วันที่ความสามารถและความมุ่งมั่นตั้งใจกำลังผลิดอกออกผล ยุคเปลี่ยนผ่านของ BNK48 กำลังเป็นยุคทองของ 'ภัทรนรินทร์ เหมือนฤทธิ์' หรือ 'นายน์ BNK48' จากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องเดินทางไป-กลับ นครสวรรค์-กรุงเทพฯ ในช่วงแรกของการเป็นไอดอลโดยมีสารถีคือแม่ของเธอเอง หากเป็นคนอื่นอาจท้อจนยอมถอย แล้วไปหาเส้นทางอื่นเดิน แต่กับเด็กคนนี้ไม่ใช่ เธอพิสูจน์ตัวเองมาตลอดว่าไม่ว่าระยะทาง 239 กิโลเมตรคูณสองในแต่ละวัน การเป็นเมมเบอร์ที่ถูกมองข้ามในหลายโอกาส ต้องมีวันที่เป็นวันของเธอ
.
แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่สปอตไลท์ส่องไปยังเธอมากขึ้น แต่เธอกำลังขึ้นมาเป็นกัปตันทีม NV ของวง ซึ่งจะได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
.
📌 ก่อนเข้ามาเป็น BNK48 จนถึงทุกวันนี้ ความรู้สึก ความคิดอ่านแตกต่างไปอย่างไร?
.
ตอนนี้ความรู้สึกไม่เหมือนกับตอนที่เพิ่งเข้ามา เพราะตอนแรกหนูเข้ามาโดยไม่รู้ว่า BNK48 คืออะไร แค่เคยได้ยินผ่านๆ แล้วเราต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ มันหนักสำหรับเรามากเลย เพราะเราไม่มีพื้นฐานเรื่องเต้นด้วย ร้องก็แค่พอได้ ก็อาจจะไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น
.
จนถึงตอนนี้หนูก็รู้สึกว่าแฮปปี้กับการที่หนูอยู่ตรงนี้มากๆ มันมีช่วงเราติดเซ็มบัตสึบ้าง ไม่ติดบ้าง ก็คิด ก็เสียใจเป็นเรื่องปกติ แต่เราก็คิดว่ามันมีเหตุผลของมันที่ทำไมเราไม่ได้ถูกเลือก หนูว่ามันมีหลายปัจจัยมากๆ บางทีไม่ใช่แค่เราเก่งนะ แต่มีด้วยโอกาสและเวลาของมันที่จะเข้ามาหาเรา
.
📌 ตอนนั้นคือช่วงที่ยากลำบาก?
.
ใช่ค่ะ คือหนูเป็นคนที่ค่อนข้างจะคาดหวัง แล้วถ้าผิดหวังจะรู้สึกเสียใจมากๆ แล้วรับไม่ได้ แต่พอเราผ่านจุดนั้นมามากๆ แล้วไม่คาดหวังมากเท่าเดิม ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของมันมากกว่า ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราไม่คาดหวังแล้วทำของเราไปเรื่อยๆ แบบนี้ สักวันหนึ่งสปอตไลท์ก็คงจะส่องมาหาเราเอง โดยที่เราไม่ต้องพยายามทำอะไรกับมันมาก
.
📌 มันคือการปลอบใจตัวเองหรือเปล่า
.
ใช่ค่ะ มันคือการปลอบใจตัวเอง คือจริงๆ ปลอบใจตัวเองมาตลอด หนูว่าการเสียใจมันไม่ผิด แต่หนูรู้สึกว่าไม่อยากปล่อยให้ตัวเองเสียใจนาน เพราะถ้าเสียใจไปนานแล้วมันอยู่กับที่ หรือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โอกาสก็ไม่ได้มาหาเราอยู่ดี หนูก็เลยเป็นคนชอบปลอบใจตัวเอง มีหลายครั้งที่ไปย้อนฟังดูตัวเองในคลิป ก็เจอว่าเราปลอบใจตัวเองเก่งเหมือนกันนะกับเรื่องบางเรื่อง
.
📌 สี่ปีที่ผ่านมา นายน์โตขึ้นแน่ๆ แต่น่าจะผ่านอะไรมาในจุดที่รู้สึกแย่ที่สุด?
.
ดาวน์ที่สุดของหนู ถ้านอกจากเรื่องเซ็มบัตสึก็คือการที่ไม่ติดโปรเจค Indy Camp เพราะตอนนั้นเป็นครั้งแรก ตอนนั้นเสียใจมาก ร้องไห้เลย ค่อนข้างที่จะหนัก คาดหวังว่าตัวเองน่าจะเป็นหนึ่งในนั้น ก็ตั้งคำถามกับตัวเองเยอะมาก แต่ไม่ได้ถามผู้ใหญ่ว่าทำไมเราถึงไม่ได้ แต่พอเรารู้หรือพอเราหาเหตุผลมาปลอบใจตัวเองได้ก็เข้าใจแล้วว่าบางทีมันไม่ใช่แค่เรื่องความสามารถ แต่ว่ามันมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทำโปรเจค Indy Camp ครั้งแรก
.
ตอนนั้นหนูก็เสียใจแต่ก็เสียใจไม่นาน เราแค่ทำไปเรื่อยๆ แต่นั่นก็คงเป็นครั้งที่เสียใจที่สุดแล้วแหละ เพราะหนูคิดว่าหนูมาด้วยความสามารถพิเศษอันนั้น แต่ทำไมหนูถึงไม่ได้รับโอกาส
.
📌 จัดการกับความรู้สึกนั้นอย่างไรเพื่อหลุดจากการคำว่าเสียใจ
.
หนูปลอบใจตัวเองค่ะ กับแค่ไม่คิด เพราะหนูไม่ชอบความเสียใจนานๆ แล้วก็รู้สึกว่าถ้าครั้งนี้ไม่ใช่โอกาสของเรา อย่างน้อยก็มีครั้งที่สอง แต่ครั้งที่สองอย่างไรก็ต้องเป็นหนูแล้วแหละ (หัวเราะ) ถ้ายังไม่ใช่หนูอีกนะ หนูขู่กับครูแมนว่าถ้าหนูไม่ได้เป็น Indy Camp รุ่นสองนะ หนูแกรดเลยนะ (หัวเราะ) เพราะหนูรู้สึกว่า Indy Camp มันเป็นโอกาสหลายๆ อย่าง นอกจากที่เราจะได้เคยทำ เราจะได้เป็น นายน์ Indy Camp ที่ไม่ใช่ นายน์ BNK48 เหมือนเราได้ไปเป็นศิลปินเดี่ยวในโปรเจคนั้น โอกาสตรงนั้นจะทำให้คนเห็นเราเยอะมากๆ แล้วเราจะได้รู้จักคนในวงการดนตรีเยอะมากขึ้นด้วย
.
📌 ที่เห็นนายน์โตขึ้นมาก อะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราได้เห็นนายน์แบบทุกวันนี้
.
หนูไม่รู้ว่าจุดเปลี่ยนคืออะไร แต่ที่หนูอยู่มาจนถึงทุกวันนี้หรือทุกคนได้เห็นหรือได้ยินดีกับหนู มันคือความพยายามของหนู และต่อให้ใครมาพูดว่าความพยายามมันอยู่กับวงนี้ไม่ได้ แต่สำหรับหนู มันอยู่ได้นะ และวันนี้หนูก็ได้เห็นผลลัพธ์ของสิ่งที่หนูได้ทำ ความพยายามของหนูมันไม่เคยทำร้ายหนู มันดีใจเสียด้วยซ้ำกับการที่เราทำมาเรื่อยๆ ถึงเราจะท้อบ้าง แต่เราไม่ได้หยุดก้าวเดิน
.
มันก็มีช่วงที่หมดไฟ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม กับช่วงระยะเวลากับสัญญาที่เหลือ อีกอย่างคือนอกเหนือที่เราจะอยู่ ยังมีรุ่นน้องอีกที่เขาเข้ามาและพร้อมที่จะเติบโต แล้วถ้าเขาตีคู่มากับเรา เราจะอยู่ได้อย่างไร มันก็มีอะไรให้คิดหลายอย่าง จนหนูรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรให้ฉายแววออกมาแล้ว ถ้าเราปล่อยให้ตัวเองอยู่ไปเรื่อยๆ หนูว่าเราไม่มีวันโตแน่ๆ
อ่านต่อ :
https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/entertainment/1043445
เรื่อง : ปริญญา ชาวสมุน
#BNK48 #NineBNK48 #จุดประกาย #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
………………….
ติดตาม "จุดประกาย กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
Twitter:
https://twitter.com/judprakai
Website:
https://www.bangkokbiznews.com/category/lifestyle/judprakai
บทสัมภาษณ์ของน้องนาย BNK48
วันที่ความสามารถและความมุ่งมั่นตั้งใจกำลังผลิดอกออกผล ยุคเปลี่ยนผ่านของ BNK48 กำลังเป็นยุคทองของ 'ภัทรนรินทร์ เหมือนฤทธิ์' หรือ 'นายน์ BNK48' จากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ต้องเดินทางไป-กลับ นครสวรรค์-กรุงเทพฯ ในช่วงแรกของการเป็นไอดอลโดยมีสารถีคือแม่ของเธอเอง หากเป็นคนอื่นอาจท้อจนยอมถอย แล้วไปหาเส้นทางอื่นเดิน แต่กับเด็กคนนี้ไม่ใช่ เธอพิสูจน์ตัวเองมาตลอดว่าไม่ว่าระยะทาง 239 กิโลเมตรคูณสองในแต่ละวัน การเป็นเมมเบอร์ที่ถูกมองข้ามในหลายโอกาส ต้องมีวันที่เป็นวันของเธอ
.
แน่นอนว่าตอนนี้ไม่ใช่แค่สปอตไลท์ส่องไปยังเธอมากขึ้น แต่เธอกำลังขึ้นมาเป็นกัปตันทีม NV ของวง ซึ่งจะได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป
.
📌 ก่อนเข้ามาเป็น BNK48 จนถึงทุกวันนี้ ความรู้สึก ความคิดอ่านแตกต่างไปอย่างไร?
.
ตอนนี้ความรู้สึกไม่เหมือนกับตอนที่เพิ่งเข้ามา เพราะตอนแรกหนูเข้ามาโดยไม่รู้ว่า BNK48 คืออะไร แค่เคยได้ยินผ่านๆ แล้วเราต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ มันหนักสำหรับเรามากเลย เพราะเราไม่มีพื้นฐานเรื่องเต้นด้วย ร้องก็แค่พอได้ ก็อาจจะไม่ได้เก่งอะไรขนาดนั้น
.
จนถึงตอนนี้หนูก็รู้สึกว่าแฮปปี้กับการที่หนูอยู่ตรงนี้มากๆ มันมีช่วงเราติดเซ็มบัตสึบ้าง ไม่ติดบ้าง ก็คิด ก็เสียใจเป็นเรื่องปกติ แต่เราก็คิดว่ามันมีเหตุผลของมันที่ทำไมเราไม่ได้ถูกเลือก หนูว่ามันมีหลายปัจจัยมากๆ บางทีไม่ใช่แค่เราเก่งนะ แต่มีด้วยโอกาสและเวลาของมันที่จะเข้ามาหาเรา
.
📌 ตอนนั้นคือช่วงที่ยากลำบาก?
.
ใช่ค่ะ คือหนูเป็นคนที่ค่อนข้างจะคาดหวัง แล้วถ้าผิดหวังจะรู้สึกเสียใจมากๆ แล้วรับไม่ได้ แต่พอเราผ่านจุดนั้นมามากๆ แล้วไม่คาดหวังมากเท่าเดิม ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของมันมากกว่า ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราไม่คาดหวังแล้วทำของเราไปเรื่อยๆ แบบนี้ สักวันหนึ่งสปอตไลท์ก็คงจะส่องมาหาเราเอง โดยที่เราไม่ต้องพยายามทำอะไรกับมันมาก
.
📌 มันคือการปลอบใจตัวเองหรือเปล่า
.
ใช่ค่ะ มันคือการปลอบใจตัวเอง คือจริงๆ ปลอบใจตัวเองมาตลอด หนูว่าการเสียใจมันไม่ผิด แต่หนูรู้สึกว่าไม่อยากปล่อยให้ตัวเองเสียใจนาน เพราะถ้าเสียใจไปนานแล้วมันอยู่กับที่ หรือไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง โอกาสก็ไม่ได้มาหาเราอยู่ดี หนูก็เลยเป็นคนชอบปลอบใจตัวเอง มีหลายครั้งที่ไปย้อนฟังดูตัวเองในคลิป ก็เจอว่าเราปลอบใจตัวเองเก่งเหมือนกันนะกับเรื่องบางเรื่อง
.
📌 สี่ปีที่ผ่านมา นายน์โตขึ้นแน่ๆ แต่น่าจะผ่านอะไรมาในจุดที่รู้สึกแย่ที่สุด?
.
ดาวน์ที่สุดของหนู ถ้านอกจากเรื่องเซ็มบัตสึก็คือการที่ไม่ติดโปรเจค Indy Camp เพราะตอนนั้นเป็นครั้งแรก ตอนนั้นเสียใจมาก ร้องไห้เลย ค่อนข้างที่จะหนัก คาดหวังว่าตัวเองน่าจะเป็นหนึ่งในนั้น ก็ตั้งคำถามกับตัวเองเยอะมาก แต่ไม่ได้ถามผู้ใหญ่ว่าทำไมเราถึงไม่ได้ แต่พอเรารู้หรือพอเราหาเหตุผลมาปลอบใจตัวเองได้ก็เข้าใจแล้วว่าบางทีมันไม่ใช่แค่เรื่องความสามารถ แต่ว่ามันมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทำโปรเจค Indy Camp ครั้งแรก
.
ตอนนั้นหนูก็เสียใจแต่ก็เสียใจไม่นาน เราแค่ทำไปเรื่อยๆ แต่นั่นก็คงเป็นครั้งที่เสียใจที่สุดแล้วแหละ เพราะหนูคิดว่าหนูมาด้วยความสามารถพิเศษอันนั้น แต่ทำไมหนูถึงไม่ได้รับโอกาส
.
📌 จัดการกับความรู้สึกนั้นอย่างไรเพื่อหลุดจากการคำว่าเสียใจ
.
หนูปลอบใจตัวเองค่ะ กับแค่ไม่คิด เพราะหนูไม่ชอบความเสียใจนานๆ แล้วก็รู้สึกว่าถ้าครั้งนี้ไม่ใช่โอกาสของเรา อย่างน้อยก็มีครั้งที่สอง แต่ครั้งที่สองอย่างไรก็ต้องเป็นหนูแล้วแหละ (หัวเราะ) ถ้ายังไม่ใช่หนูอีกนะ หนูขู่กับครูแมนว่าถ้าหนูไม่ได้เป็น Indy Camp รุ่นสองนะ หนูแกรดเลยนะ (หัวเราะ) เพราะหนูรู้สึกว่า Indy Camp มันเป็นโอกาสหลายๆ อย่าง นอกจากที่เราจะได้เคยทำ เราจะได้เป็น นายน์ Indy Camp ที่ไม่ใช่ นายน์ BNK48 เหมือนเราได้ไปเป็นศิลปินเดี่ยวในโปรเจคนั้น โอกาสตรงนั้นจะทำให้คนเห็นเราเยอะมากๆ แล้วเราจะได้รู้จักคนในวงการดนตรีเยอะมากขึ้นด้วย
.
📌 ที่เห็นนายน์โตขึ้นมาก อะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราได้เห็นนายน์แบบทุกวันนี้
.
หนูไม่รู้ว่าจุดเปลี่ยนคืออะไร แต่ที่หนูอยู่มาจนถึงทุกวันนี้หรือทุกคนได้เห็นหรือได้ยินดีกับหนู มันคือความพยายามของหนู และต่อให้ใครมาพูดว่าความพยายามมันอยู่กับวงนี้ไม่ได้ แต่สำหรับหนู มันอยู่ได้นะ และวันนี้หนูก็ได้เห็นผลลัพธ์ของสิ่งที่หนูได้ทำ ความพยายามของหนูมันไม่เคยทำร้ายหนู มันดีใจเสียด้วยซ้ำกับการที่เราทำมาเรื่อยๆ ถึงเราจะท้อบ้าง แต่เราไม่ได้หยุดก้าวเดิน
.
มันก็มีช่วงที่หมดไฟ ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม กับช่วงระยะเวลากับสัญญาที่เหลือ อีกอย่างคือนอกเหนือที่เราจะอยู่ ยังมีรุ่นน้องอีกที่เขาเข้ามาและพร้อมที่จะเติบโต แล้วถ้าเขาตีคู่มากับเรา เราจะอยู่ได้อย่างไร มันก็มีอะไรให้คิดหลายอย่าง จนหนูรู้สึกว่าเราต้องทำอะไรให้ฉายแววออกมาแล้ว ถ้าเราปล่อยให้ตัวเองอยู่ไปเรื่อยๆ หนูว่าเราไม่มีวันโตแน่ๆ
อ่านต่อ : https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/entertainment/1043445
เรื่อง : ปริญญา ชาวสมุน
#BNK48 #NineBNK48 #จุดประกาย #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
………………….
ติดตาม "จุดประกาย กรุงเทพธุรกิจ" ผ่านช่องทางต่างๆ ได้ที่
Twitter: https://twitter.com/judprakai
Website: https://www.bangkokbiznews.com/category/lifestyle/judprakai