โฮฮาโย…ขอทักทายทุกคนด้วยภาษาญี่ปุ่นเพื่อที่จะได้เข้าคอนเซ็ปต์ เพราะเรากำลังจะพาทุกคนตีตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นปุ๊นปู๊นกัน ขอบอกว่าเมืองที่เรากำลังจะพาทุกคนไปนั้น ไม่ว่าจะเริ่มต้นทริปจากโตเกียวหรือโอซาก้าก็มาเยือนที่นี่ได้แบบสบายแอนด์สะดวก ที่สำคัญเป็นเมืองเที่ยวสนุกครบรสตั้งแต่ธรรมชาติจนถึงนวัตกรรมแห่งอนาคต…เริ่มสงสัยกันแล้วใช่ไหม ว่าที่เราพูดถึงคือที่ไหน เฉลย! เราจะพาทุกคนไปเที่ยวกันที่ Toyota City หรือเมืองโทโยตะ ตั้งอยู่ในจังหวัดไอจิ ที่มีเมืองศูนย์กลางคือ Nagoya ที่หลายคนรู้จักกันดี
ไม่ต้องหน่านี๊ なに แปลกใจ ทำไมชื่อเมืองนี้ถึงเหมือนแบรนด์รถยนต์ เพราะที่นี่คือเมืองที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ TOYOTA และถึงแม้ว่าเมืองนี้จะมีชื่อเสียงด้านการผลิตยานยนต์ ยืนหนึ่งเรื่องเทคโนโลยี แต่พื้นที่กว่า 70% ของที่นี่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ และมีบ่อน้ำพุร้อนคุณภาพดี แถมยังเป็นเมืองที่สามารถชมดอกซากุระพร้อมกับใบไม้เปลี่ยนได้เพียงไม่กี่เมืองในญี่ปุ่นอีกด้วย อะไรนะ อยากรู้แล้วว่า เที่ยวเมืองนี้สนุกแค่ไหน มัดรวมมาให้แล้วแบบไม่กั๊ก จัดกระเป๋า จองตั๋วแล้วตามรอยเรามาได้เลย
Toyota City หรือเมืองโทโยตะ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดไอจิ ภูมิภาคชุบู ด้วยความที่ภูมิภาคนี้ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น ทำให้สามารถเดินทางมาเที่ยวได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน/รถส่วนตัว/รถบัส โดยเฉพาะรถไฟ ถ้าเดินทางโดย JR ชินคันเช็น จากโตเกียวมาถึงจุดหมายปลายทาง นาโกย่า จะใช้เวลาประมาณ 100 นาที หรือถ้าเดินทางจากโอซาก้ามานาโกย่า จะใช้เวลา 55 นาทีเท่านั้น จากนาโกย่ามาถึงสถานี Toyotashi ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นเวลาที่กำลังดี สำหรับการเที่ยวต่างเมือง จะแพลนให้เป็นวันเดย์ทริป หรือเก็บให้ครบเป็นค้างคืนทริป ก็ดีงาม ว่าแต่มาถึงเมืองนี้แล้ว เที่ยวไหน พักที่ไหน มีกิจกรรมอะไรบ้าง มาลุยกันต่อ
เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ที่ พิพิธภัณฑ์โตโยต้าไคคัง (Toyota Kaikan Museum)
มาถึงบ้านเกิด Toyota ทั้งที ที่แรกที่ต้องไปเจิมเลยจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นั่นก็คือ
พิพิธภัณฑ์โตโยต้าไคคัง (Toyota Kaikan Museum) ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่บริษัทโตโยต้ามอเตอร์ ด้านในจะมีการจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจเยอะมาก เช่น นิทรรศการยานยนต์เทคโนโลยีใหม่ๆ ระดับโลก เป็นต้น และยังสามารถทดลองนั่งที่นั่งคนขับของรถยนต์โตโยต้ารุ่นใหม่ได้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ Family Outing ที่สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
หลังจากเปิดโลกแห่งการเรียนรู้เรียบร้อย เราก็จะมาถึงส่วนที่เป็นร้านค้าพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่บนชั้นสอง ที่นี่มีสินค้าเกี่ยวกับยานยนต์ให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโมเดลพลาสติก และรถยนต์ของเล่นคันจิ๋ว ต่อให้ไม่เป็นคาร์เลิฟเวอร์ แต่เชื่อได้เลยว่าต้องมีสักชิ้นที่โดนใจให้ซื้อกลับไปเป็นที่ระลึก
การเดินทาง
・จาก Aichi Loop Line สถานี Mikawa-toyota ขึ้น Meitetsu Bus สายที่มุ่งหน้าไป Toyota Kinen Byoin มาลงที่ป้าย Toyota honsha - mae
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.tourismtoyota.jp/th/spots/detail/248/
https://www.aichi-now.jp/th/spots/detail/117/
หาได้ยากในญี่ปุ่น! ชมใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมซากุระที่ Obara shikizakura
ทุกคนรู้ ว่าถ้าอยากชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นก็ต้องมาช่วงปลายปี ทุกคนรู้ว่าถ้าอยากดูดอกซากุระก็ต้องมาช่วงมีนาคม-เมษายน อารมณ์ประมาณรักแล้วต้องเลือก แต่ถ้ามาที่โอบาระ เมืองโทโยตะ ที่นี่รักแล้วไม่ต้องเลือกให้ได้ทั้งสองอย่างแบบคุ้มค่าตั๋ว ทุกคนสามารถชมใบไม้ร่วงสีแดงส้มพร้อมกับสีชมพูจากดอกซากุระได้พร้อมกัน ซึ่งมีน้อยมากในญี่ปุ่น นั่นเป็นเพราะว่าที่นี่เป็นที่อยู่ของ shikizakura ชิกิซากุระ สายพันธุ์พิเศษที่ออกดอกปีละสองครั้ง คือฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง
โดยช่วงเวลาที่เหมาะจะมาเที่ยวเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี สีส้มแดงพร้อมซากุระสีชมพู จะเป็นช่วงต้นเดือนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใบไม้เมเปิล และต้น shikizakura กว่า 10,000 ต้นจะเปลี่ยนสีภูเขาซะโตะยะมะทั้งลูกให้สดใส สะพรั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณใกล้กับ "เซ็นมิชิกิซากุระโนะซาโตะ" ที่มีต้นชิกิซากุระอัดแน่นอยู่ถึง 1,200 ต้น แค่จินตนาการยังรู้สึกได้ถึงความว้าวขนาดนี้ เห็นของจริงจะว้าวขนาดไหนต้องไปพิสูจน์
Obara Shikizakura Four-Season Cherry Blossom Festival
(เทศกาลซากุระสี่ฤดู)
ถ้ามาเที่ยวโอบาระช่วงเดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงเวลาที่มีการจัดงาน Obara Shikizakura Four-Season Cherry Blossom Festival หรือเทศกาลซากุระสี่ฤดู พอดี ตัวยเทศกาลจะถูกจัดขึ้นบริเวณต่าง ๆ ทั่วเมืองกระจายไปตามจุด ไม่ว่าจะเป็นจุดหลัก สวนโอบาระฟุเรไอ" หรือจุดใกล้เคียง "พิพิธภัณฑ์กระดาษญี่ปุ่นวาชิโนะฟุรุซาโตะ"และ "เซ็นมิชิกิซากุระโนะซาโตะ" ภายในงานก็จะมีการออกร้าน ขายอาหาร การแสดงบนเวทีจากชาวเมือง
การเดินทาง
・จากสถานีนาโกย่า ขึ้นรถไฟใต้ดินสายฮิกาชิยามะ ไปลงที่สถานีฟุชิมิ และขึ้นรถไฟสายทสึรุไม ไปลงที่สถานีโทโยตะชิ จากนั้น โดยสารรถบัสโทโยตะ โออิเด็น สายโอบาระ มุ่งหน้าสู่คะมินิกิ ลงสุดสายที่ป้ายคะมินิกิ (ใช้เวลาประมาณ 1ชม) แล้วเดินต่ออีก 15 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.tourismtoyota.jp/th/spots/detail/291/
https://www.aichi-now.jp/th/spots/detail/132/
https://www.tourismtoyota.jp/th/columns/detail/3/
ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่มีการประดับไฟไลท์อัพที่ Korankei
โครันเค เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น สำหรับการเดินทางมาที่โครันเคอาจจะใช้เวลาบ้างแต่รับรองว่าคุ้มค่าสุด ๆ ใบไม้เปลี่ยนสีในตอนกลางวันว่าสวยงามแล้ว ใบไม้เปลี่ยนสีในตอนกลางคืนที่มีการประดับไฟไลท์อัพ ก็สวยงามมากๆ เช่นกัน ซึ่งถ้าใครมาเที่ยวที่นี่ช่วงเดือนพฤศจิกายน แนะนำว่าต้องไปงานเทศกาล โมมิจิ มัตสึริ หรือ เทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสี ให้ได้เลยนะ ว่ากันว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมสีสันของใบไม้จากต้นเมเปิลที่มีถึงประมาณ 4,000 ต้น พร้อมกับมีการจัดแสงไลท์อัพ อิลลูมิเนชั่นบนต้นไม้ตั้งแต่ช่วงพระอาทิตย์ตกจนถึง 21.00น.
แต่ถ้ามาเที่ยวโครันเค ช่วงมีนาคมถึงต้นเมษายน ก็จะได้อีกฟีลไปอีกแบบเพราะจะได้เห็นดอกคาตะคุริบาน ปกคลุมภูเขาทั้งลูกด้วยสีม่วงอ่อน ๆ
สำหรับไฮไลต์อื่น ๆ ที่ไม่อยากให้พลาดเหมือนกันเมื่อมาที่โครันเค ได้แก่ เส้นทางเดินไปยังวัดโคจาคุจิ ที่เรียงรายไปด้วยต้นเมเปิ้ลและต้นสน สามารถเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีในบรรยากาศที่เงียบสงบ
การเดินทาง
・จากสถานีนาโกย่า ขึ้นรถไฟใต้ดินสายฮิกาชิยามะ และลงที่สถานีฟูชิมิ เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสายทรึรุไม มุ่งหน้าไปยังอาคาอิเคะและโทโยตะ (อาจจะต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟเมื่อถึงอาคาอิเคะ แต่ถ้าไม่อยากเปลี่ยนขบวนที่สถานีดังกล่าว ให้ใช้รถไฟขบวนที่มุ่งหน้าไปยังโทโยตะจากสถานีฟูชิมิ ลงที่สถานีโทโยตะและจากฝั่งประตูตะวันออก ขึ้นรถบัสเมเท็ตสึ อาสึเกะ สายที่มุ่งหน้าไปยัง อาสึเกะ คุรากาอิเคะโคเอ็นมาเอะ・โครันเค[鞍ヶ池公園前・香嵐渓経由] มาลงที่ป้าย โครันเค
นั่งรถบัสเป็นเวลา 45 นาที (ค่าโดยสาร 800 เยน) และลงที่ป้ายโครันเค
(ข้อมูลอ้างอิง:
http://www.meitetsu-bus.co.jp/rosen/index)
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.tourismtoyota.jp/th/spots/detail/22/
https://www.aichi-now.jp/th/spots/detail/1021/
Korankei Momiji festival
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.tourismtoyota.jp/th/spots/detail/782/
ย้อนอดีตความรุ่งเรืองเมืองที่พักระหว่างทางที่ Asuke Townscape
จากโครันเคเดินมาประมาณ 10 นาทีก็จะพบกับโซนเมืองเก่าไว้ให้สาย Slow Life พักผ่อนและเดินชมสิ่งปลูกสร้างที่ก่อร่างสร้างกันมาตั้งแต่ยุคสมัยเซ็นโกคุ (ค.ศ. 1467–1615) ด้วยเหมือนกัน (เชื่อยังว่าครบรสจริง)
สำหรับรูปแบบตัวอาคารบ้านเรือนบริเวณนี้ ถูกออกแบบให้ป้องกันเพลิงไหม้ ด้วยการสร้างแนวอาคารแบบ นุริโกะเมะโดยใช้ปูนขาวพอกตามแนวริมชายคาบ้านหรือหน้าบ้านและทิ้งไว้ให้แข็งตัว ซึ่งเป็นบทเรียนสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในสมัยอันเอที่ 4 (ปี ค.ศ. 1775) ปัจจุบันเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่ยังมีบ้านเรือนแบบดั้งเดิมในสมัยนั้นหลงเหลืออยู่ โดยบ้านพักที่นี่ทีชื่อสไตล์ว่า (Tsumairi) "ทสึไมริ" ทางเข้าบ้านอยู่ตรงหน้าจั่วหลังคา และ "ฮิไรริ" มีทางเข้าเฉพาะส่วนกลางของบ้าน (Hirairi) ผสมผสานกำแพงโกดังสีขาว ประตูแบบตาราง และกำแพงไม้สีดำ
ไม่ใช่แค่บ้านเรือนเท่านั้น ร้านต่าง ๆ ของที่นี่ก็มีความยูนีคเฉพาะตัวนะคะ เช่น แกลลอรี่มันริน คุระโนะนาคะ คาเฟ่และแกลลอรี่ที่ตั้งอยู่ที่โกดังอายุเกือบร้อยปีที่ได้รับการบูรณะฟื้นฟู หรืออาสึเกะโนะคาจิยะ ร้านตีเหล็กที่ก่อตั้งมาตั้งแต่สิ้นสุดสมัยเอโดะที่เชื่อมกับไลฟ์คาเฟ่ ทำให้เสน่ห์ของที่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องความธรรมชาติอย่างเดียว แต่เป็นการถอยหลังไปมองเห็นความรุ่งเรืองการเป็นเมืองที่พักระหว่างทาง ว้าว
เดือนมิถุนายน ปี 2011 Asuke Townscape ที่นี่ได้รับเลือกให้เป็นเขตกลุ่มสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่สำคัญและมีการอนุรักษ์ไว้ของญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกในจังหวัดไอจิ (ชื่อย่อ: สิ่งปลูกสร้างดั้งเดิมที่สำคัญ (จูเด็งเคน))
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.tourismtoyota.jp/th/spots/detail/52/
https://www.aichi-now.jp/th/spots/detail/118/
เมืองแห่งดอกท้อพวงระย้ากว่า 3,000 ต้น! Weeping Peach Blossoms of Kaminaka
ใช่ว่าเมืองโทโยตะจะมีแต่ซากุระสายพันธุ์พิเศษ ดอกท้อ ดอกไม้ที่หลายคนเคยได้ยินแต่ชื่อแต่ไม่เคยเห็นดอกจริงสักที (สารภาพว่าเราก็ด้วย) มีให้ชมที่นี่ แถมมีให้ชมแบบละลานตาแน่น ๆ กับดอกท้อพวกระย้า “ชิดาเระโมโมะ” กว่า 3,000 ต้น โดยช่วงเวลาที่สวยที่สุดจะอยู่ช่วงต้นถึงกลางเดือนเมษายน *แตกต่างกันตามแต่ละปี
มาที่นี่นอกจากจะได้เสพความงามกองทัพดอกท้อแล้ว ยังจะได้รูปเก๋ ๆ ไปอัปลงสตอรี่ หรือโซเชียลแบบอันลิมิตด้วยนะ ภาพของดอกท้อพวงระย้าที่เบ่งบานเป็นระยะทางราว 1 กิโลเมตรไม่ว่าจะหยุดยืนถ่ายตรงไหนก็สวย ไม่ต้องกลัวว่าเดินชมแล้วจะเหนื่อยหรือจะหิว เพราะบริเวณสถานที่จัดงานเทศกาลจะมี ชาวเมืองมาออกร้านจำหน่ายอาหารพื้นเมืองและเครื่องดื่มให้นักท่องเที่ยวได้ช้อป ชิม ชิล กระจายรายได้กันไปยาว ๆ
**ไม่มีการจัดกิจกรรมเก็บโมโมะ หรือ ลูกพีช
ข้อมูลเพิ่มเติม
https://www.tourismtoyota.jp/th/spots/detail/225/
https://www.aichi-now.jp/th/spots/detail/1279/
[BR] แนะนำ Toyota City เมืองเดียวเที่ยวครบ ทั้งธรรมชาติ และประวัติศาสตร์! ชมใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมดอกซากุระ ที่หาได้ยากในญี่ปุ่น
ไม่ต้องหน่านี๊ なに แปลกใจ ทำไมชื่อเมืองนี้ถึงเหมือนแบรนด์รถยนต์ เพราะที่นี่คือเมืองที่เป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ TOYOTA และถึงแม้ว่าเมืองนี้จะมีชื่อเสียงด้านการผลิตยานยนต์ ยืนหนึ่งเรื่องเทคโนโลยี แต่พื้นที่กว่า 70% ของที่นี่แวดล้อมไปด้วยธรรมชาติ และมีบ่อน้ำพุร้อนคุณภาพดี แถมยังเป็นเมืองที่สามารถชมดอกซากุระพร้อมกับใบไม้เปลี่ยนได้เพียงไม่กี่เมืองในญี่ปุ่นอีกด้วย อะไรนะ อยากรู้แล้วว่า เที่ยวเมืองนี้สนุกแค่ไหน มัดรวมมาให้แล้วแบบไม่กั๊ก จัดกระเป๋า จองตั๋วแล้วตามรอยเรามาได้เลย
Toyota City หรือเมืองโทโยตะ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในจังหวัดไอจิ ภูมิภาคชุบู ด้วยความที่ภูมิภาคนี้ตั้งอยู่บริเวณตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น ทำให้สามารถเดินทางมาเที่ยวได้สะดวก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน/รถส่วนตัว/รถบัส โดยเฉพาะรถไฟ ถ้าเดินทางโดย JR ชินคันเช็น จากโตเกียวมาถึงจุดหมายปลายทาง นาโกย่า จะใช้เวลาประมาณ 100 นาที หรือถ้าเดินทางจากโอซาก้ามานาโกย่า จะใช้เวลา 55 นาทีเท่านั้น จากนาโกย่ามาถึงสถานี Toyotashi ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เป็นเวลาที่กำลังดี สำหรับการเที่ยวต่างเมือง จะแพลนให้เป็นวันเดย์ทริป หรือเก็บให้ครบเป็นค้างคืนทริป ก็ดีงาม ว่าแต่มาถึงเมืองนี้แล้ว เที่ยวไหน พักที่ไหน มีกิจกรรมอะไรบ้าง มาลุยกันต่อ
มาถึงบ้านเกิด Toyota ทั้งที ที่แรกที่ต้องไปเจิมเลยจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์โตโยต้าไคคัง (Toyota Kaikan Museum) ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่บริษัทโตโยต้ามอเตอร์ ด้านในจะมีการจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจเยอะมาก เช่น นิทรรศการยานยนต์เทคโนโลยีใหม่ๆ ระดับโลก เป็นต้น และยังสามารถทดลองนั่งที่นั่งคนขับของรถยนต์โตโยต้ารุ่นใหม่ได้อีกด้วย เป็นอีกหนึ่งสถานที่ Family Outing ที่สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
หลังจากเปิดโลกแห่งการเรียนรู้เรียบร้อย เราก็จะมาถึงส่วนที่เป็นร้านค้าพิพิธภัณฑ์ ตั้งอยู่บนชั้นสอง ที่นี่มีสินค้าเกี่ยวกับยานยนต์ให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโมเดลพลาสติก และรถยนต์ของเล่นคันจิ๋ว ต่อให้ไม่เป็นคาร์เลิฟเวอร์ แต่เชื่อได้เลยว่าต้องมีสักชิ้นที่โดนใจให้ซื้อกลับไปเป็นที่ระลึก
การเดินทาง
・จาก Aichi Loop Line สถานี Mikawa-toyota ขึ้น Meitetsu Bus สายที่มุ่งหน้าไป Toyota Kinen Byoin มาลงที่ป้าย Toyota honsha - mae
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.tourismtoyota.jp/th/spots/detail/248/
https://www.aichi-now.jp/th/spots/detail/117/
ทุกคนรู้ ว่าถ้าอยากชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ญี่ปุ่นก็ต้องมาช่วงปลายปี ทุกคนรู้ว่าถ้าอยากดูดอกซากุระก็ต้องมาช่วงมีนาคม-เมษายน อารมณ์ประมาณรักแล้วต้องเลือก แต่ถ้ามาที่โอบาระ เมืองโทโยตะ ที่นี่รักแล้วไม่ต้องเลือกให้ได้ทั้งสองอย่างแบบคุ้มค่าตั๋ว ทุกคนสามารถชมใบไม้ร่วงสีแดงส้มพร้อมกับสีชมพูจากดอกซากุระได้พร้อมกัน ซึ่งมีน้อยมากในญี่ปุ่น นั่นเป็นเพราะว่าที่นี่เป็นที่อยู่ของ shikizakura ชิกิซากุระ สายพันธุ์พิเศษที่ออกดอกปีละสองครั้ง คือฤดูใบไม้ผลิ และฤดูใบไม้ร่วง
โดยช่วงเวลาที่เหมาะจะมาเที่ยวเพื่อชมใบไม้เปลี่ยนสี สีส้มแดงพร้อมซากุระสีชมพู จะเป็นช่วงต้นเดือนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใบไม้เมเปิล และต้น shikizakura กว่า 10,000 ต้นจะเปลี่ยนสีภูเขาซะโตะยะมะทั้งลูกให้สดใส สะพรั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณใกล้กับ "เซ็นมิชิกิซากุระโนะซาโตะ" ที่มีต้นชิกิซากุระอัดแน่นอยู่ถึง 1,200 ต้น แค่จินตนาการยังรู้สึกได้ถึงความว้าวขนาดนี้ เห็นของจริงจะว้าวขนาดไหนต้องไปพิสูจน์
(เทศกาลซากุระสี่ฤดู)
ถ้ามาเที่ยวโอบาระช่วงเดือนพฤศจิกายน จะเป็นช่วงเวลาที่มีการจัดงาน Obara Shikizakura Four-Season Cherry Blossom Festival หรือเทศกาลซากุระสี่ฤดู พอดี ตัวยเทศกาลจะถูกจัดขึ้นบริเวณต่าง ๆ ทั่วเมืองกระจายไปตามจุด ไม่ว่าจะเป็นจุดหลัก สวนโอบาระฟุเรไอ" หรือจุดใกล้เคียง "พิพิธภัณฑ์กระดาษญี่ปุ่นวาชิโนะฟุรุซาโตะ"และ "เซ็นมิชิกิซากุระโนะซาโตะ" ภายในงานก็จะมีการออกร้าน ขายอาหาร การแสดงบนเวทีจากชาวเมือง
การเดินทาง
・จากสถานีนาโกย่า ขึ้นรถไฟใต้ดินสายฮิกาชิยามะ ไปลงที่สถานีฟุชิมิ และขึ้นรถไฟสายทสึรุไม ไปลงที่สถานีโทโยตะชิ จากนั้น โดยสารรถบัสโทโยตะ โออิเด็น สายโอบาระ มุ่งหน้าสู่คะมินิกิ ลงสุดสายที่ป้ายคะมินิกิ (ใช้เวลาประมาณ 1ชม) แล้วเดินต่ออีก 15 นาที
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.tourismtoyota.jp/th/spots/detail/291/
https://www.aichi-now.jp/th/spots/detail/132/
https://www.tourismtoyota.jp/th/columns/detail/3/
โครันเค เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศญี่ปุ่น สำหรับการเดินทางมาที่โครันเคอาจจะใช้เวลาบ้างแต่รับรองว่าคุ้มค่าสุด ๆ ใบไม้เปลี่ยนสีในตอนกลางวันว่าสวยงามแล้ว ใบไม้เปลี่ยนสีในตอนกลางคืนที่มีการประดับไฟไลท์อัพ ก็สวยงามมากๆ เช่นกัน ซึ่งถ้าใครมาเที่ยวที่นี่ช่วงเดือนพฤศจิกายน แนะนำว่าต้องไปงานเทศกาล โมมิจิ มัตสึริ หรือ เทศกาลชมใบไม้เปลี่ยนสี ให้ได้เลยนะ ว่ากันว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมสีสันของใบไม้จากต้นเมเปิลที่มีถึงประมาณ 4,000 ต้น พร้อมกับมีการจัดแสงไลท์อัพ อิลลูมิเนชั่นบนต้นไม้ตั้งแต่ช่วงพระอาทิตย์ตกจนถึง 21.00น.
แต่ถ้ามาเที่ยวโครันเค ช่วงมีนาคมถึงต้นเมษายน ก็จะได้อีกฟีลไปอีกแบบเพราะจะได้เห็นดอกคาตะคุริบาน ปกคลุมภูเขาทั้งลูกด้วยสีม่วงอ่อน ๆ
สำหรับไฮไลต์อื่น ๆ ที่ไม่อยากให้พลาดเหมือนกันเมื่อมาที่โครันเค ได้แก่ เส้นทางเดินไปยังวัดโคจาคุจิ ที่เรียงรายไปด้วยต้นเมเปิ้ลและต้นสน สามารถเพลิดเพลินกับใบไม้เปลี่ยนสีในบรรยากาศที่เงียบสงบ
การเดินทาง
・จากสถานีนาโกย่า ขึ้นรถไฟใต้ดินสายฮิกาชิยามะ และลงที่สถานีฟูชิมิ เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟสายทรึรุไม มุ่งหน้าไปยังอาคาอิเคะและโทโยตะ (อาจจะต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟเมื่อถึงอาคาอิเคะ แต่ถ้าไม่อยากเปลี่ยนขบวนที่สถานีดังกล่าว ให้ใช้รถไฟขบวนที่มุ่งหน้าไปยังโทโยตะจากสถานีฟูชิมิ ลงที่สถานีโทโยตะและจากฝั่งประตูตะวันออก ขึ้นรถบัสเมเท็ตสึ อาสึเกะ สายที่มุ่งหน้าไปยัง อาสึเกะ คุรากาอิเคะโคเอ็นมาเอะ・โครันเค[鞍ヶ池公園前・香嵐渓経由] มาลงที่ป้าย โครันเค
นั่งรถบัสเป็นเวลา 45 นาที (ค่าโดยสาร 800 เยน) และลงที่ป้ายโครันเค
(ข้อมูลอ้างอิง: http://www.meitetsu-bus.co.jp/rosen/index)
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.tourismtoyota.jp/th/spots/detail/22/
https://www.aichi-now.jp/th/spots/detail/1021/
Korankei Momiji festival
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.tourismtoyota.jp/th/spots/detail/782/
จากโครันเคเดินมาประมาณ 10 นาทีก็จะพบกับโซนเมืองเก่าไว้ให้สาย Slow Life พักผ่อนและเดินชมสิ่งปลูกสร้างที่ก่อร่างสร้างกันมาตั้งแต่ยุคสมัยเซ็นโกคุ (ค.ศ. 1467–1615) ด้วยเหมือนกัน (เชื่อยังว่าครบรสจริง)
สำหรับรูปแบบตัวอาคารบ้านเรือนบริเวณนี้ ถูกออกแบบให้ป้องกันเพลิงไหม้ ด้วยการสร้างแนวอาคารแบบ นุริโกะเมะโดยใช้ปูนขาวพอกตามแนวริมชายคาบ้านหรือหน้าบ้านและทิ้งไว้ให้แข็งตัว ซึ่งเป็นบทเรียนสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ในสมัยอันเอที่ 4 (ปี ค.ศ. 1775) ปัจจุบันเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่ยังมีบ้านเรือนแบบดั้งเดิมในสมัยนั้นหลงเหลืออยู่ โดยบ้านพักที่นี่ทีชื่อสไตล์ว่า (Tsumairi) "ทสึไมริ" ทางเข้าบ้านอยู่ตรงหน้าจั่วหลังคา และ "ฮิไรริ" มีทางเข้าเฉพาะส่วนกลางของบ้าน (Hirairi) ผสมผสานกำแพงโกดังสีขาว ประตูแบบตาราง และกำแพงไม้สีดำ
ไม่ใช่แค่บ้านเรือนเท่านั้น ร้านต่าง ๆ ของที่นี่ก็มีความยูนีคเฉพาะตัวนะคะ เช่น แกลลอรี่มันริน คุระโนะนาคะ คาเฟ่และแกลลอรี่ที่ตั้งอยู่ที่โกดังอายุเกือบร้อยปีที่ได้รับการบูรณะฟื้นฟู หรืออาสึเกะโนะคาจิยะ ร้านตีเหล็กที่ก่อตั้งมาตั้งแต่สิ้นสุดสมัยเอโดะที่เชื่อมกับไลฟ์คาเฟ่ ทำให้เสน่ห์ของที่นี่ไม่ใช่แค่เรื่องความธรรมชาติอย่างเดียว แต่เป็นการถอยหลังไปมองเห็นความรุ่งเรืองการเป็นเมืองที่พักระหว่างทาง ว้าว
เดือนมิถุนายน ปี 2011 Asuke Townscape ที่นี่ได้รับเลือกให้เป็นเขตกลุ่มสถาปัตยกรรมดั้งเดิมที่สำคัญและมีการอนุรักษ์ไว้ของญี่ปุ่นเป็นแห่งแรกในจังหวัดไอจิ (ชื่อย่อ: สิ่งปลูกสร้างดั้งเดิมที่สำคัญ (จูเด็งเคน))
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.tourismtoyota.jp/th/spots/detail/52/
https://www.aichi-now.jp/th/spots/detail/118/
ใช่ว่าเมืองโทโยตะจะมีแต่ซากุระสายพันธุ์พิเศษ ดอกท้อ ดอกไม้ที่หลายคนเคยได้ยินแต่ชื่อแต่ไม่เคยเห็นดอกจริงสักที (สารภาพว่าเราก็ด้วย) มีให้ชมที่นี่ แถมมีให้ชมแบบละลานตาแน่น ๆ กับดอกท้อพวกระย้า “ชิดาเระโมโมะ” กว่า 3,000 ต้น โดยช่วงเวลาที่สวยที่สุดจะอยู่ช่วงต้นถึงกลางเดือนเมษายน *แตกต่างกันตามแต่ละปี
มาที่นี่นอกจากจะได้เสพความงามกองทัพดอกท้อแล้ว ยังจะได้รูปเก๋ ๆ ไปอัปลงสตอรี่ หรือโซเชียลแบบอันลิมิตด้วยนะ ภาพของดอกท้อพวงระย้าที่เบ่งบานเป็นระยะทางราว 1 กิโลเมตรไม่ว่าจะหยุดยืนถ่ายตรงไหนก็สวย ไม่ต้องกลัวว่าเดินชมแล้วจะเหนื่อยหรือจะหิว เพราะบริเวณสถานที่จัดงานเทศกาลจะมี ชาวเมืองมาออกร้านจำหน่ายอาหารพื้นเมืองและเครื่องดื่มให้นักท่องเที่ยวได้ช้อป ชิม ชิล กระจายรายได้กันไปยาว ๆ
**ไม่มีการจัดกิจกรรมเก็บโมโมะ หรือ ลูกพีช
ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.tourismtoyota.jp/th/spots/detail/225/
https://www.aichi-now.jp/th/spots/detail/1279/
BR - Business Review : กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวจากผู้สนับสนุน