จะว่าไปในปี 2565 ที่ใกล้จะผ่านพ้นไป อาจเป็นปีแห่งความซบเซาของวงการโทรทัศน์เมืองไทยก็น่าจะได้ เพราะไม่ค่อยจะเห็นความก้าวหน้ามาอวดให้เราได้ตะลึงคึกคัก พฤติกรรมการดูโทรทัศน์ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นเคเบิล ดาวเทียม หรือทีวีดิจิตอลต่างต้องปรับตัวไปตามสภาพหรือความเหมาะสม แต่ใช่ว่าจะซึมไปเสียหมด ในเมื่อมีเรื่องเสียใจก็ยังมีเรื่องดีใจอีกแยะให้เราพบท่ามกลางสภาวะเช่นนี้   

เราจึงขอรวบรวมความเป็นไปในวงการจอแก้วเมืองไทยในปีที่ผ่านมาโดยสังเขป มาดูว่ามีข่าวใดบ้างที่เด่น ๆ ดัง ๆ สนั่นทั้งในจอและนอกจอ

จากพิษโควิดที่ยังคงระบาดทำให้การผลิตงานละครเป็นอันต้องชะลอ ทีวีช่องต่าง ๆ ไม่ว่าใหญ่หรือเล็กจึงงัดเอาของเก่ามาฉายวนแทบจะทุกยาม รวมถึงช่วงไพรม์ไทม์ที่เสนอแต่ละครใหม่เอี่ยมตลอด เรียกว่าปีนี้เป็นปีที่กระแสวงการหนัง-ละคร-ซีรีส์ของไทยไม่ฟู่ฟ่าเท่าที่ควร

อาจเป็นครั้งแรกที่การแข่งขันฟุตบอลโลกจัดแข่งในช่วงใกล้จะพ้นปี จึงทำให้บรรยากาศดูซึมเซากว่าครั้งก่อน ๆ แม้แต่ในบ้านเราก็เกือบจะพลาดชมการถ่ายทอดสดตามบ้านเขา มารู้แจ้งทันทีก็ตั้งแต่ก่อนแข่งจริงเพียงหนึ่งวัน งานนี้สถานีทีวีดิจิตอลเกือบทุกช่องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนถ่ายทอดเพื่อให้คนไทยลุ้นกัน โดยมีช่อง "ทรูโฟร์ยู" เป็นแกนหลัก รวมถึงกิจกรรมข้างเคียงก็ดำเนินไปอย่างราบรื่นเช่นกัน เข้าทำนองว่า...ถึงจะมาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา

"เซ้นส์" ถอนวิก 7 ซบวิก 3  

ปีนี้รายการดี ๆ บางรายการพากันย้ายช่องออนแอร์เป็นว่าเล่น ไม่ว่าจะเป็นเดอะวอยซ์ คลับฟรายเดย์ ฮอลลีวูดเกมไนท์ฯ แต่ที่ฮือฮาสุด ๆ คงหนีไม่พ้นทุกรายการของบริษัท "เซ้นส์" ที่ฉายทางช่อง 7 ต้องถอนออกไปหมดด้วยเหตุผลคล้ายคลึงกับผู้ผลิตรุ่นพี่ จนในที่สุดช่อง 3 ก็อ้าแขนรับพี่เอบรรจุรายการใหม่ 2 รายการ กับของเดิมอีก 1 รายการ...ผ่านมา 4 เดือนก็ไม่เห็นทีท่าว่าจะสู้ตอนอยู่ช่องเดิมไหม แต่เราเชื่อว่าในปีหน้าเขาอาจจะเพิ่มอะไรแน่ ๆ จับตามองกันต่อไป

ถือเป็นปีที่โชคดีอีกปีของ ททบ.5 หลังเปลี่ยนเลขช่องเป็นช่อง 5 รายการข่าวก็กลับมาฟื้นฟูให้น่าดูกว่าเดิม โดยดึงทีมงานจากท็อปนิวส์มาเสริมทัพ รวมถึงพระเอก "กนก รัตน์วงศ์สกุล" ที่มายึดเวลาช่วงสองทุ่ม-สามทุ่มเพื่อเล่าข่าวกันสด ๆ แต่ออนแอร์ไปได้เพียง 4 เดือนก็ถูกฟ้าผ่า เนื่องจากเสนอข่าวไม่ตรงใจผู้หลักผู้ใหญ่ ทำให้ทีมท็อปนิวส์ รวมถึงท่าน ผอ.รังษี ต้องพ้นจากตำแหน่งไป เวลานี้จึงเหลือเพียงแดนสนธยา เอาสารคดีต่างแดนมาเสียบแทนช่วงเดิม

นับเป็นปีที่ดาราและบุคคลในแวดวงบันเทิงไทยเสียชีวิตอย่างมหาศาล นับได้เกือบร้อย รวมถึง "คนทีวีมีฝีมือ" ก็พรากไปด้วยเช่นกัน ที่เด่น ๆ ก็เช่นดาราระดับพระเอก-นางเอกอย่าง สรพงศ์ ชาตรี, สมบัติ เมทะนี, แตงโม ภัทรธิดา อดีตนักร้องและพิธีกรชื่อดัง "เศรษฐา ศิระฉายา" อดีต ผอ.ช่อง 5 "พล.อ.แป้ง มาลากุล ณ อยุธยา" ผู้จัดคนสวย "อิ๋งอิ๋ง สิทธิณี" ตลก "เด่น ดอกประดู่" รวมถึงผู้อยู่เบื้องหลังผลงานฟอร์มยักษ์อย่าง "หม่อมน้อย" และ "ต๊ะ นิรัตติศัย" เรียกว่าเหลือเฟือจริง ๆ

"เจ๊แอน" ถือสิทธิ์ "มิสยูนิเวิร์ส" 

จับงานอะไรก็ดีและดังไปหมด ซีอีโอข้ามเพศ "แอน จักรพงษ์" แห่ง "เจเคเอ็น" ที่นอกจากจะมีช่องทีวีของตัวเองแล้ว ยังรุกคืบด้วยการเป็นโต้โผใหญ่และเจ้าของลิขสิทธิ์การประกวด "มิสยูนิเวิร์ส" หรือนางงามจักรวาลในครั้งต่อไป เรียกว่าเป็นข่าวทึ่งระบือโลกไปแล้วสำหรับคนไทยสมัยนี้

เป็นข่าวช็อกวงการจอแก้วแนวอนุรักษ์นิยม เมื่อค่ายบันเทิง "เจเอสแอล" อันเป็นแหล่งผลิตดารา พิธีกร และครีเอทีฟมากมาย ได้ประกาศยุติบทบาทความเป็นผู้ยิ่งใหญ่ด้วยวัยเพียง 43 ปี แต่ใช่ว่าจะยุบไปเสียหมด เพราะรายการบางรายการที่ยังคงผลิตต่อก็โอนไปอยู่ในความดูแลของบริษัทรายย่อยแทน

แม้จะยังมีงานละครค้างอยู่ที่ช่อง 3 แต่เร็ว ๆ นี้ หากใครเป็นแฟนคลับของป๋าอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ยังจะได้ดูละครซีรีส์แนวใหม่ที่ช่องโมโน 29 เพราะเขาเตรียมทำไว้หลายเรื่อง รวมถึงได้มือเขียนบทและดาราคู่บุญมาร่วมงานด้วย เรียกว่าช่องหนังดีซีรีส์ดังได้คนเก่ง ๆ เข้ามาเพิ่มพลังคุณภาพ เรตติ้งคงไม่นิ่งนะป๋านะ

เมื่อสักสองปีก่อนมีข่าวซุบซิบว่า "เจ๊ฉอด สายทิพย์" ดอดไปเจรจากับผู้บริหารฝ่ายผลิตละครของช่อง 8 ที่ตึกใหม่ของอาร์เอส โดยระบุว่า "เช้นจ์ 2561" อันเป็นบริษัทในเครือข่ายของแกรมมี่จะนำผลงานละครมาเสนอทางช่อง 8 และแล้วคำมั่นสัญญาก็เป็นความจริง เพราะในวันที่ 9 ม.ค. ปีหน้าจะเริ่มออนแอร์งานประเดิมความร่วมมือด้วยละครซีรีส์เรื่อง "เมียหลวง" ซึ่งกำลังฉายทาง WeTV จากกลยุทธ์ป่าล้อมเมืองไปสู่ทุกมุมเมืองจะทำได้สำเร็จมากน้อยเท่าใด นี่แค่เริ่มต้น! 

ยังมีอะไรอีกไหม...สวัสดีปีใหม่.