เนื่องจากเป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายหลายปีแล้ว เนื้อหาจะมีสปอยล์
หนังเก่าแล้ว จากปี 2013 แต่ผมเองก็เพิ่งจะได้ดู จากแผ่น ดีวีดี ลิขสิทธิ์ที่ลดราคา เคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง ในแง่ คำชม และ รางวัลที่หนังเรื่องนี้ได้
เข้าเรื่องเลยครับ หนังขึ้น เครดิตว่า สร้างจากเรื่องจริงของ โซโลมอน นอร์ทัพ นักไวโอลิน ผิวสี ที่เป็นอิสระชน แล้วในยุค 1841 เขามีบ้าน มีครอบครัว มีหน้าตาในสังคมบ้าง สำหรับยุคเก่าเกือบสองร้อยปีก่อน ถือว่า โซโลมอน ล้ำหน้ากว่า คนผิวสีอีกจำนวนมากที่ยังเป็นทาส
หากใครเคยอ่านหรือ พอจะรู้เรื่องราว Civil War ของอเมริกา คงทราบว่า ทางใต้ของ สหรัฐอเมริกานั้น ถือว่ามีรัฐทาส อยู่หลายรัฐ คือ ทำเกษตรกรรม ทำฝ้าย และ ใช้แรงงานคนผิวสี และไม่เห็นด้วยกับการเลิกทาส อเมริกาจึงเข้าสุ่สงคราม และ ต้องมีการบาดเจ็บล้มตาย เพราะเรื่องนี้เป็นเหตุ ซึ่งเหตุการสงครามกลางเมืองนั้น เกิดหลัง จาก เรื่องของ โซโลมอน
หนังดำเนินเรื่อง ฉับไว ให้ โซโลมอน โดนลักพาตัว ไปทำการค้ามนุษย์ เป็นทาส อย่างรวดเร็ว จากไม่กี่วันก่อน ที่เขามีหน้ามีตาในสังคม กลายเป็น คนที่เป็นทาส ถูกขาย และ สิ่งนึงที่ทางสมัยนั้น ต้องจำก็คือ ห้ามพูด ห้ามอวด ห้ามบอกว่าตัวเองเคยเป็นใคร เพราะ ทาสส่วนใหญ่ ที่เป็นทาสจริงๆ ในอเมริกายุคนั้น ไม่ได้เรียนหนังสือ รู้เพียงอย่างเดียวคือ เกิดมาเป็นทาส และ ทาส ไม่มีสิทธิ์อะไรเลย ก็ว่าได้ สำหรับ คนขาวในอเมริก ซึ่งส่วนใหญ๋ ก็จะเป็นชาวอังกฤษเดิมนั่นเอง อาจมียุโรปส่วนอื่นบ้างแต่ หลักๆ น่าจะเป็นชาวอังกฤษที่มาตั้งรกราก ตั้งแต่สมัยพระเจ้าเจมส์ ยุค โพคาฮอนทัส ( หากข้อมูลผม ผิดพลาดขออภัยด้วยแล้วกัน )
โซโลมอน ต้องถูกปฏิบัติเยี่ยงทาส เสมอเท่าคนที่เกิดมาเป็นเทาส ห้ามพูด ห้ามอวดรู้ ริดรอนสิทธิ์ แทบทุกอย่าง แถมโดนรังแก ถีบ เตะ เฆี่ยนตี แบบที่ ใครดู ใครเห็น ในสมัยนี้แล้วก็ต้องผวา ว่านี่คือ สิ่งเลวร้ายที่สุด อีกแบบนึงที่มนุษย์ทำต่อมนุษย์ด้วยกันเองจะกระทำต่อกันได้
หนังเน้นประเด็น ดราม่า บนพื้นฐานความเป็นจริง ซึ่งไม่ได้เน้น เอ็นเตอร์เทน คนดู แต่ก็ไม่ใช่หนัง สารคดี ที่น่าเบื่อ มีฉากที่ โซโลมอน คิดการใหญ่คือการ หลบหนี และ เขาก็พบว่า ในรัฐทางใต้ นั้น มีทาสที่หนี มากมาย และ ถ้าโดนจับได้ ผลแห่งโทษคือ ศาลเตี้ย จากนักล่าหรือเจ้าของ ให้ประหารกันในป่าแบบ บ้านเมืองแทบไม่เห็นค่าในอเมริกายุคสมัยไม่ถึง 200 ปีก่อน ทำให้ โซโลมอน ต้องเลิกแผนการหลบนี ซึ่งคนมีการศึกษาอย่างโซโลม่อน ย่อมไม่เสี่ยงให้ตนเอง ตาย แบบรู้ทังรุ้
ในหนัง ยังมีฉากที่ หากสมัยก่อนแม้คนขาวด้วยกัน เป็นหนี้ต่อกัน ก็สามารถมาใช้แรงงาน จ่ายแทนหนี้ได้ โดยทำงานกับทาสของคนขาวที่เป็นเจ้าหนี้ ในหนัง โซโลมอน พยายามอีกครั้ง แต่ไม่ใช่การหลบหนี แต่เป็นการขอความช่วยเหลือ โดยเขาฝากชีวิตไว้กับคนขาวอีกคนที่มาทำงานใช้หนี้เจ้านายของโซโลม่อน และ โซโลม่อน ก็โดนหักหลัง แต่ด้วยไหวพริบเขาเอาตัวรอด จากการเกลี้ยกล่อม เจรจา จนรอดชีวิตมาได้
หนังยังมีหลากหลายประเด็น เน้นความไม่ทัดเทียม พื้นฐานความเป็นคน และ พวกผิวขาวที่ถูกฝังหัวว่า ชนชั้น วรรณะ ของตนนั้น เหนือกว่า คนผิวสี อย่างสุดขั้ว การดูภาพยนตร์เรื่องนี้ มันคือการเดินทางไปกับ ตัวละคร โซโลม่อน ว่า เขาจะไปจบลงที่ตรงไหน ความอดทน ความมีไหวพริบ และ การต้องเสี่ยงดวง เดิมพันชีวิตของเขา ต้องทำกี่ครั้ง กี่คน เขาจึงจะได้กลับบ้าน และ เขาจะทำสำเร็จด้วยวิธีใด
สำหรับหลายคนที่ดู อาจมองว่า หนังไม่สนุก ดู Gravity หรือ Wolf of Wallstreet หรือ American Hustle ดีกว่า บางคนอาจบอกว่า เป็นหนังไม่สนุก ตรงนี้ก็แล้วแต่คนชอบ คือผมไม่ชอบ การถกเถียงว่า หนังเรื่องไหนดีกว่า คือ ถ้าเราชอบเรื่องไหน ก็แค่นั้นพอ
แต่โดยส่วนตัว ผมว่า 12 years a slave ไม่ได้สร้างหนังที่มีเรื่องราวอะไรใหม่ๆ มุมมิองใหม่ๆ แต่เป็นเรื่องที่โลกอาจไม่เคยได้รู้ว่า แม้คนผิวสี ที่เป็นไทแล้ว ก็ยัง มีโดนลักพาตัวไปขายเป็นทาสได้อีก และ เขาแทบจะไม่มีโอกาสกลับไปเป็นคนเดิมได้เลย ถ้าพระเจ้าไม่อำนวยโอกาสให้กับเขา หรือ ถ้าเขาไม่คิดช่วยตัวเอง ไม่ดิ้นรนต่อสู้ ไม่อดทน และ ไม่เสี่ยง
สำหรับหนังเรื่องนี้ หลายคนอาจดูจบแล้ว ก็แล้วกัน ไม่ได้อินอะไร แต่หลายคนอาจได้รับรู้ว่า ชีวิตโลกปัจจุบันมันดีกว่าโลกยุคก่อนแค่ไหน เสรีภาพ สำคัญเพียงใด เราโชคดีแค่ไหน และ เราควรอยู่เพื่ออะไร และสู้เพื่อสิ่งใด
ส่วนตัวแล้วผมให้คะแนนหนังเรื่องนี้ ในส่วนของภาพรวม คือ ความยาวของหนัง เนื้อหา การตัดต่อ การแสดง ประเด็นของเรื่อง ก็ 7/10 ครับ ในการชมครั้งแรก
หยิบหนังเก่ามาดู 12 years a slave ประวัติศาสตร์บทหนึ่งของมนุษย์