แม้จะมีหลายกระทู้และหลายท่านกล่าวถึงข้อติชมไปเยอะแล้ว แต่ผมขออนุญาติแสดงความเห็นส่วนบุคคลในมุมมองของผู้ที่ถือบัตร VIP แถวหน้าสุดและตรงกลางด้วยครับ ขอเกริ่นก่อนว่า ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมทุกคอนเสิร์ตที่ผ่านมาตั้งแต่ STARTO จนถึงปัจจุบัน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่ผมขับรถกลับบ้านแล้วไม่รู้สึกใจฟู คอนเสิร์ตนี้เป็นครั้งแรกที่ผมกลับบ้านด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่ามาก ไม่ใช่เพราะการที่ต้องจากลา เนื่องจากการพบกันและจากกันเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับผม แต่เป็นเพราะมันคือการจากลาที่ไม่สวยงาม
แน่นอนว่าสาเหตุหลักมาจากความคาดหวัง ซึ่งผมก็ไม่ได้หวังอะไรมากเลย ผมนอนหลับสบายไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนเพื่อนบ้างท่าน แต่ในการที่เราเสียเงินกว่า 6,500 ผมว่าเราความมีสิทธิที่จะคาดหวังในฐานะผู้บริโภค ขออนุญาติแบ่งปันความเห็นและแลกปลี่ยนความเห็นจากทุกท่านในสามหัวข้อครับ
1. ระยะห่าง:
ปัญหา >>> เรื่องแรกเลยที่เดินเข้างานแล้วถึงกับอึ้ง คือระยะห่างระหว่างที่นั่งและตัวเวทีที่ราวกับคลองแสนแสบเวลานั่งเรือไป บางกะปิ ทั้งนี้ผมไม่ได้ต้องการเข้าไปชิดติดขอบเวทีหายใจรดต้นคอ แต่มันไกลเกินไปจนรู้สึกไม่ได้มีส่วนร่วมกับงานเลย ตัวน้องเองก็พยายามเดินมาเล่นด้วยและกระจายการเข้าถึง แต่ก็เก้กังเล่นด้วยไม่ถูกเพราะโคตรจะไกล ไม่รู้ทำไงหันไปเล่นกับคนที่ยืนใกล้ง่ายกว่า ซึ่งผมเข้าใจเลยครับว่าน้องทำได้แค่นั้นจริง ๆ
คาดสาเหตุ >>> การวางผังไม่ได้มีการมาดูหน้างานจริงก่อนเวลา และไม่ได้นึกถึงจิตใจลูกค้าในการจัดงานว่าจะรู้สึกอย่างไร งานรีบ งานเร่ง งานเผา
แนวทางแก้ไข >>> อยากให้นำไปเป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุงผังงานครับ ทราบว่าน้องเป็นคนต้องการวางผังแบบนี้เพื่อที่จะได้เล่นกับทุกคน แต่จุดประสงค์นี้ไม่ได้รับการส่งผ่านและเติมเต็มจากระยะห่างที่ทำให้เวที่เหล่านั้นไม่มีประโยชน์ตามที่ควรจะเป็นครับ
2. ระบบภาพและเสียง:
ปัญหา >>> เนื่องจากระยะห่างจากเวทีหลักไกลมาก ทำให้ VIP ก็ต้องมีการดูผ่านจอบ้าง ซึ่งเข้าใจได้ในส่วนนี้ แต่การจับภาพมันแย่มากที่สุดตั้งแต่ผมดูคอนเสิร์ตมาทั้งชีวิต ผนวกกับระบบเสียง WTF ที่เปิดปิดไมค์กันไม่ถูก ส่วนนี้ยิ่งสำคัญมากสำหรับที่นั่งไกล และที่นั่ง zone A เวลาน้องมายืนกันข้างหน้า
คาดสาเหตุ >>> คาดว่าเป็นงานเร่ง งานรีบ งานเผา จึงออกมาได้ชุ่ยมากที่สุด เหมือนไม่มีการซ้อมกันมาก่อนเลย กะจะไปด้นสดกันหน้างาน
แนวทางแก้ไข >>> ตัวงานเองก็มีการซักซ้อมและ Run Through จึงอยากให้มีการลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของการซักซ้อมคิวกล้องและไมค์ด้วยครับ เพราะถ้าจะด้นสดกันต้องเป็นทีมงานที่มีความเข้าใจมากกว่านี้ครับ
3. Playlist และ Storyline:
ปัญหา >>> ส่วนการเลือกเพลงผมไม่ขอออกความเห็นเพราะผมมองว่ามันคืองานศิลป์ที่ตัวศิลปินต้องการสื่ออกมา ซึ่งงานศิลปะมันถูกจริตคนเราไม่เหมือนกันครับ แต่ผมมองว่าแกนหลักสำคัญคือ Storyline ครับ ที่ควรจะมีการวางให้สวยงามในการประสานเรื่องราวด้วย VTR หรือ voice over ครับ เข้าใจว่ามันก็มีก้อนที่น้องอยากเต้นอยากร้องในส่วนที่อยาก ซึ่งถูกต้องแล้วครับ เราควรทำอะไรที่อยากทำ แต่การวางชิ้นส่วนและประสานกันมันไม่ลื่นไหล และจุด Peak หลายส่วนถูกทำลายจากระบบภาพและเครื่องเสียงไปอีก
คาดสาเหตุ >>> เข้าใจว่าน้องทุกคนต้องการให้ทุกคนในรุ่นมีส่วนร่วมกับการจัดงาน มันจึงเป็นงานที่ตัดแปะ ต่อชิ้นส่วนความคิดที่กระจัดกระจายมารวมกัน การประชุมรวมกันทุกคนก็ช่างยากเย็นจะรวมตัว เพราะต่างคนต่างโดนอัดงานกันไป
แนวทางแก้ไข >>> ตัวอย่างของคอนที่ดีที่น่าจะลองย้อนไปดูที่บันทึกไว้ของรุ่นที่สอง ที่มีการวางโครงเรื่องและประสานการเล่าเรื่องไว้ดีครับ การประชุมงานควรมีการวางวาระ มีผู้คุมวาระและเวลา และมีผู้ที่ตัดสินใจหลัก ไม่เช่นนั้นการประชุมจะไม่มีจุดสิ้นสุดและไม่มีประสิทธิภาพครับ
ทั้งหมดนี้เป็นการได้ VIP แถวหน้าตรงกลางที่มองหน้าน้องแบบตรงมาก แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกใกล้ชิดเลย
การซึมซับประสบการณ์และบรรยากาศที่ยิ่งไม่ได้รับการส่งผ่านที่ไม่ถึง
ผมเคยคิดว่าจะติดตามสนับสนุนตัววงต่อไปอย่างเต็มที่แม้จะผ่านดราม่ามาหลายครั้ง เพราะเชื่อว่าคนเราพัฒนากันได้ แต่สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด การจากลานี้เป็นความเสียใจสุดปลายทางที่ไม่ได้จากกันโดยดี ที่ขอปล่อยมือ ยืนส่งยิ้ม และโบกมือลาตรงนี้ครับ
ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมาและขอให้ทุกคนโชคดีในเส้นทางครับ
ความเสียใจสุดปลายทางที่ไม่ได้จากกันโดยดี (BNK48 1st Generation Concert "Dan D'1ion")
แน่นอนว่าสาเหตุหลักมาจากความคาดหวัง ซึ่งผมก็ไม่ได้หวังอะไรมากเลย ผมนอนหลับสบายไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนเพื่อนบ้างท่าน แต่ในการที่เราเสียเงินกว่า 6,500 ผมว่าเราความมีสิทธิที่จะคาดหวังในฐานะผู้บริโภค ขออนุญาติแบ่งปันความเห็นและแลกปลี่ยนความเห็นจากทุกท่านในสามหัวข้อครับ
1. ระยะห่าง:
ปัญหา >>> เรื่องแรกเลยที่เดินเข้างานแล้วถึงกับอึ้ง คือระยะห่างระหว่างที่นั่งและตัวเวทีที่ราวกับคลองแสนแสบเวลานั่งเรือไป บางกะปิ ทั้งนี้ผมไม่ได้ต้องการเข้าไปชิดติดขอบเวทีหายใจรดต้นคอ แต่มันไกลเกินไปจนรู้สึกไม่ได้มีส่วนร่วมกับงานเลย ตัวน้องเองก็พยายามเดินมาเล่นด้วยและกระจายการเข้าถึง แต่ก็เก้กังเล่นด้วยไม่ถูกเพราะโคตรจะไกล ไม่รู้ทำไงหันไปเล่นกับคนที่ยืนใกล้ง่ายกว่า ซึ่งผมเข้าใจเลยครับว่าน้องทำได้แค่นั้นจริง ๆ
คาดสาเหตุ >>> การวางผังไม่ได้มีการมาดูหน้างานจริงก่อนเวลา และไม่ได้นึกถึงจิตใจลูกค้าในการจัดงานว่าจะรู้สึกอย่างไร งานรีบ งานเร่ง งานเผา
แนวทางแก้ไข >>> อยากให้นำไปเป็นบทเรียนเพื่อปรับปรุงผังงานครับ ทราบว่าน้องเป็นคนต้องการวางผังแบบนี้เพื่อที่จะได้เล่นกับทุกคน แต่จุดประสงค์นี้ไม่ได้รับการส่งผ่านและเติมเต็มจากระยะห่างที่ทำให้เวที่เหล่านั้นไม่มีประโยชน์ตามที่ควรจะเป็นครับ
2. ระบบภาพและเสียง:
ปัญหา >>> เนื่องจากระยะห่างจากเวทีหลักไกลมาก ทำให้ VIP ก็ต้องมีการดูผ่านจอบ้าง ซึ่งเข้าใจได้ในส่วนนี้ แต่การจับภาพมันแย่มากที่สุดตั้งแต่ผมดูคอนเสิร์ตมาทั้งชีวิต ผนวกกับระบบเสียง WTF ที่เปิดปิดไมค์กันไม่ถูก ส่วนนี้ยิ่งสำคัญมากสำหรับที่นั่งไกล และที่นั่ง zone A เวลาน้องมายืนกันข้างหน้า
คาดสาเหตุ >>> คาดว่าเป็นงานเร่ง งานรีบ งานเผา จึงออกมาได้ชุ่ยมากที่สุด เหมือนไม่มีการซ้อมกันมาก่อนเลย กะจะไปด้นสดกันหน้างาน
แนวทางแก้ไข >>> ตัวงานเองก็มีการซักซ้อมและ Run Through จึงอยากให้มีการลงทุนเพิ่มเติมในส่วนของการซักซ้อมคิวกล้องและไมค์ด้วยครับ เพราะถ้าจะด้นสดกันต้องเป็นทีมงานที่มีความเข้าใจมากกว่านี้ครับ
3. Playlist และ Storyline:
ปัญหา >>> ส่วนการเลือกเพลงผมไม่ขอออกความเห็นเพราะผมมองว่ามันคืองานศิลป์ที่ตัวศิลปินต้องการสื่ออกมา ซึ่งงานศิลปะมันถูกจริตคนเราไม่เหมือนกันครับ แต่ผมมองว่าแกนหลักสำคัญคือ Storyline ครับ ที่ควรจะมีการวางให้สวยงามในการประสานเรื่องราวด้วย VTR หรือ voice over ครับ เข้าใจว่ามันก็มีก้อนที่น้องอยากเต้นอยากร้องในส่วนที่อยาก ซึ่งถูกต้องแล้วครับ เราควรทำอะไรที่อยากทำ แต่การวางชิ้นส่วนและประสานกันมันไม่ลื่นไหล และจุด Peak หลายส่วนถูกทำลายจากระบบภาพและเครื่องเสียงไปอีก
คาดสาเหตุ >>> เข้าใจว่าน้องทุกคนต้องการให้ทุกคนในรุ่นมีส่วนร่วมกับการจัดงาน มันจึงเป็นงานที่ตัดแปะ ต่อชิ้นส่วนความคิดที่กระจัดกระจายมารวมกัน การประชุมรวมกันทุกคนก็ช่างยากเย็นจะรวมตัว เพราะต่างคนต่างโดนอัดงานกันไป
แนวทางแก้ไข >>> ตัวอย่างของคอนที่ดีที่น่าจะลองย้อนไปดูที่บันทึกไว้ของรุ่นที่สอง ที่มีการวางโครงเรื่องและประสานการเล่าเรื่องไว้ดีครับ การประชุมงานควรมีการวางวาระ มีผู้คุมวาระและเวลา และมีผู้ที่ตัดสินใจหลัก ไม่เช่นนั้นการประชุมจะไม่มีจุดสิ้นสุดและไม่มีประสิทธิภาพครับ
ทั้งหมดนี้เป็นการได้ VIP แถวหน้าตรงกลางที่มองหน้าน้องแบบตรงมาก แต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกใกล้ชิดเลย
การซึมซับประสบการณ์และบรรยากาศที่ยิ่งไม่ได้รับการส่งผ่านที่ไม่ถึง
ผมเคยคิดว่าจะติดตามสนับสนุนตัววงต่อไปอย่างเต็มที่แม้จะผ่านดราม่ามาหลายครั้ง เพราะเชื่อว่าคนเราพัฒนากันได้ แต่สิ่งที่ผ่านมาทั้งหมด การจากลานี้เป็นความเสียใจสุดปลายทางที่ไม่ได้จากกันโดยดี ที่ขอปล่อยมือ ยืนส่งยิ้ม และโบกมือลาตรงนี้ครับ
ขอบคุณสำหรับช่วงเวลาที่ผ่านมาและขอให้ทุกคนโชคดีในเส้นทางครับ