รัฐบาลจีนมีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เกี่ยวกับนโยบายโควิดเป็นศูนย์ที่ดำเนินมาเกือบ 3 ปี ซึ่งได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจำนวนมากที่ต้องอยู่ภายใต้ข้อจำกัดเข้มงวดที่กระทบต่อชีวิตประจำวัน จนบานปลายกลายเป็นการประท้วงใหญ่เมื่อไม่นานมานี้
วันนี้ (7 ธ.ค.) คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ได้ประกาศผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 บางส่วน รวมถึงการให้ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการและผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงกักตัวที่บ้านแทนการกักตัวในสถานที่ที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้ให้, ลดความถี่และขอบเขตการตรวจ PCR ในสถานที่สาธารณะส่วนใหญ่ ยกเว้นโรงเรียนและโรงพยาบาล, คลายข้อกำหนดล็อกดาวน์ในสถานที่ต่างๆ ให้มีเป้าหมายชัดเจนมากขึ้นแทนที่จะเหมารวมทั้งพื้นที่ และเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ
แม้การประกาศดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นสัญญาณดี และถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่จีนยอมตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนโยบายควบคุมโควิด-19 อย่างชัดเจน ทั้งยังสร้างความโล่งใจให้กับคนจำนวนมากที่รู้สึกอึดอัดกับการดำรงชีวิตที่ผิดไปจากปกติมาเป็นเวลานาน ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทั้งหลายได้ออกมาแสดงความกังวลถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในจีนต่อจากนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีคำถามเกิดขึ้นมาว่า
จีนมีความพร้อมแค่ไหนที่จะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต?
โดยข้อมูลล่าสุดจากทางการจีน ณ วันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา มีประชากรจีนอายุมากกว่า 60 ปีได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้วมากกว่า 86% แต่ยังมีผู้สูงอายุอีกมากกว่า 45 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น และประมาณ 25 ล้านคน ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว ขณะที่ประชากรอายุ 80 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วราว 60% และมีเพียง 40% ของประชากรกลุ่มดังกล่าวที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น วัคซีนเข็มกระตุ้นที่จีนนำมาฉีดให้กับประชาชน ยังเป็นวัคซีนเชื้อตายที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายภายในประเทศ เนื่องจากปัจจุบันจีนยังคงไม่อนุมัติให้มีการใช้งานวัคซีน mRNA ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นวัคซีนชนิดที่มีการตอบสนองต่อไวรัสมากกว่าวัคซีนเชื้อตาย ยิ่งสร้างความกังวลว่าวัคซีนที่ชาวจีนส่วนใหญ่ได้รับจะมีความสามารถในการป้องกันโรคได้เพียงพอและทันเวลาหรือไม่กับการเปลี่ยนแปลงนโยบายกะทันหันเช่นนี้
จะโทษใครละ ถ้าไม่ใช่รัฐบาลตัวเอง
1. อีโก้สูง ไม่เอา mrna เชื้อมั่นชิโนแวค ฟาร์ม วัคซีนอ่อนด้อย สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ไม่ได้
2. อยากได้อาวุธชีวภาพ เป็นเจ้าโลก ไปจับคางค้าว แต่แล็ปอยู่ในระดับต่ำ โนฮาวก็ไม่มี เลยเผลอหลุดจากแล็ปอู่ฮั่น จะโทษใคร
มันมีเชื้อที่อื่นก็จริง แต่เชื้อที่อื่นไม่ใช่เชื้อที่หลุดจากแล็ป ที่ทดลอง เลยไม่ร้ายแรงเหมือนแล็ปอู่ฮั่น จะโทษใครละ
3. ถ่มน้ำลายรดฟ้า ด่าประเทศที่ไม่ให้คนจีนเข้า หลังๆมาไม่ให้ต่างชาติเข้า นี้ติดเป็นล้าน ไม่กักให้ออกนอกประเทศบ้างละ กลับกรอก ปลิ๋นปล่อน
รัฐบาลจีนตอนนี้ พอๆกับรัฐบาลไทยยุคต้มยำกุ้งปี 2540 แหละ ทำตัวเอง
ไม่พอ ทำทั่วโลก
ตามไปด้วย
ผู้เชี่ยวชาญห่วงจีนรีบยกเลิกมาตรการควบคุมโควิด-19 เข้มงวด อาจทำให้มีผู้เสียชีวิตแตะหลักล้านคน แล้วจะโทษใครละ ถ้าไม่ใช่
วันนี้ (7 ธ.ค.) คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ได้ประกาศผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 บางส่วน รวมถึงการให้ผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการและผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงกักตัวที่บ้านแทนการกักตัวในสถานที่ที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้ให้, ลดความถี่และขอบเขตการตรวจ PCR ในสถานที่สาธารณะส่วนใหญ่ ยกเว้นโรงเรียนและโรงพยาบาล, คลายข้อกำหนดล็อกดาวน์ในสถานที่ต่างๆ ให้มีเป้าหมายชัดเจนมากขึ้นแทนที่จะเหมารวมทั้งพื้นที่ และเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุ
แม้การประกาศดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นสัญญาณดี และถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่จีนยอมตัดสินใจเปลี่ยนแปลงนโยบายควบคุมโควิด-19 อย่างชัดเจน ทั้งยังสร้างความโล่งใจให้กับคนจำนวนมากที่รู้สึกอึดอัดกับการดำรงชีวิตที่ผิดไปจากปกติมาเป็นเวลานาน ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทั้งหลายได้ออกมาแสดงความกังวลถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในจีนต่อจากนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีคำถามเกิดขึ้นมาว่า
จีนมีความพร้อมแค่ไหนที่จะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต?
โดยข้อมูลล่าสุดจากทางการจีน ณ วันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา มีประชากรจีนอายุมากกว่า 60 ปีได้รับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้วมากกว่า 86% แต่ยังมีผู้สูงอายุอีกมากกว่า 45 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น และประมาณ 25 ล้านคน ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนแม้แต่เข็มเดียว ขณะที่ประชากรอายุ 80 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากที่สุด ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วราว 60% และมีเพียง 40% ของประชากรกลุ่มดังกล่าวที่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น วัคซีนเข็มกระตุ้นที่จีนนำมาฉีดให้กับประชาชน ยังเป็นวัคซีนเชื้อตายที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายภายในประเทศ เนื่องจากปัจจุบันจีนยังคงไม่อนุมัติให้มีการใช้งานวัคซีน mRNA ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลกว่าเป็นวัคซีนชนิดที่มีการตอบสนองต่อไวรัสมากกว่าวัคซีนเชื้อตาย ยิ่งสร้างความกังวลว่าวัคซีนที่ชาวจีนส่วนใหญ่ได้รับจะมีความสามารถในการป้องกันโรคได้เพียงพอและทันเวลาหรือไม่กับการเปลี่ยนแปลงนโยบายกะทันหันเช่นนี้
จะโทษใครละ ถ้าไม่ใช่รัฐบาลตัวเอง
1. อีโก้สูง ไม่เอา mrna เชื้อมั่นชิโนแวค ฟาร์ม วัคซีนอ่อนด้อย สร้างภูมิคุ้มกันหมู่ไม่ได้
2. อยากได้อาวุธชีวภาพ เป็นเจ้าโลก ไปจับคางค้าว แต่แล็ปอยู่ในระดับต่ำ โนฮาวก็ไม่มี เลยเผลอหลุดจากแล็ปอู่ฮั่น จะโทษใคร
มันมีเชื้อที่อื่นก็จริง แต่เชื้อที่อื่นไม่ใช่เชื้อที่หลุดจากแล็ป ที่ทดลอง เลยไม่ร้ายแรงเหมือนแล็ปอู่ฮั่น จะโทษใครละ
3. ถ่มน้ำลายรดฟ้า ด่าประเทศที่ไม่ให้คนจีนเข้า หลังๆมาไม่ให้ต่างชาติเข้า นี้ติดเป็นล้าน ไม่กักให้ออกนอกประเทศบ้างละ กลับกรอก ปลิ๋นปล่อน
รัฐบาลจีนตอนนี้ พอๆกับรัฐบาลไทยยุคต้มยำกุ้งปี 2540 แหละ ทำตัวเองไม่พอ ทำทั่วโลกตามไปด้วย