บทความ ออทิสติก สามารถมีความรักได้หรือไม่ โดย ออทิสติดสเปคตรัมคนหนึ่ง

ผมเองเป็นออทิสติกสเปคตรัมครับ
อาจจะเขียนไม่ค่อยดี ขออภัยนะครับ

หลังๆมา สังคมโลก ได้ให้ความสนใจกับกลุ่ม ออทิสติกมากขึ้น
ดังจะเห็นได้มากมาย จากหนังและซีรี่ย์

สิ่งที่สื่อเหล่านั้น พยายามที่จะถ่ายทอด ก็คือ ออทิสติก เข้าใจในอารมณ์ มีความรู้สึกเหมือนคนปกติ และ สามารถอยู่ร่วมกันกับสังคมได้จริงๆ
ซึ่งก็ ไม่ได้เป็นข้อมูลที่ผิดเลยสักนิดครับ แต่ส่วนตัวนะครับ ผมมองว่า ด้วยความที่เรตติ้งมันก็สำคัญสำหรับงานบันเทิง
ดังนั้นออทิสติกบนหน้าจอจึงมาพร้อมซูเปอร์พาวเวอร์ซะส่วนใหญ่
จนอาจทำให้ครอบครัวที่มีบุตรหลานออทิสติก อาจเกิดการเปรียบเทียบ ว่าทำไมลูกเราไม่เห็นจะอัจฉริยะ..
เอาตรงๆ ความเป็นอัจฉริยะแบบนี้ (เรียกว่า ออทิสติกที่มี Savant Syndrome) มันมีน้อยมากครับ

ผมเองก็ไม่ได้มีซูเปอร์พาวเวอร์อะไรแบบนั้นครับ

แต่มันก็หลายๆอย่างในตัวผม ที่ผมรับรู้ ว่ามันเหนือกว่าคนอื่นครับ

โดยเฉพาะ ประสาทการรับรู้ที่เหนือกว่า
เป็นที่รู้กันว่าออทิสติก มีปัญหาในการเข้าสังคมครับ
ด้วยความบกพร่องหลายๆอย่างที่ทำให้มันไม่สามารถเป็นไปได้ในแบบที่บรรทัดฐานสังคมคาดหวัง ก็ไม่แปลก ที่จะถูกมองเป็นตัวตลก
แต่ว่า ธรรมชาติไม่กลั่นแกล้งพวกผมหนักจนเกินไปครับ เค้ายังให้ของขวัญมาบ้าง นั่นคือ ประสาทการรับรู้ที่เหนือกว่า
ซึ่งก็เมคเซนส์ เมื่อมีส่วนหนึ่งพัฒนาด้อยกว่า ก็ต้องมีบางส่วนที่พัฒนาเด่นกว่า เพื่อเติมเต็มช่องว่างทางการเรียนรู้ที่เกิดขึ้น

มีงานวิจัยมาว่า สิ่งที่ออทิสติกส่วนใหญ่ไวที่สุดคือ เสียง
จนเกิดเป็นคำพูดกินใจที่สรรสร้างให้กลุ่มออทิสติก นั่นคือ 
“ผมดูจะชอบอยู่ในความเงียบสงัด แต่ในความเป็นจริง โลกของผม มันเต็มไปด้วยเสียง”

สำหรับผมเอง ผมไม่ได้เรื่องเสียงครับ
แต่ผมไวต่อกลิ่นมากกว่าคนปกติครับ
และ การสร้างภาพสามมิติขึ้นในหัว

กลับมาที่เรื่องของ ประสาทการรับรู้ 
เอาตรงๆ ถึงออทิสติกจะดูบ้าๆ 

แต่เค้า ก็มีความรู้สึกนะครับ
เค้าไม่เข้าใจความรู้สึกของคนอื่น เพราะเค้าแปลการกระทำไม่เก่ง ก็ขนาดแค่การแสดงออกของตัวเองยังสับสนเลย เช่น โดนด่าแล้วหัวเราะ โดนกดดันแล้วง่วงนอน และมากมาย

แต่เค้าก็มีอารมณ์ที่อ่อนไหวนะครับ ภายในใจ เค้าเข้าใจอะไรมากมายครับ เค้ารู้หมดนั่นแหละว่า ความสุขมันรู้สึกยังไง ความตื่นเต้นมันเร้าใจยังไง ความเครียดมันทรมานยังไง ความเศร้ามันเจ็บปวดใจยังไง

เช่นกันกับความรัก
ออทิสติกสัมผัสได้ครับ เมื่อมีคนใส่ใจเค้า
เค้ารับรู้ได้ครับว่าใครคือพื้นที่ปลอดภัย หรือที่เรียกว่า เซฟโซน
ผมเองก็เคยมีความรักครับ มันสวยงามมากนะครับ
เพราะฉะนั้น ออทิสติก สามารถมีความรักได้ ไม่ต่างอะไรกับคนในสังคมทั่วไปเลยครับ

ตอนมอต้น ผมเคยโดนบุลลี่หนัก ส่วนมอปลาย ผมได้เจอเพื่อนสนิทที่พยายามเข้าใจและเรียนรู้ในสิ่งที่ผมเป็น
เค้าเป็นเหมือนแสงแดดที่ทำให้ ฤดูใบไม้ผลิในตัวผม กลับมามีชีวิตชีวาครับ ในช่วงนั้น ผมสัมผัสได้ครับว่าผมเองมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมากจริงๆ

จากข้อความข้างบน สิ่งที่ผมอยากบอก คือ ถ้าคุณเป็นผู้ปกครองของออทิสติก ขอให้คุณ ทำให้เค้ารับรู้ให้ได้นะครับว่าเค้าไม่ได้โดดเดี่ยวอยู่ในโลกอันกว้างใหญ่

มันไม่ใช่การพยายามยอมรับในสิ่งที่เค้าเป็นนะครับ ถ้าคุณแค่พยายามยอมรับในสิ่งที่เค้าเป็น คุณเห็นเค้าอยู่ๆลงไปนอนกับพื้น คุณก็คงจะปล่อยไปไม่พูดไม่ทำอะไร หรือนอนด้วยเป็นเพื่อนซะเลย แต่เค้าไม่ได้ต้องการแบบนั้นหรอกนะครับ

ถึงออทิสติกจะมีพฤติกรรมแปลกๆและควบคุมตัวเองไม่อยู่ แต่เค้า มีความเป็นหุ่นยนต์สูงมากครับ ทุกอย่างมันคือโปรแกรมที่เค้าเขียนขึ้นเอง มันมีโค้ดของมันอยู่ครับ

อย่างการที่อยู่ๆนอน มันอาจจะเพราะเค้าอยากให้คุณพาไปเที่ยว อันนี้ผมสมมุตินะ ถ้าคุณเข้าใจและเข้าไปดูแลเค้าในส่วนนั้นได้ เค้าจะรู้สึกว่าคุณเป็นสะพานที่สามารถ synchronize โลกส่วนตัวที่มีแต่เค้าที่เข้าใจ กับ โลกภายนอกที่มีแต่ความวุ่นวาย แม้คุณจะไม่ว่างพาไปเที่ยว แต่การมีเวลาให้เค้ามากขึ้นหน่อย เค้าก็สัมผัสได้แล้ว จริงๆนะครับ
ในวันนั้น จะเป็นวันที่เค้ารู้สึก “ปลอดภัย” ขึ้นมาอีกระดับครับ

คุณรู้อยู่แล้วว่าการลงไปนอนกับพื้น มันไม่ดี แต่คุณต้องไม่บังคับเค้านะครับ และการขอให้ทำ ก็ไม่น่าใช่ทางที่ดีเลย
ถ้าคุณอยากเปลี่ยนเค้า คุณต้องทำให้เค้ารู้สึกว่าคุณเป็นเซฟโซนที่ดีให้ได้ก่อน คุณต้องแกะโค้ดของเค้าให้ออก เพื่อที่จะไปแก้ไขโค้ดได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่