เรื่องราวก็ตามหัวข้อกระทู้เลยค่ะ ยาวหน่อยนะคะ เริ่มเรื่องตัวเราเกิดมาในพ่อแม่ที่ไม่ได้สมบูรณ์นัก ก็จะมีย่าคนนี้ละ(แม่ของพ่อแท้ๆ) ที่ส่งเสียเลี้ยงดูให้เรียนหนังสือจนจบ ด้วยตอนนั้นย่ามีเงินเป็นคนรวยคนนึงในซอยเลยก็ว่าได้ เรื่องนี้ถือเป็นบุญคุณที่เราจดจำฝังใจมากเพราะย่าจะกรอกหูมาแต่เด็กๆว่า แม่มันไม่เคยเลี้ยงทิ้งไปแต่เด็ก เขาเอ็งที่เลี้ยงดูเรามา พูดแบบนี้มาตลอดแต่เล็กจนโต เราเลยรักย่า ยิ่งกว่าแม่เเท้ๆเพราะถือเป็นบุญคุณที่ทำให้เรามีชีวิตที่ดี แต่ เรื่องมาเกิดตอนเราโตเริ่มทำงานได้เเล้วนี่เเหระค่ะ ต้องบอกก่อนว่าอุปนิสัยย่าเราเป็นคนใช้เงินฟุ่มเฟือย มือเติบ สุรุ่ยสุร่ายไม่วางแผนการเงินเลย มาแต่สมัยสาวๆ สาวๆแกมีเงินเพราะแกมีคนส่งเสียเลี้ยงดูเป็นพ่อแม่บุญธรรมต่างชาติเลยทำให้ชีวิตไม่เคยขาดเงินเลย ขอเมื่อไหร่พ่อแม่บุญธรรมให้ตลอดมาหลายสิบปีเลยทำให้ย่าเราติดนิสัยการใช้เงินแบบมือเติบมานาน ทีนี้กลับมาครั้งแรกที่ ย่าให้เราเอาบ้านไปจำนองเพราะเรามีงานการทำแล้วมีเครดิตพอจะกู้ธนาคารผ่านได้ ย่าเป็นหนี้อยากได้เงินก้อนมาหมุน ไม่มีใครทำได้เพราะอาๆที่เป็นลูกย่าทั้งหลายไม่มีงานการอะไรทำเป็นหลักสักคน พึ่งไม่ได้ ขอแต่เงิน เรื่องเลยมาตกที่เรา ด้วยความที่ย่าขอ เราก็ทำให้อย่างไม่ลังเล เพราะถือเป็นผู้มีพระคุณ เลี้ยงดูเรามา ยื่นกู้กันมา ผลออกมาว่ากู้ผ่าน ส่งธนาคารเดือนละ2หมื่นในชื่อเราเป็นผู้กู้ ยอดเท่าไรจำไม่ได้เพราะอายุยังน้อยไม่ได้สนใจ งวดผ่อนย่าจะเป็นคนจ่าย ส่งเลทบ้างตรงบ้าง เราไม่รู้เรื่องการเงินย่าเท่าไรไม่เคยทราบว่า ที่เห็นย่ามีเงินๆมันคือเงินจากการหมุนหนี้ เอาตรงนี้มาโป้ะตรงนั้น ตรงนั้นมาโป้ะตรงนี้ และชอบกู้ยืมนอกระบบมากเสียดอกแพงๆ หนี้ท่วมๆ เรื่องนี้เราเพิ่งมารู้เอาตอนโตแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่พูดไม่ได้เพราะย่าไม่ฟัง ย่าคิดว่าเอาตัวรอดได้หมุนได้ จนมาถึงวันที่มันหมุนไม่ไหวนี่สิคะ ทางออกคือการขายบ้านค่ะ เพื่อเอาเงินมาโป้ะหนี้นอกระบบเเละหนี้บ้านที่จำนองไว้ เหลือเงินนิดหน่อย เลยเลือกที่จะไปปลูกบ้านในที่ดินที่ย่าซื้อไว้แถบชานเมืองซึ่งเราก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร คิดว่าคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดของย่าตอนนั้น ได้เงินเหลือจากขายบ้านเก่ามาก้อนนึง มาสร้างบ้านใหม่ในที่ดินที่เหลืออยู่ผืนสุดท้าย ย่าเอาเงินส่วนนึงสร้างบ้าน อีกส่วนนึงซื้อรถกระบะมือสองแบบสด เพราะชอบไม่ได้จะไปทำการอาชีพใดๆ แค่ชอบค่ะ น่าจะ5แสนได้มั้งคะ ในขณะที่บ้านใหม่ยังสร้างไม่เสร็จไม่จัดงบประมาณใดๆ วางแผนเงินใดๆไม่มี ไม่มีสัญญา ผู้รับเหมาเบิกเงินก็มีแต่จ่ายไม่ดูงานไม่ตามงาน จนเงินหมดต้องขายรถกระบะที่เพิ่งซื้อมานั่นละค่ะ มาสร้างบ้านต่อ ไปๆมาๆ ผู้รับเหมาโกงค่ะ ทิ้งงานเชิดเงินที่เบิกไปหมดแล้วหายตัวไป ทิ้งบ้านที่สร้างไว้แบบมึนๆ ย่าเราเงินหมดช่างหนี้ ทำไงล่ะคะ เข้าทางเดิมค่ะ กู้หนี้นอกระบบต่อค่ะ ไปมาบ้านสร้างเสร็จย่าเป็นหนี้ นอกระบบอยู่ประมาณ 1.5 ล้าน ค่ะ โดยหนี้ทั้งหมดนี้จะต้องส่งดอกเดือนละประมาณ 2 หมื่นกว่าบาทอีกแล้วค่ะ เรื่องนี้เรามารู้ตอนที่ย่ามาบอกว่าเป็นหนี้ส่งดอกไม่ไหวแล้วนี่ล่ะค่ะ ให้ทายว่าย่าจะให้เราทำอะไรค่ะ... ใช่ค่ะ ย่าต้องการให้เราเอาบ้านไปจำนองและเอาเงินก้อนมาใช้หนี้อีกแล้วค่ะ ฮ่าๆๆๆ ตลกร้ายใช่มั้ยคะ แต่ที่ตลกกว่านั้นก็คือเรายินดีทำให้ค่ะ (อีกแล้ว) ด้วย ตอนนั้น จิตใจที่สงสารย่ามากเราคิดว่าย่าโดนโกงจากการที่ ผู้รับเหมาเทงานและเบิกเงินไปหมดแล้วเราจึงเต็มใจช่วยอีกครั้งหนึ่ง เรากู้ผ่านค่ะและเราเสนอตัวเองเป็นคนผ่อนหนี้ต่อเดือนเดือนละหมื่นกว่าบาทด้วยตัวคนเดียว แต่มีข้อแม้ว่าบ้านหลังนี้ต้องเป็นชื่อของเราแล้ว เพราะเราเหนื่อยกับการจำนองไถ่ถอนจำนองไถ่ถอนอยู่แบบนี้จึงยื่นข้อเสนอว่าขอให้บ้านหลังนี้เป็นชื่อเราและเราจะผ่อนบ้านหลังนี้คนเดียวย่าไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ ย่าเราตกลงค่ะ ได้เงินมาประมาณ 1.5ล้าน ระยะผ่อนชำระของเราคือ 30 ปี เดือนละประมาณหมื่นกว่าบาท เราใจกว้างมากขอผ่อนชำระคนเดียว คิดว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระแก หลังจากได้เงินมาย่าเอาไปจ่ายหนี้นอกระบบทั้งหมด เราไม่ได้เงินในส่วนนี้สักบาทซึ่งก็ไม่เป็นไรเราก็ไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นเราถึงเป็นคนจิตใจเมตตาขนาดนี้ อย่างว่าเพราะคำว่าบุญคุณมันทำให้เราคิดอยู่เสมอว่าเราอยากตอบแทน ให้ได้มากที่สุด เรื่องนี้ผ่านไปค่ะ เราผ่อนบ้านหลังนี้อยู่ 5 ปีจนกระทั่งโควิดมา โดยระหว่างผ่อนบ้านนี้ เราก็จะได้ยินอยู่เรื่อยๆว่าย่าเราเป็นหนี้อีกแล้วอีกแล้วอีกแล้ว ขอเงินพ่อแม่บุณธรรมมาหมุนมาโป้ะแล้วก็ยืมใหม่แล้วก็เป็นหนี้แล้วก็ยืมใหม่ อยู่แบบนี้นับครั้งไม่ถ้วน
พยายามให้มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป เพราะเห็นแล้วก็เครียด ในส่วนของเราช่วยเหลือมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะลำพังผ่อนบ้านอยู่คนเดียวก็ไม่สามารถจะเลี้ยงดูแกได้กว่านี้แล้ว ไม่ต้องถามหาถึงลูกหลานอื่นที่เหลือนะคะ แต่ละคนไม่ได้มีงานที่เงินได้เยอะขนาดนั้น เขาจะไม่สามารถที่จะมาช่วยเลี้ยงดูย่าต่อเดือนได้มากมายขนาดนั้น เท่ากับ เขามีแค่เราคนเดียวเขาก็ใช้เราคุ้มเลยค่ะ จริงๆแล้วชีวิตเราด้วยงานที่เราทำตลอดไม่เคยทิ้งขว้างหรือเกเรชีวิตเราควรจะมีสินทรัพย์ได้มากกว่านี้เราควรมีบ้านเป็นของตัวเองได้แล้ว แต่เราไม่มี ด้วยภาระหนี้ที่เราต้องผ่อนบ้านของย่าเราอยู่ มันจึงทำให้เราเริ่มช้ากว่าคนอื่นเพราะลำพังหนี้สินทุกเดือนก็ขยับลำบากแล้ว เราผ่อนบ้านมาเรื่อยๆเข้าปีที่ 5 จนกระทั่งโควิดมา งานหดเงินหาย ผ่อนบ้านเดือนละหมื่นกว่าเข้าต้นอยู่ 5,000 บาทที่เหลือคือดอกทั้งหมดถือว่าโหดมาก ส่วนย่าเราก็บ่นอยู่ตลอดว่าไม่มีรายได้เลยไม่มีรายได้เลยซึ่งทางเราก็ช่วยเหลือมากกว่านี้ไม่ได้ เราจึงให้ข้อเสนอ ย่าว่าไปขอเงินก้อนจากพ่อแม่บุญธรรมย่ามาโป้ะบ้านหลังนี้เอาออกมาจากธนาคาร เงินที่เราเคยส่งบ้านเราจะได้มาส่งให้แกแทน เราจะส่งให้แกจนกว่าจะล้มหายตายจากกันไปข้างนึงเพราะปกติส่งไปก็เข้าต้นแค่ 5,000 บาทอยู่แล้ว แบบนั้นเราเอาเงิน 5,000 บาทมาทำเป็นเงินเดือนให้แกดีกว่าแบบนี้โอเคไหม มันก็เบาสำหรับเราด้วยสำหรับหนี้บ้านที่ไม่รู้จะหมดอีก 20 กว่าปิ ยอดไม่เยอะหรอกค่ะประมาณ 9 แสน เพราะเราผ่อนมา 5 ปีแล้ว ยอดก็ลดลงไปบ้าง ข้อเสนอที่เรายื่นไปย่าเราโอเคนะ ก็ไปทำการขอเงินจากพ่อแม่บุญธรรมมาซึ่งยากลำบากมากอย่างว่าสมัยนี้ไม่มีใครมีเงินเยอะแยะขนาดนั้น ซึ่งกว่าเขาจะโอนมาให้ ก็ลำบากยากเย็นเหมือนกัน จากนั้นเราเอาไปปิดบ้านและเงินผ่อนบ้านก็กลายเป็นเงินเดือนของย่าเรามาร่วม 1 ปีโดยไม่เคยเลททุกสิ้นเดือนย่าเราจะได้เงินจากเรามาตลอดรวมของหลานคนอื่นที่เเกเก็บค่าที่อยู่ด้วย ก็ร่วมหมื่นบาทแล้วเป็นเงินเดือนแก ไม่มีใครอยู่ฟรีค่ะนอกจากลูกรักของแกที่เป็นอาเรา ไม่เคยโดนเก็บสักครั้งแถมเห็นอกเห็นใจกลัวไม่มีเงินอีกต่างหาก เราจ่ายเงินเดือนมาเรื่อยๆแบบนี้ล่ะค่ะคิดว่ามันคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งเอาอีกแล้วค่ะย่าต้องการให้เราเอาบ้านเข้าไปจำนองอีกแล้วให้เอาเงินก้อนออกมาอีกแล้วและให้เราผ่อนชำระอีกแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นหนี้นอกระบบอีกแล้ว วนเวียนพูดกับเราแบบนี้หลายครั้งเราปฏิเสธมาตลอด เลยบอกตามตรงว่าเราไม่อยากเป็นหนี้ธนาคารอีกแล้วเพราะดอกค่อนข้างแพง เราจะไม่ทำให้อีกแล้วเพราะเราคิดว่าเราเสียเวลากับการจำนองบ้านไถ่ถอนแบบนี้มาทั้งชีวิตแล้ว ครั้งสุดท้ายมีปากเสียงกันค่อนข้างแรงด้วยเราเองก็ไม่ยอมแล้ว เราคิดว่าต้องป้องกันปัญหาซ้ำซากนี้จากต้นลม เพราะตั้งแต่ต้นจนจบเราใช้ตัวเราเป็นหนี้แทนย่ามาทั้งหมด กลับกลายเป็นว่าย่าด่าเราเสียๆหายๆ ด่าว่าเราหน้าด้านจะโกงกูเหรอ ทำไมไม่โอนบ้านคืนเขา ถ้าไม่จำนองให้ก็โอนบ้านคืนเป็นชื่อเขา เขาจะเอาโฉนดไปจำนองนอกระบบ แล้วเอาเงินก้อนออกมาเอง ด่าเราเสียๆหายๆพูดเหมือนเราไม่ใช่หลาน ลูกหลานในบ้านคนในบ้านห้ามแล้วเตือนแล้วว่าไม่ให้ทำก็ไม่ฟังพูดแต่ว่าของของกู กูสร้างมา กูจะเอามีสิทธิ์อะไร กูไม่ยอมหรอก พอจะเห็นเค้าโครงลางๆไหมคะว่าเดี๋ยวสุดท้ายแล้วก็จะต้องเป็นเราที่ต้องไปไถ่ถอนบ้านหลังนี้ออกมาอยู่ดีถ้าเรายอม เหมือนที่มันเคยเป็นมาทั้งชีวิตล่ะค่ะเพราะสงสารพี่น้องรวมถึงพ่อเรา โตด้วยกันมาเราคงไม่ทิ้งต้องไปจำนองให้อีกแต่ ไม่ต้องห่วงนะคะครั้งนี้เราไม่ยอม เราจึงอยากจบปัญหาด้วยการถามว่าหนี้นอกระบบตอนนี้เท่าไหร่ ย่าบอกว่า 160,000 บาท เราจัดการโอนใช้หนี้ ให้ย่าในวันนั้นด้วยเงินเก็บที่เราเก็บมาทั้งชีวิต เพื่อที่จะจบปัญหาไปและเรายื่นคำขาดว่าต่อไปนี้ย่าไม่ต้องพูดเรื่องนี้กับเราอีก จะไม่มีการ โอนบ้านหรือการจำนองบ้านให้ทั้งสิ้น เพราะตอนนี้เราใช้หนี้นอกระบบให้หมดแล้ว เราเสียดายเงินมากเงินเราทั้งชีวิตที่หามา หายไปในพริบตา แต่ เหมือนว่าย่าเราจะยังต้องการให้เราโอนบ้านเป็นชื่อเขาอยู่ยังพูดทุกวันทั้งที่เราใช้หนี้ให้แล้วไม่พูดถึงเลยเงินเราทั้งชีวิต โกรธแค้นเรา ด่าเรา ยกเหตุผล ร้อยแปดพันเก้า เพื่อที่จะต้องการให้โอนคืนให้ได้กลัวเราไล่คนอื่นออกจากบ้านเอย ไม่ไว้ใจเอย น่าตลกมากคิดไปได้ไม่ต้องห่วงคำหยาบคายทั้งหลายไม่น่าเชื่อว่าเราเป็นหลานเขาจริงๆที่ช่วยเหลือเขามาในทุกๆอย่างทั้งชีวิตแล้ว คนอื่นในบ้านยังต้องบอกว่าไม่ต้องมาห่วงเราคุยกันแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันไม่มีใครอยากได้บ้านนี้แต่จำเป็นต้องทำเพราะทุกคนไม่เห็นด้วยกับย่าทั้งนั้น ตอนนี้เราเสียความรู้สึกมากและเสียใจมากเราจึงคิดว่าจากนี้ไปคงจะต้องต่างคนต่างอยู่แล้ว ทำดีมาทั้งชีวิตเราไม่ได้ถูกมองว่าดีเลย ถ้าเราถือว่าเราชดใช้การเลี้ยงดูที่ย่าให้เรามาตั้งแต่เล็กๆจนหมดแล้วและเกินพอแล้วเราคงจะไม่บาปใช่ไหม จากนี้ไปเราคงต้องใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง ไม่น่าเชื่อว่าย่าเราจะกลายเป็นแบบนี้ในวันนี้อายุแก 77ปีแล้วนะคะ ได้แต่ปลอบตัวเองว่าเราทำดีที่สุดแล้วเราทำดีที่สุดมาตลอดแล้ว เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ เราไม่ได้อยากได้บ้านนี้เลย แต่เราจะไม่ทำให้แกจริงๆ เพราะสุดท้ายก็เป็นเราที่เดือดร้อนอยู่ดี ตลอดไป ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ 🙏🙏🙏
ผิดไหมที่ไม่ยอมจำนองบ้านกับธนาคารเป็นครั้งที่3ให้ย่าที่เลี้ยงดูมาตอนเด็ก
พยายามให้มันเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาไป เพราะเห็นแล้วก็เครียด ในส่วนของเราช่วยเหลือมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะลำพังผ่อนบ้านอยู่คนเดียวก็ไม่สามารถจะเลี้ยงดูแกได้กว่านี้แล้ว ไม่ต้องถามหาถึงลูกหลานอื่นที่เหลือนะคะ แต่ละคนไม่ได้มีงานที่เงินได้เยอะขนาดนั้น เขาจะไม่สามารถที่จะมาช่วยเลี้ยงดูย่าต่อเดือนได้มากมายขนาดนั้น เท่ากับ เขามีแค่เราคนเดียวเขาก็ใช้เราคุ้มเลยค่ะ จริงๆแล้วชีวิตเราด้วยงานที่เราทำตลอดไม่เคยทิ้งขว้างหรือเกเรชีวิตเราควรจะมีสินทรัพย์ได้มากกว่านี้เราควรมีบ้านเป็นของตัวเองได้แล้ว แต่เราไม่มี ด้วยภาระหนี้ที่เราต้องผ่อนบ้านของย่าเราอยู่ มันจึงทำให้เราเริ่มช้ากว่าคนอื่นเพราะลำพังหนี้สินทุกเดือนก็ขยับลำบากแล้ว เราผ่อนบ้านมาเรื่อยๆเข้าปีที่ 5 จนกระทั่งโควิดมา งานหดเงินหาย ผ่อนบ้านเดือนละหมื่นกว่าเข้าต้นอยู่ 5,000 บาทที่เหลือคือดอกทั้งหมดถือว่าโหดมาก ส่วนย่าเราก็บ่นอยู่ตลอดว่าไม่มีรายได้เลยไม่มีรายได้เลยซึ่งทางเราก็ช่วยเหลือมากกว่านี้ไม่ได้ เราจึงให้ข้อเสนอ ย่าว่าไปขอเงินก้อนจากพ่อแม่บุญธรรมย่ามาโป้ะบ้านหลังนี้เอาออกมาจากธนาคาร เงินที่เราเคยส่งบ้านเราจะได้มาส่งให้แกแทน เราจะส่งให้แกจนกว่าจะล้มหายตายจากกันไปข้างนึงเพราะปกติส่งไปก็เข้าต้นแค่ 5,000 บาทอยู่แล้ว แบบนั้นเราเอาเงิน 5,000 บาทมาทำเป็นเงินเดือนให้แกดีกว่าแบบนี้โอเคไหม มันก็เบาสำหรับเราด้วยสำหรับหนี้บ้านที่ไม่รู้จะหมดอีก 20 กว่าปิ ยอดไม่เยอะหรอกค่ะประมาณ 9 แสน เพราะเราผ่อนมา 5 ปีแล้ว ยอดก็ลดลงไปบ้าง ข้อเสนอที่เรายื่นไปย่าเราโอเคนะ ก็ไปทำการขอเงินจากพ่อแม่บุญธรรมมาซึ่งยากลำบากมากอย่างว่าสมัยนี้ไม่มีใครมีเงินเยอะแยะขนาดนั้น ซึ่งกว่าเขาจะโอนมาให้ ก็ลำบากยากเย็นเหมือนกัน จากนั้นเราเอาไปปิดบ้านและเงินผ่อนบ้านก็กลายเป็นเงินเดือนของย่าเรามาร่วม 1 ปีโดยไม่เคยเลททุกสิ้นเดือนย่าเราจะได้เงินจากเรามาตลอดรวมของหลานคนอื่นที่เเกเก็บค่าที่อยู่ด้วย ก็ร่วมหมื่นบาทแล้วเป็นเงินเดือนแก ไม่มีใครอยู่ฟรีค่ะนอกจากลูกรักของแกที่เป็นอาเรา ไม่เคยโดนเก็บสักครั้งแถมเห็นอกเห็นใจกลัวไม่มีเงินอีกต่างหาก เราจ่ายเงินเดือนมาเรื่อยๆแบบนี้ล่ะค่ะคิดว่ามันคงไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จนกระทั่งวันหนึ่งเอาอีกแล้วค่ะย่าต้องการให้เราเอาบ้านเข้าไปจำนองอีกแล้วให้เอาเงินก้อนออกมาอีกแล้วและให้เราผ่อนชำระอีกแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นหนี้นอกระบบอีกแล้ว วนเวียนพูดกับเราแบบนี้หลายครั้งเราปฏิเสธมาตลอด เลยบอกตามตรงว่าเราไม่อยากเป็นหนี้ธนาคารอีกแล้วเพราะดอกค่อนข้างแพง เราจะไม่ทำให้อีกแล้วเพราะเราคิดว่าเราเสียเวลากับการจำนองบ้านไถ่ถอนแบบนี้มาทั้งชีวิตแล้ว ครั้งสุดท้ายมีปากเสียงกันค่อนข้างแรงด้วยเราเองก็ไม่ยอมแล้ว เราคิดว่าต้องป้องกันปัญหาซ้ำซากนี้จากต้นลม เพราะตั้งแต่ต้นจนจบเราใช้ตัวเราเป็นหนี้แทนย่ามาทั้งหมด กลับกลายเป็นว่าย่าด่าเราเสียๆหายๆ ด่าว่าเราหน้าด้านจะโกงกูเหรอ ทำไมไม่โอนบ้านคืนเขา ถ้าไม่จำนองให้ก็โอนบ้านคืนเป็นชื่อเขา เขาจะเอาโฉนดไปจำนองนอกระบบ แล้วเอาเงินก้อนออกมาเอง ด่าเราเสียๆหายๆพูดเหมือนเราไม่ใช่หลาน ลูกหลานในบ้านคนในบ้านห้ามแล้วเตือนแล้วว่าไม่ให้ทำก็ไม่ฟังพูดแต่ว่าของของกู กูสร้างมา กูจะเอามีสิทธิ์อะไร กูไม่ยอมหรอก พอจะเห็นเค้าโครงลางๆไหมคะว่าเดี๋ยวสุดท้ายแล้วก็จะต้องเป็นเราที่ต้องไปไถ่ถอนบ้านหลังนี้ออกมาอยู่ดีถ้าเรายอม เหมือนที่มันเคยเป็นมาทั้งชีวิตล่ะค่ะเพราะสงสารพี่น้องรวมถึงพ่อเรา โตด้วยกันมาเราคงไม่ทิ้งต้องไปจำนองให้อีกแต่ ไม่ต้องห่วงนะคะครั้งนี้เราไม่ยอม เราจึงอยากจบปัญหาด้วยการถามว่าหนี้นอกระบบตอนนี้เท่าไหร่ ย่าบอกว่า 160,000 บาท เราจัดการโอนใช้หนี้ ให้ย่าในวันนั้นด้วยเงินเก็บที่เราเก็บมาทั้งชีวิต เพื่อที่จะจบปัญหาไปและเรายื่นคำขาดว่าต่อไปนี้ย่าไม่ต้องพูดเรื่องนี้กับเราอีก จะไม่มีการ โอนบ้านหรือการจำนองบ้านให้ทั้งสิ้น เพราะตอนนี้เราใช้หนี้นอกระบบให้หมดแล้ว เราเสียดายเงินมากเงินเราทั้งชีวิตที่หามา หายไปในพริบตา แต่ เหมือนว่าย่าเราจะยังต้องการให้เราโอนบ้านเป็นชื่อเขาอยู่ยังพูดทุกวันทั้งที่เราใช้หนี้ให้แล้วไม่พูดถึงเลยเงินเราทั้งชีวิต โกรธแค้นเรา ด่าเรา ยกเหตุผล ร้อยแปดพันเก้า เพื่อที่จะต้องการให้โอนคืนให้ได้กลัวเราไล่คนอื่นออกจากบ้านเอย ไม่ไว้ใจเอย น่าตลกมากคิดไปได้ไม่ต้องห่วงคำหยาบคายทั้งหลายไม่น่าเชื่อว่าเราเป็นหลานเขาจริงๆที่ช่วยเหลือเขามาในทุกๆอย่างทั้งชีวิตแล้ว คนอื่นในบ้านยังต้องบอกว่าไม่ต้องมาห่วงเราคุยกันแล้วว่าจะอยู่ด้วยกันไม่มีใครอยากได้บ้านนี้แต่จำเป็นต้องทำเพราะทุกคนไม่เห็นด้วยกับย่าทั้งนั้น ตอนนี้เราเสียความรู้สึกมากและเสียใจมากเราจึงคิดว่าจากนี้ไปคงจะต้องต่างคนต่างอยู่แล้ว ทำดีมาทั้งชีวิตเราไม่ได้ถูกมองว่าดีเลย ถ้าเราถือว่าเราชดใช้การเลี้ยงดูที่ย่าให้เรามาตั้งแต่เล็กๆจนหมดแล้วและเกินพอแล้วเราคงจะไม่บาปใช่ไหม จากนี้ไปเราคงต้องใช้ชีวิตของตัวเองบ้าง ไม่น่าเชื่อว่าย่าเราจะกลายเป็นแบบนี้ในวันนี้อายุแก 77ปีแล้วนะคะ ได้แต่ปลอบตัวเองว่าเราทำดีที่สุดแล้วเราทำดีที่สุดมาตลอดแล้ว เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะคะ เราไม่ได้อยากได้บ้านนี้เลย แต่เราจะไม่ทำให้แกจริงๆ เพราะสุดท้ายก็เป็นเราที่เดือดร้อนอยู่ดี ตลอดไป ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะคะ 🙏🙏🙏