สวัสดีค่า ไม่ว่าใครก็ตามที่เค้ามาอ่านกระทู้นี้ แล้วอาจจะเคยมี หรือมีปัญหาเรื่องรอยสิวกวนใจอยู่ วันนี้เราถือโอกาสมารีวิว 7 เจลลดรอยสิวที่เคยใช้มาตลอดหลายปี ซึ่งก็มีทั้งตัวที่ชอบ ตัวที่ไม่ชอบ ซึ่งเดี๋ยวกระทู้นี้เราจะมารีวิวความประทับใจของ 7 เจลลดรอยสิวที่เคยใช้มานี้ ให้ได้อ่านกันค่ะ

เริ่มกันที่ตัวแรกกับ Hiruscar ที่เราใช้มาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนั้นแพ็กเกจของเค้าไม่ใช่แบบนี้นะคะ ซึ่งถ้าพูดถึงแบรนด์ Hiruscar โปรดักส์ที่ดังส่วนใหญ่ของเค้าก็หนีไม่พ้นเจลลดรอยแผลเป็นนี่แหละค่ะ อย่างล่าสุดที่เราได้ใช้มา จะเป็นสูตร Dragon’s Blood ตัวใหม่ของเค้าตัวนี้ ที่มีความน่าสนใจตรงที่ใส่ส่วนผสมของเลือดมังกรลงไป

ซึ่งส่วนตัวเราแล้วยังเฉยๆ กับผลลัพธ์เรื่องการลดรอยสิว แต่เนื้อสัมผัส ความสบายเวลาทาลงบนรอยสิวบนหน้าถือว่าดี ถ้าให้คะแนนขอให้อยู่ที่ 7 / 10 ละกันค่ะ

มาต่อกันที่ตัวที่สอง ที่หลายคนน่าจะโตมากับตัวนี้ ซึ่งความว้าวของมันในตอนนั้นคือการใส่ส่วนผสมของหัวหอมลงไปเยอะมาก โดยหัวหอมเค้าก็มีประสิทธิภาพในการลดรอยสิวอยู่แล้ว ในส่วนของเนื้อจำไม่ได้เท่าไหร่ แต่ที่ติดตราตรึงใจคือกลิ่นของเค้าที่หอมอ่อนๆ บวกกับประสิทธิภาพในการลดรอยสิวที่ดี ตอนนี้ยังหาซื้อได้อยู่ไหม อันนี้ไม่รู้ แต่เราไม่ได้ใช้เค้าต่อมาได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว

ความประทับใจให้ 8 / 10 ถ้ามีโอกาสก็อยากกลับไปลองใช้อีก

มาต่อกันที่เจลลดรอยสิวตัวที่ 3 ที่เป็นแบรนด์ขวัญใจคนเป็นสิวอย่าง Acne-Aid ไม่รู้ว่าก่อนหน้าที่เค้าจะรีแบรนด์พวกแพ็กเกจใหม่ หน้าตาของเจ้าตัวนี้เป็นยังไง เคยวางขายมาก่อนไหม อันนี้เราไมรู้จริงๆ ส่วนตัวเราได้มาลองใช้ก็ตัวแพ็กเกจใหม่สีม่วงๆ แบบนี้แล้วล่ะค่ะ 

ในส่วนของประสิทธิภาพในการลดรอยสิวสำหรับเรายังให้เฉยๆ เนื้อมีความหนักหน่อย ทาแล้วผิวจะมีความหนึบๆ มันๆ บอกไม่ถูก ผลลัพธ์คือช้าหน่อย แต่ก็ยังเห็นความเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ช้าจริงๆนะ สรุปคือยังไม่ประทับใจเท่าไหร่ เอาไป 5 / 10 คะแนนพอ

ใครที่เป็นสายดิบๆ หน่อยอาจจะชอบตัวนี้ เพราะเราเคยซื้อมาใช้ตั้งแต่เจลแต้มสิวดอกดาวเรือง ลามมายังตัวนี้ สิ่งที่มองว่าเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์เลยคือ มีความแรงกับผิวมาก ขนาดยาแต้มสิว แต้มแล้วมีความแสบๆ บนผิว (แต่หายเร็วจริงนะ) แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความแสบ และหน้าลอกนิดหน่อย

ส่วนตัวเจลลดรอยสิวของเค้าก็แรงเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือหายจริง แต่ต้องยอมแลกกับความเจ็บปวดหน่อย แต่เห็นว่าสูตรใหม่ (ตามภาพ) เค้ามีการใส่สารสกัดที่ช่วยความชุ่มชื้นลงไปด้วย ส่วนตัวยังไม่ได้ลอง เอาไว้จะหาโอกาสไปลองดู ว่ายังแรงเหมือนเดิมไหม หรือมีความอ่อนโยนขึ้นมานิส ความประทับใจให้ 6/10 แต่ไม่แนะนำสำหรับคนหน้าบาง ลอกง่ายนะ

ต่อกันที่ตัวถัดไป ที่เป็นเจลลดรอยสิวเบอร์ต้นๆ เวลาที่ไถหารีวิวเจลลดรอยสิวเพื่อซื้อมาใช้ตามมากๆ โดยเราก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย สำหรับเจลลดรอยสิวตัวนี้ก็สมชื่อเค้าเลยค่ะ ลดรอยสิวได้ดี และเร็วจริง แต่สิ่งที่ไม่ชอบของเค้ามีอยู่จุดเดียวคือกลิ่น ที่มันเป็นกลิ่นยังไงๆ ก็ไม่รู้ คิดว่าคงเป็นกลิ่นของเลือดมังกรละมั้ง คือมันจะหอมก็ไม่หอม จะเหม็นก็ไม่เหม็น ถ้าตัดเรื่องนี้ออกไป มองแต่ประสิทธิภาพ ก็คือดีสมชื่อ ซื้อมาใช้แล้วไม่ผิดหวังจริงๆ 

ความประทับใจให้ 9 / 10 

ในส่วนของตัวนี้ เราให้คะแนนความหาซื้อง่าย + ราคาที่ถูก + แพ็กเกจที่น่ารักก่อนเลยหนึ่งกรุบ สาเหตุที่ซื้อมาลองคือก่อนหน้านี้เราซื้อเจ้าตัวเจลแต้มสิวของเค้ามาใช้ แล้วผลลัพธ์ที่ออกมามันดีมาก สิวยุบ ราคาดี เลยตัดสินใจซื้อตัวลดรอยสิวของเค้ามาลองบ้าง เผื่อว่าจะดีงามเหมือนกัน

ปรากฎคือ สำหรับเรา เรายังว่าเฉยๆ กลิ่น เนื้อสัมผัส ความรู้สึกเวลาใช้คือโอเคมากๆ แต่ผลลัพธ์ไม่เห็นผลตามที่เคลมไว้คือจางลงใน 7 วัน หรือทางเราใช้ไม่บ่อยเกินไปมั้ง หรือยังไงก็ไม่รู้ เลยรู้สึกว่ายังไม่เห็นผลขนาดนั้น เอาไว้จะลองใช้เค้าดูอีกที แต่ตอนนี้ให้ไปก่อนที่ 7 / 10 คะแนน

มาถึงตัวสุดท้ายกับครีมในตำนานของ Smooth-E อันนี้เรียกว่าเป็นตัวแรกๆ ในชีวิตที่เราเคยใช้มา จนมาถึงปัจจุบันนี้ หน้าตาเคยเป็นยังไง จนถึงตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม คือเค้าจะเป็นครีมเนื้อแน่นๆ หน่อย สามารถใช้เป็นครีมบำรุงผิวหน้าไปเลยก็ได้ หรือจะแต้มเฉพาะจุดก็ได้

สำหรับเราผลลัพธ์ยังเฉยๆ บวกกับพื้นผิวเดิมเราเป็นคนผิวมัน พอยิ่งลงครีมเนื้อหนักๆ เข้าไป มันกลับกลายเป็นว่าทำให้หน้าของเราระหว่างวันมันเยิ้มขึ้น สรุปก็คือเลิกใช้ไปได้สักพักแล้ว เอาไว้ถ้าเนื้อสัมผัสของเค้าบางลงกว่านี้ หรือมีสูตรที่มัน Light กว่านี้ แล้วค่อยว่ากันใหม่อีกครั้ง ความประทับใจให้ 5 / 10