เสียใจในภายหลัง "
สวัสดีครับทุกท่าน ! เมื่อปลายปีที่แล้ว นอกจากจะมี
Avatar: The Way of Water (2022) เข้าฉาย ยังมีหนังอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจ นั่นคือ
Puss in Boots: The Last Wish (2022) แม้ว่าจะโดนกระแสของ Avatar กลบไป แต่ในแง่คำวิจารณ์นับว่าไม่ธรรมดาทีเดียว
คะแนนความชอบใน
Roten Tomatoes สูงลิบลิ่วทั้งใน
ฝั่งนักวิจารณ์ (96%) และ
ผู้ชมทั่วไป (93%) ส่วนใน
IMDB ได้รับ Rating คะแนนอยู่ที่
7.8 นอกจากนี้ คะแนนจาก
Metascore ยังได้สูงถึง
75/100 (นักวิจารณ์ค่อนข้างชอบกัน) ยังไม่นับรวมการเข้าชิงรางวัลในสถาบันต่าง ๆ รวมไปถึง
ลูกโลกทองคำ (Golden Globes 2023) สาขา Animation
คะแนน Puss in Boots: The Last Wish ใน Rotten Tomatoes
วันนี้ผมจึงอยากจะมาแชร์รีวิว แบ่งปันความคิดเห็นนะครับ อาจจะรีวิวเลทไปนิดนึง แต่ก็หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่สนใจนะครับ
เรื่องย่อ
Puss in Boots: The Last Wish - Official Trailer
Puss in Boots: The Last Wish ได้รับการกำกับโดย
Joel Crawford เนื้อเรื่องเล่าถึง
พุซ (Antonio Banderas) มหาโจร (แมว) ผู้มี 9 ชีวิต ด้วยการใช้ชีวิตที่เลยเถิด ทำให้พุซพลาดท่าตาย จนเหลือเพียง 1 ชีวิตสุดท้าย ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวถึงการมาของ
"ดาวอำนวยพร (The Wishing Star)" ซึ่งจะดลบันดาลให้ผู้ที่อธิษฐานสมปรารถนาในทุกเรื่อง พุซจึงเริ่มออกเดินทาง เพื่อตามหาหนทางที่จะทำให้เขากลับมามี 9 ชีวิตได้อีกครั้ง
ความรู้สึกหลังชม
สไตล์งานภาพดูโฉบเฉี่ยว
- ยอมรับว่า ไม่ได้ตามหนังจักรวาล
Shrek มากเท่าไรในระยะหลัง ทำให้ไม่ได้ดู
Puss in Boots (2011) ภาคแรกด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากเห็นคำวิจารณ์ที่ดีในภาคนี้ จึงตัดสินใจมาชม ต้องบอกเลยว่า
"ไม่ผิดหวัง" Puss in Boots 2 เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าติดตาม ความคิดสร้างสรรค์ ไปจนถึงประเด็นหลักของเรื่องที่หนักหน่วงและอาจทำให้น้ำตาซึม
- จุดแรกที่ประทับใจ คือ
"ความสร้างสรรค์ในการยำโลกเทพนิยาย (Fairy Tales)" ส่วนนี้เป็นเอกลักษณ์สำคัญที่สุดของแอนิเมชั่นจักรวาล Shrek ที่จะจับตัวละครจากนิทานหรือโลกเทพนิยายมายำ พร้อมกับล้อเลียนเสียดสีด้วยความขบขัน
Puss in Boots ในภาคนี้ ยังคงเอกลักษณ์นี้ไว้อย่างเหนียวแน่น โดยสังเกตได้จากกลุ่มตัวละครหลักในเรื่อง
[ ตัวอย่างเช่น ]
--
Goldilocks and the Three Bears จากวรรณกรรมประเทศอังกฤษ ถูกเปลี่ยนให้เป็น
"Goldilocks and the Three Bears Crime Family" ที่ไล่ล่าเอาลายแทง The Wishing Star จากพุซ
Goldilocks and the Three Bears
--
Little Jack Horner จากเพลงกล่อมเด็กในศตวรรษที่ 18 ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็น
"Big" Jack Horner
Little Jack Horner
-- หรือแม้แต่
Puss in Boots จริง ๆ แล้วก็มาจากวรรณกรรมอิตาลีในศตวรรษที่ 16-17
Puss in Boots
ส่วนธีมเรื่องในภาคนี้ มีโทนออกละตินเยอะ ก็มีการนำสไตล์หนังคาวบอย Western เข้ามาผสม (มีซีนดวลกัน 1-1 เหมือนดวลปืนด้วย 😂) ซีน Cameo ของตัวละครเก่าจากเรื่อง Shrek มีผสมเข้ามาบ้างเป็นน้ำจิ้ม
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นึกได้อีกอย่าง คือ ซีนแล่นเรือกลับไปอาณาจักร Far Far Away ท้ายเรื่อง ผมนึกถึงฉากสุดท้ายใน Lord of the Ring ที่โฟโด้ขึ้นเรือเดินทางไปวารินอร์ ไม่รู้ว่า จงใจ Parody ด้วยหรือเปล่า 555
พาร์ทมุกตลกในเรื่อง มีทั้งมุกธรรมดาและมุกเสียดสี / ตลกร้าย บางมุกดาร์กเกินกว่าที่จะเป็นแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก อย่างไรก็ตาม จุดนี้เป็นผลบวกกับหนัง เพราะ ทำให้หนังมีความหนักแทนที่จะเป็นแอนิเมชั่นสนุก ๆ ธรรมดาทั่วไป แถมมุกที่ใส่มาค่อนข้างตลกและจี้จุดโดนใจ
โดยรวมน่าชื่นชมที่ผู้สร้างสามารถนำตัวละคร / กิมมิค / ธีมเรื่องต่าง ๆ มาผสมผสานกันอย่างลงตัว เต็มไปด้วยไอเดียน่าสนใจ
Goldilocks and the Three Bears ในโหมดครอบครัวนักก่ออาชญากรรม 😂
- จุดประทับใจถัดมา คือ
"แก่นเรื่องที่สะเทือนอารมณ์" Puss in Boots ภาคนี้ มีประเด็นหลักที่หนักหน่วง อย่างการพูดถึง
"ความน่าหวาดหวั่นของความตาย และการเรียนรู้ถึงความหมายของชีวิต"
พุซใช้ชีวิตด้วยความโอ่อ่า โลดโผน ชีวิตของพุซเต็มไปด้วยชื่อเสียงและคำยกย่อง เมื่อพุซเหลือเพียงชีวิตสุดท้าย เขาเริ่มรับรู้ถึงความน่ากลัวของความตาย ซึ่งพร้อมจะพรากชีวิตและเกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทองไป
นับว่าโชคดีที่สุดท้าย พุซก็ได้เรียนรู้ถึง
"ชีวิตที่พลาดได้ กับชีวิตที่พลาดไม่ได้" ชีวิตที่พลาดได้ คือ ชีวิตที่พุซสูญเสียไปแล้ว ส่วนชีวิตที่พลาดไม่ได้ ก็คือ ชีวิตปัจจุบันของพุซที่ต้องใช้อย่างไม่ประมาท
การมีถึง 9 ชีวิต จึงอาจไม่คุ้มค่าเท่ากับการมีชีวิตเดียวที่เปี่ยมด้วยความหมาย ชีวิตที่มีคนเดินเคียงข้าง ชีวิตที่มีมิตรให้ไว้ใจ ชีวิตที่ไม่มีวันเสียใจภายหลัง
พุซและผองเพื่อนร่วมทาง
- ประเด็นรองที่น่าสนใจ ก็เช่น เรื่องราวชีวิตของ หมาน้อย "เปอริโต้ (Harvey Guillén)" รวมถึง แมวสาว "คิตตี้ (Salma Hayek)" ที่เติมเต็มหนังให้หนังมีชีวิตชีวา เปอริโต้ช่วยเปลี่ยนหัวใจอันด้านชาของพุซให้อ่อนโยน แถมการมองโลกแง่ดีของเปอริโต้ ยังช่วยให้ภารกิจของพุซสำเร็จลุล่วงง่ายขึ้น
นี่ก็เป็นสารหนึ่งที่หนังพยายามบอกเราให้ตระหนักถึง "การมีจิตใจที่งดงาม จิตใจอันบริสุทธิ์" แม้วันนี้ใจเราจะโรยรา แต่การปลูกความบริสุทธิ์ให้งอกเงยในใจไม่เคยสาย เช่นเดียวกับหัวใจของพุซที่ถูกเปลี่ยนให้ชุ่มช่ำอีกครั้งด้วยน้ำใจไมตรีของเปอริโต้ และการมีคนที่เข้าใจในตัวเขาอย่างคิตตี้
- นอกจากความสร้างสรรค์และประเด็นเรื่อง งานสร้างก็แปลกตากว่าที่เคย มุมกล้องที่โฉบเฉียบ และใช้เทคนิคงานสร้างที่คล้ายกับ
Spider-Man: Into the Spider-Verse (2018) ตัวละครอยู่ในลักษณะ 3D ขณะที่ฉากพื้นหลังผสมสไตล์ 2D เข้ามา ทำให้ดูครีเอทีฟไปอีกแบบ
พุซในเวอร์ชั่นน่ารักตาแป๋ว
- พาร์ตตัวละคร รู้สึกชอบตัวละครแต่ละตัวที่มีเสน่ห์ ทั้งน่ารักและกวนในเวลาเดียวกัน อีกส่วนที่เตะตาเป็นพิเศษ ก็เป็นเรื่องการออกแบบตัวละคร
หมาป่า มาทีไรก็ขนลุกทุกที (มีความ Horror 😂)
สำหรับพาร์ทนักแสดง ขอยกนิ้วให้กับ
Antonio Banderas ที่พากย์เสียงพุซได้แหบมีเสน่ห์ ช่วยให้ตัวละครพุซโดดเด่น
- จุดสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เป็นเรื่องเพลงประกอบ อย่างเพลง
Fearless Hero ที่ขับร้องโดย
Antonio Banderas ตัวเพลงติดหูและบ่งบอกถึงคาแรคเตอร์ของพุซอย่างน่าจดจำ
Puss in Boots: The Last Wish | Who is Your Favourite Fearless Hero?
สรุป
Puss in Boots: The Last Wish (2022) ถือเป็นแอนิเมชั่นจากค่าย
DreamWorks ที่น่าประทับใจในปี 2022 หากไม่เคยดูภาค 1 มาก่อนก็ดูภาคนี้รู้เรื่อง หนังผสมผสานองค์ประกอบค่อนข้างลงตัว ทั้งในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ และความสนุกของเรื่องราว จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้รับความนิยมทั้งจากฝั่งนักวิจารณ์และผู้ชมทั่วไป อีกทั้งตัวหนังยังมีเอกลักษณ์การยำเทพนิยายสไตล์ Shrek ที่โดดเด่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้หนังตระกูลนี้ แตกต่างจากแอนิเมชั่นเรื่องอื่น ๆ
ดูไปแล้ว ก็น่าเข้าชิงออสการ์ แต่ไม่รู้ว่าจะไปถึงขั้นคว้ารางวัลเลยหรือเปล่า เพราะคู่แข่งที่น่ากลัวก็มีอยู่หลายเรื่อง อย่างน้อยก็เรื่อง
Guillermo del Toro’s Pinocchio (2022) ดังนั้นต้องติดตามกันว่าหนังจะไปได้ถึงขั้นไหน
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณที่อ่านรีวิวมาถึงตรงนี้นะครับ... Puss in Boots: The Last Wish เป็นแอนิเมชั่นที่ผมอยากแนะนำให้ทุกคนได้รับชม เชื่อว่าทุกคนจะหลงรักครับ !
_________________________________
ป.ล. Puss in Boots ภาคแรก รับชมได้บน Netflix นะครับ
ป.ล.2 อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพุดคุยหรือติดต่อกับผม
IG: benjireview
Puss in Boots: The Last Wish (2022) - การผจญภัยในชีวิตสุดท้ายของแมว 9 ชีวิต
คะแนนความชอบใน Roten Tomatoes สูงลิบลิ่วทั้งในฝั่งนักวิจารณ์ (96%) และผู้ชมทั่วไป (93%) ส่วนใน IMDB ได้รับ Rating คะแนนอยู่ที่ 7.8 นอกจากนี้ คะแนนจาก Metascore ยังได้สูงถึง 75/100 (นักวิจารณ์ค่อนข้างชอบกัน) ยังไม่นับรวมการเข้าชิงรางวัลในสถาบันต่าง ๆ รวมไปถึงลูกโลกทองคำ (Golden Globes 2023) สาขา Animation
เรื่องย่อ
ความรู้สึกหลังชม
- จุดแรกที่ประทับใจ คือ "ความสร้างสรรค์ในการยำโลกเทพนิยาย (Fairy Tales)" ส่วนนี้เป็นเอกลักษณ์สำคัญที่สุดของแอนิเมชั่นจักรวาล Shrek ที่จะจับตัวละครจากนิทานหรือโลกเทพนิยายมายำ พร้อมกับล้อเลียนเสียดสีด้วยความขบขัน
Puss in Boots ในภาคนี้ ยังคงเอกลักษณ์นี้ไว้อย่างเหนียวแน่น โดยสังเกตได้จากกลุ่มตัวละครหลักในเรื่อง
[ ตัวอย่างเช่น ]
-- Goldilocks and the Three Bears จากวรรณกรรมประเทศอังกฤษ ถูกเปลี่ยนให้เป็น "Goldilocks and the Three Bears Crime Family" ที่ไล่ล่าเอาลายแทง The Wishing Star จากพุซ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พาร์ทมุกตลกในเรื่อง มีทั้งมุกธรรมดาและมุกเสียดสี / ตลกร้าย บางมุกดาร์กเกินกว่าที่จะเป็นแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก อย่างไรก็ตาม จุดนี้เป็นผลบวกกับหนัง เพราะ ทำให้หนังมีความหนักแทนที่จะเป็นแอนิเมชั่นสนุก ๆ ธรรมดาทั่วไป แถมมุกที่ใส่มาค่อนข้างตลกและจี้จุดโดนใจ
โดยรวมน่าชื่นชมที่ผู้สร้างสามารถนำตัวละคร / กิมมิค / ธีมเรื่องต่าง ๆ มาผสมผสานกันอย่างลงตัว เต็มไปด้วยไอเดียน่าสนใจ
พุซใช้ชีวิตด้วยความโอ่อ่า โลดโผน ชีวิตของพุซเต็มไปด้วยชื่อเสียงและคำยกย่อง เมื่อพุซเหลือเพียงชีวิตสุดท้าย เขาเริ่มรับรู้ถึงความน่ากลัวของความตาย ซึ่งพร้อมจะพรากชีวิตและเกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทองไป
นับว่าโชคดีที่สุดท้าย พุซก็ได้เรียนรู้ถึง "ชีวิตที่พลาดได้ กับชีวิตที่พลาดไม่ได้" ชีวิตที่พลาดได้ คือ ชีวิตที่พุซสูญเสียไปแล้ว ส่วนชีวิตที่พลาดไม่ได้ ก็คือ ชีวิตปัจจุบันของพุซที่ต้องใช้อย่างไม่ประมาท
การมีถึง 9 ชีวิต จึงอาจไม่คุ้มค่าเท่ากับการมีชีวิตเดียวที่เปี่ยมด้วยความหมาย ชีวิตที่มีคนเดินเคียงข้าง ชีวิตที่มีมิตรให้ไว้ใจ ชีวิตที่ไม่มีวันเสียใจภายหลัง
สำหรับพาร์ทนักแสดง ขอยกนิ้วให้กับ Antonio Banderas ที่พากย์เสียงพุซได้แหบมีเสน่ห์ ช่วยให้ตัวละครพุซโดดเด่น
- จุดสุดท้ายที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เป็นเรื่องเพลงประกอบ อย่างเพลง Fearless Hero ที่ขับร้องโดย Antonio Banderas ตัวเพลงติดหูและบ่งบอกถึงคาแรคเตอร์ของพุซอย่างน่าจดจำ
ดูไปแล้ว ก็น่าเข้าชิงออสการ์ แต่ไม่รู้ว่าจะไปถึงขั้นคว้ารางวัลเลยหรือเปล่า เพราะคู่แข่งที่น่ากลัวก็มีอยู่หลายเรื่อง อย่างน้อยก็เรื่อง Guillermo del Toro’s Pinocchio (2022) ดังนั้นต้องติดตามกันว่าหนังจะไปได้ถึงขั้นไหน
สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณที่อ่านรีวิวมาถึงตรงนี้นะครับ... Puss in Boots: The Last Wish เป็นแอนิเมชั่นที่ผมอยากแนะนำให้ทุกคนได้รับชม เชื่อว่าทุกคนจะหลงรักครับ !