ตอนนี้ยังไม่ได้แต่งงาน แค่คบกันเป็นแฟน เมื่อพบว่าทัศนคติบางอย่างไม่ตรงกันอย่างมากก็พิจารณาแยกย้ายนะครับ

จากที่เล่ามานี้เรียกว่าหนี้สินล้นพ้นตัวครับ อันที่จริงล้นพ้นตั้งแต่เงินเดือน 17,000 แต่มีหนี้ 1 ล้าน + หนี้ กยศ. ครับ คนทั่วไปคงไม่กล้าก่อหนี้เพิ่มแล้ว เพราะพิจารณาแล้วเท่าที่มีก็ใช้หนี้จนแก่แน่นอน แต่หากคิดจะก่ออีก 3 ล้าน รวมดอก 7 ล้าน เป็นวิถีชีวิตน่ากลัวครับ

ปล. สมัยผมเงินเดือน 4 หมื่น + ทำงานเสริมจากทักษะเฉพาะทางเพื่อมาปลดหนี้ครึ่งล้านยังหืดเลยครับ

หนี้+ดอก 7 ล้าน ผมนึกถึงคำว่าเป็นหนี้ไปถึงชาติหน้าเลยคร้าบ

เราในฐานะเป็นแม่คนแล้ว เราจะไม่แนะนำให้ลูกตัวเองหาคู่ครองที่ต้องไปรับผิดชอบอีกฝ่ายโดยที่ต้องมาเบียดเบียนลูกของเรา อย่างนี้โบราณเค้าถึงบอกว่าเวลาจะคบกับใครให้ดูไปถึงครอบครัว โค ต ร เหง้า ของเค้าด้วย ทั้งฐานะ การศึกษา แม้แต่กรรมพันธุ์ก็มีส่วน เช่น หากพ่อแม่คู่ครองคุณเคยมีกรรมพันธุ์โรคชนิดใดชนิดหนึ่ง มันจะส่งผลต่อไปยังลูกคุณได้หากคุณแต่งงานกัน

กรณีแฟนคุณถ้าต้องคอยโอบอุ้มพ่อแม่แบบนี้เป็นเราเราจะเลิกค่ะ เป็นผู้ชายเลิกไม่ยากหรอก ในโลกนี้ยังมีผู้หญิงอีกมากมายที่คุณจะได้พบ ชีวิตไม่ได้จบแค่ผู้หญิงคนนี้ ก่อนคบใครดูว่าเราฐานะยังไง สืบไปให้ถึงพ่อแม่พี่น้องของเค้า ดูเลยว่าจะเป็นภาระกับคุณหรือไม่ เราไม่ได้หวังให้แฟนรวยมาเลี้ยงดู เพียงแต่ไม่ควรจะมาเพิ่มภาระให้ชีวิตคู่ เพราะพ่อแม่บางคนแก่ตัวไปไม่เคยต้องพึ่งลูก ดูแลตัวเองได้มีเงินใช้ตามฐานะ อาจจะให้ลูกแวะไปเยี่ยมเยียนบ้าง ลูกแต่งงานเผลอ ๆ มีเงินขวัญถุงไปให้ตั้งตัวอีก แต่กรณีพ่อแม่ที่ยังต้องคอยให้ลูกส่งเสียให้ตลอด แนะนำให้หนีให้ไกลค่ะ ชีวิตนี้จะตั้งตัวได้ยาก จนกว่าพ่อแม่แฟนจะตายกันไปข้างนึง

ผมขอบคุณทุกความคิดเห็นนะครับ เอาจริงๆ ผมมองออกว่าทั้งน้อง แล้วก็พ่อกับแม่แฟนผมต้องการพึ่งแฟนผมอย่างเต็มที่ จากอะไรหลายๆ อย่างผมรู้ดีว่านิสัยแต่ละคนเป็นแบบไหนเพราะผมคบกับแฟนมา 7 ปีแล้ว ผมเห็นนิสัยทุกคนที่ทุกคนว่าจะช่วย มองดูผิวเผินเหมือนจะดีแต่น้องสาวเขาวางแผนจะออกจากงานประจำจะมาทำธุรกิจส่วนตัว เพราะบ่นว่างานประจำเหนื่อย แค่นี้มันก็ย้อนแย้งมากครับ คือสรุปให้แฟนผมวิ่งเต้นทำเรื่องกู้ยืมเพื่อที่ตัวเองจะได้ออกมาทำธุรกิจส่วนที่บ้านใหม่ ซึ่งไม่รู้เลยว่ามันจะไปรอดไหม แล้วมันบ้าบอตรงที่ว่ามีนี้แล้วจะทำให้ตัวเองตกงานขาดรายได้เนี่ยนะ ส่วนตัวผมมองว่าน้องแฟนผมก็เห็นแก่ตัวพอควร หรืออาจจะคิดน้อยไปไม่ต่างจากแฟนผม ส่วนทางพ่อกับแม่แฟนผมเข้าใจว่าอยากได้บ้านใหม่เพราะบ้านหลังเก่าที่แคบมากผมก็เสนอให้รีโนเวท ก็อือออเพราะมันลงทุนไม่เยอะ แค่ 5 แสน ก็ได้บ้านดีๆอยู่แล้ว ไม่รู้จะสนใจหน้าตาทางสังคมอะไรขนาดนั้น สรุปคือทุกคนเห็นแก่ตัวเองมาก ส่วนแฟนผมก็คิดถึงครอบครัวอยากเอาอกเอาใจจนมองอะไรไม่ออกเลยยยยย
สรุปทุกความคิดเห็นนะครับ
-เสี่ยงเกินไปเพราะ ถ้าหากมีใครล้มสักคน ด้วยความที่ชีวิตไม่แน่นอน สะดุดแน่นอน
-หากน้องแฟนมีครอบครัวของตัวเอง หรือธุรกิจที่ยังไม่ได้ทำเลยแม้แต่น้อย เจ้ง เงินขาดมือ ล้มแน่นอน
-ไม่คิดเผื่อสร้างครอบครัวเลย เผื่อมีลูกอีก
-30-40 ปี พ่อกับแม่ ทำงานได้อีกกี่ปี อีกไม่ถึง 10 ปี ก็จะอายุ 60 ละแก่แล้วแทนที่จะสบาย มีเงินฉุกเฉิน ต้องเอาออกมาให้บ้านหมด
-ซื้อบ้าน 3 ล้านแต่เป็นหนี้จริงๆ 7 ล้าน
-หนี้หลายทางเกินไป แล้วก็มีแต่ก้อนใหญ่ๆ ทั้งนั้น

ความคิดทางการเงินติดลบมากๆ ความพอดีไม่มีเลย ความโลภบังตา ส่วนผมความรักบังตาตอนนี้เริ่มจะตาสว่างละ รับราชการแล้วแทนที่ชีวิตจะสมดุลไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก ใช้ชีวิตแค่พอเพียง มีเงินออม มีเงินเก็บ อยากเที่ยวได้เที่ยว อยากกินได้กินอย่างไม่กังวลว่าจะต้องทำอะไรเสริมทุกเดือน บางทีผมก็รู้สึกขอบคุณครอบครัวผมที่กลัวการเป็นหนี้ ถึงแม้จะไม่มีอะไรมากแต่ชีวิตก็มีความสุขดี สุดท้ายก็อยากจะขอบคุณตัวเองที่สนใจเรื่องการเงินการลงทุนถึงจะไม่ได้ลงทุนแต่ก็ทำให้รู้ว่ามันเสี่ยง