สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาบอกประสบการณ์ที่เรากับแม่ประทับใจมากๆหลังจากได้ไปตัดแว่นเป็นของขวัญวันเกิดครบ 42 ปีของคุณแม่เราค่ะ ความใส่ใจและการบริการ แถมตรวจวัดละเอียดขั้นสุด เดี๋ยวจะหาว่าโม้ มาวันนี้จะรีวิวให้ทุกคนแบบต้นจนจบเลยคะ
ก่อนที่จะพาคุณแม่มาตัดแว่นใหม่ คุณแม่เกิดอาการปวดหัว ปวดตาตลอดเวลาทำงาน อ่านตัวหนังสือเยอะๆอยู่บ่อยๆ บางวันไปกินข้าวนอกบ้านเจองานด่วนมาก็ลืมแว่นอีกอันนี้ก็พาทำให้มื้ออาหารไม่แฮปปี้ไปดื้อๆเลย จนพักหลังก็เห็นว่าลูกอย่างเราต้องทำอะไรสักอย่างแล้วหละ ตอนแรกเราก็สงสัยว่าทำไมแม่จะต้องพกแว่นสายตาหลายๆอันด้วยนะ (จริงๆเราคิดว่าแม่ใส่ตามอามรณ์ แบบที่เราก็มีแว่นตาหลายๆชิ้น555555)
ด้วยความไม่รู้เราก็ถามแม่ เลยได้พบคำตอบว่าจริงๆแล้ว แม่พกแว่นหลายอันเพราะมันเป็นคนละค่าสายตากันนั่นเอง แม่บอกว่าที่แม่ต้องพกแว่นตาไว้ ก็จะมีแว่นที่ไว้สำหรับมองระยะไกล และแว่นสำหรับไว้อ่านหนังสือ ระยะใกล้ แต่แม่เราก็บอกว่าจริงๆเค้าก็ไม่ชอบที่จะต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยๆหรอกเพราะมันทำให้แม่บีบตาอยู่บ่อยๆ
นี่หละ!เลยเป็นประเด็นที่เราจะพาคุณแม่ไปตัวแว่นใหม่กัน
เริ่มจากเราพิมพ์ใน ปู่เกิ้ลเลยว่า "แว่นตาที่มองทุกระยะ คนแก่" บอกตรงๆว่าไม่รู้ว่าจะต้องค้นหาคำว่าอะไร ตรงจุดมาก555555 โอเค! ปู่เกิ้ลก็พาให้เราได้ทำความรู้จักกับเลนส์โปรเกรสซีฟ
พอรู้ทางคร่าวๆว่าจะแก้ไขปัญหาให้แม่ยังไง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปทำที่ไหนดี แต่ก็เหมือนฟ้ามาโปรด วันนั้นเรานั้งทำงานตามปกติ แล้วมี ADS ของมัทยา คลินิก เข้ามาแตะตาเราอย่างจัง!!
ด้วยความที่เราเองก็ยังหาที่ทางให้แม่ในการตัดแว่นใหม่อยู่ก็เลือกที่จะจิ้มไปดูแบบไม่คิดอะไร แต่พอได้เข้าไปเหมือนเจอเนื้อคู่ในฝันที่ตามหามานาน~
ทางคลินิกมีทั้งช่องยูทูป เว็บไซต์ ช่องทางติดต่อที่สะดวกสบายพร้อมให้คำปรึกษา แก้ปัญหาแบบดูคลิปเดียวรู้เรื่อง! เจอคอนเทนต์ให้ความรู้เรื่องนี้ก็เลยเข้าไปหาข้อมูลทันที พอได้อ่านไปเรื่อยๆก็เหมือนเห็นคุณแม่อยู่ในนั้นเลยอ่ะ คือบทความให้ความเข้าใจเรื่องสายตาดีมากๆจนเราก็แวะไปท่องเว็บยาวๆเลย
เออเราไปท่องช่องยูทูปด้วย สนุกเหมือนกัน คุณหมออธิบายได้น่าสนใจมากๆ มีคุณหมอที่ตอบคำถามเรื่องเกี่ยวกับสายตาของคนวัยรุ่นแม่อย่างเราๆเยอะแยะไปหมด เราเลยรู้สึกว่าที่นี่มีความใส่ใจและเข้าใจในเรื่องของสายตา
และความบังเอิญอีกเรื่องคือ มัทยาคลินิกอยู่ที่ เดอะคริสตัล เลียบทางด่วนเอง สาวลาดพร้าวอย่างเราก็ยิ้มแป้นเลย ใกล้บ้านฝุดๆ แต่ทางคลินิกมีสองสาขานะคะ ก็เลือกที่สะดวกเราที่สุดก็คือที่เดอะคริสตัล
ที่ตัดสินใจตัดแว่นกับทางมัทยาคลินิก จริงๆแล้วไม่ใช่แค่เรื่องความไว้วางใจในคุณหมอนะคะ แต่จริงๆทางคลินิกมีเลนส์หลากหลายมากๆ ต่างจากที่อื่นๆที่มีเลนส์ให้เลือกอย่างจำกัด ทำให้บางคนที่ตัดแว่นไปก็ต้องโซแซดเพราะแว่นที่ตัดมาไม่สบายตา กับราคาที่ปังปุริเย่
ก็เลยคิดว่า เออ ไหนๆมันจะตัดแล้วก็เลือกที่ดีที่สุดให้แม่เราเลยแล้วกัน เวลาทำงานจะได้ไม่ต้องเจออาการเดิมๆอีก
เมื่อตั้งใจอย่างนั้นก็โทรนัดกับทางคลินิกเลยทันที ความประทับใจแรกก็ได้เริ่มขึ้น
พนังงานต้อนรับน่ารักมากกกก เราก็งง ถามวนไปวนมาว่าต้องเตรียมตัวอะไรไปบ้าง จะได้บอกคุณแม่ได้ พี่พนังงานใจเย็นมาก (ต้องขอบคุณมากๆค่ะ ที่มีความอดทนกับดิฉัน TT)
เรานัดคุณหมอไว้ตอน 11 โมงค่ะ เกรงว่าตอนบ่ายแม่จะหายไปทำงานข้างนอกซะก่อน เลยนัดก่อนเที่ยงไปเลย
ปฎิบัติการเซอร์ไพร์ของขวัญปีนี้ ก็แอบลุ้นเหมือนกันว่าแม่จะชอบมั้ย ก็มีความคาดหวังกับแว่นตาชิ้นนี้พอสมควรเลยค่ะ
เอาหล่ะ! เริ่มจุงแม่คุณแม่ไปกันเถอะ!!
เมื่อถึงวันที่เราจะพาคุณแม่ไป ก็ทำท่าที่ว่าไปกินข้าวกัน ลูกมีธุระต้องทำพอดี เป็นโอกาสอันดีที่จะพาแม่ออกมาในช่วงเช้า
เมื่อออกมาแล้วก็พาไปนั้งดื่มกาแฟร้านโปรดก่อน ก็ไม่วายแม่ก็ลืมแว่นเป็นครั้งที่ล้านนนน
จนใกล้ถึงเวลาก็ทำทีว่าจะไปซื้อของในเดอะคริสตัล 555555555 คะแนนความเนียนติดลบมากบอกเลย
คือแม่เราเป็นอาจารย์ค่ะ จะชอบมีปัญหาเรื่องสลับไปมองใกล้ไกลบ่อยๆ เวลาสอนต้องมองจอ ไปพร้อมๆกับมองชีทหนังสือ ต้องใช้สายตาแบบรวดเร็ว ท้ายที่สุดก็เจอเจ้าปัญหาไมเกรนตามมาตลอดถ้าวันไหนมีสอนทั้งวัน ต้องพกยาคู่ใจไปทุกที เราก็ถามว่าทำไมไม่ตัดใหม่ แม่ก็บ่นว่า นี่ตัดไปสีครั้งแล้ว แม่หมดเงินกับเรื่องแว่นมาเยอะ ตัดออกมาก็เหมือนๆกัน แม่เองก็ไม่รู้จะทำยังไง (อ่าวโทษตัวเองแล้วววว )
ก่อนที่แม่เราจะไมเกรนขึ้นจริงๆเราเลยบอกแม่ว่างั้นไปทำธุระให้เสร็จกันจะได้รีบกลับบ้าน แม่จะได้ทำงานเสร็จ แรกๆเหมือนแม่ก็ไม่ยอมไปจะนั้งทำงานต่อ แต่เราใช้วิธีบังคับเลยคะ 55555 ไม่งั้นบ่นยาวเป็นหางว่าวชัวร์
มาบอกพิกัดกันก่อนดีกว่า เราพาจุงมือแม่พาไปที่ มัทยา คลินิก เราไปที่สาขา เดอะคริสตัส เดินทางง่ายมาก อยู่ชั้น 1 โซนด้านนอก ติดกับกับธนาคารกรุงศรีและประตูเข้า เดอะคริสตัลเลยเลยค่ะ ตามหาไม่ยากเลย
ความประทับใจแรกที่เข้าไป พนังงานต้อนรับน่ารักมากค่ะ บริการเป็นกันเอง
เข้าไปทางพี่ๆพนังงานก็จะของบัตรประชาชน มีการสอบถามข้อมูลคร่าวๆ แต่ที่เราตลกกับแม่เราวันนั้นก็คือ....
ทางพี่ๆพนังงานก็สอบถามแม่เราว่า ทางลูกค้ารู้จักกับมัทยาคลินิกยังไงคะ แม่ตอบว่า อ่อ ลูกจุงมือแม่มาค่ะ 5555555 แต่คือแม่ก็บอกว่าเคยเห็นคลินิกนี้ผ่านตาอยู่บ่อยๆตามเว็บไซต์ แต่บังเอิญมากที่อยู่ที่เดอะคริสตัล แล้วลูกก็พามาวันนี้
พี่ๆมาบริการน่ารักมากๆค่ะ ยังไม่ทันได้ลงไปนั้งดีๆเลยก็มีบริการเสิร์ฟน้ำกับขนมทานเล่นๆระหว่างรอด้วย เป็นขนมของโปรดดดด โปรดของลูกเอง5555 อีกอย่างบรรยากาศร้านสะอาดตามากค่ะ ไม่เหมือนร้านแว่นทั่วๆไปที่เราเคยเจอเลย มองซ้ายมองขวาก็แอบเห็นลูกค้าที่ใช้บริการที่นี่วันนั้นเดินออกไปด้วยรอยยิ้มแล้ว เราก็หวังว่าแม่เราจะกลับไปพร้อมกับแว่นใหม่อย่างแฮปปี้เหมือนกัน :')
พี่พนังงานได้มีการสอบถามคุณแม่คร่าวๆว่ามีโรคประจำตัว หรือเคยผ่าตัดเกี่ยวกับดวงตา หรือทานอาหารเสริมตัวไหนเพิ่มเติมมั้ย เอ้ยเราก็แปลกใจเหมือนกันนะว่าข้อมูลที่ถามละเอียดมาก ส่วนตัวเราก็เคยไปตัดแว่นก็ไม่เคยเจอสอบถามประวัติแบบนี้เหมือนกัน ความประทับแรกที่เข้ามาความใส่ใจให้เต็ม10!!
คิดเพลินๆแปบนึงคุณหมอก็เรียกแล้ว คิวที่นี่รอไม่นานเลยค่ะ (แต่ต้องติดต่อจองคิวล่วงหน้าด้วยน้าทุกคน) พอได้เข้าไปแล้ว คุณหมอได้อธิบายเกี่ยวกับปัญหาที่คุณแม่เจออยู่ ก็คือปัญหาที่ต้องสลับแว่นบ่อยๆ อ่านหนังสือแว่นนึง ออกกำลังกายอีกแว่นนึง แถมยังมีอาการปวดตาเวลาเปลี่ยนแว่นด้วย
ขั้นตอนแรกคือการตรวจค่าสายตาเพื่อหาค่าสายตาสั้นและยาวด้วยเครื่องมือ
อันดับแรกหมอพริ้มก็พาแม่ไปตรวจวัดค่าสายตา ไอ่เราก็คิดว่านี่คงจะเป็นการตรวจสายตาเพื่อตัดแว่นละ แต่จริงๆมันไม่ใช่ มันคือการตรวจ และตรวจ และตรวจ จนต้องอุทานว่า โอโห้แม่คุณณณณ อะไรจะละเอียดขนาดนั้นนะ!
ก่อนที่จะวัดสายตา หมอพริ้มก็อธิบายขั้นตอนคร่าวๆที่วันนี้แม่เราต้องตรวจ อันดับแรกคือการตรวจด้วยเครื่องมือวัดสายตาทั้งซ้ายและขวา สังเกตุได้จากที่แม่เราเกร็งนิดๆ หมอพริ้มก็จะค่อยบอกว่าคุณแม่ลืมตา หลับตาได้ กำลังจะเปลี่ยนไปด้านซ้าย เครื่องโยกไปด้านตาซ้ายแม่ ขยับไปๆมาๆ เครื่องก็คำนวนผลออกมา จะมีค่าสายตา สั้น ยาว และเอียง แปบเดียว แบบแปบเดียวจริงๆเครื่องทำงานไวมากกก ได้ผลออกมาปุ๊บหมอพริ้มก็พาแม่ไปที่ห้องด้านใน
เราเดาว่าเป็นการตรวจสายตาทั่วไป เหมือนที่เราๆไปตัดแว่นนั้นหละ หลังจากได้ข้อมูลสายตาแม่เราแล้วหมอพริ้มก็พาเราไปยังห้องตรวจ เพื่อลองใส่เลนส์ก่อนตัดจริง
หมอพริ้มน่ารักมากๆค่ะ แม่เรามีการถามเกี่ยวกับเลนส์โปรเกรสซีฟ ว่ามันมีกระบวนการทำงานยังไง หมอพริ้มก็อธิบายให้เข้าใจไปพร้อมๆกับเตรียมเลนส์ให้คุณแม่ เราก็มีแอบๆฟังบ้าง หลุดไปมองบรรยากาศรอบตัวบ้าง
ตรวจที่สองเป็นการตรวจแบบเชิงลึก แรกเข้ามาห้องตรวจก็ว้าวเลย เครื่องใหญ่ๆนี่มันอะไรกัน มันมีการทำงานยังไงกันนะ เราเองก็รอเวลาที่แม่เราจะได้ใช้ แล้วเราก็พบคำตอบว่า อ่อออ มันคือเครื่องตรวจเลนส์โปรเกรสซีฟ เพื่อวัดระยะทั้งมองไกลและใกล้ เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำมากขึ้น
ห้องด้านใน ก็จะเป็นการเกี่ยวกับการมอง + ทดลองเลนส์
แว๊บแรกที่เข้าไป โอโห้เครื่องตรวจอลังการมากกกกกกกกกกกกก เหมือนไม่ใช่เครื่องตรวจเกี่ยวกับตาเลยทุกคน5555555555 ทั้งแม่ทั้งเราก็งงว่าเจ้าเครื่องตัวนี่จะทำงานยังไง หมอพริ้มก็ได้ตอบคำถามที่คาค้างใจ (สีหน้าคงออกหละว่าสงสัย5555)
หมอพริ้มบอกว่าจริงๆแล้วคือเครื่องมือ Phoropter ที่จะวัดค่าสายตาเวลาเราต้องมองในระยะต่างๆ
พอเครื่องคำนวนแล้วหมอพริ้มก็หยิบเลนส์มาลองให้แม่เราทันที ลองหยิบค่าสายตาสลับไปสลับมา ให้แม่เราโอเคกับการมองตัวหนังสือที่จออีกฝั่ง หมอพริ้มจะคอยถามตลอดว่าบีบตามั้ย ปวดตา ต้องเพ่งมั้ย สบายตารึเปล่า คุณแม่ตอบเลยว่า “โอเคเลยอันนี้สบายตา ไม่ปวดตาเลย”
พอได้ค่าสายตามองไกลแล้วก็มาที่มองใกล้กับบ้าง
หมอพริ้มจะเปลี่ยนเลนส์อีกครั้ง ให้แม่เราลองอ่านหนังสือ ในระยะปกติเวลาทำงานใช้ชีวิตว่าจะปวดตา หรือสบายตามากน้อยแค่ไหน อันนี้ค่อนข้างจะใช้เวลา เพราะแม่เราต้องอ่านทั้งบนโต๊ะ ทั้งถือ ก็มีการปรับกันนิดๆหน่อยๆ พี่หมอจะค่อยสอบถามตลอดเลยค่ะ
จากนั้นหมอพริ้มก็เดินไปหยิบเลนส์
โปรเกรสซีฟ และอธิบายกระบวนการทำงานคร่าวๆ ถึงหลักการของเลนส์โปรเกรสซีฟ
(จริงๆลูกอย่างเราก็จำมาไม่หมดค่ะ แต่เรามาหาข้อมูลเพื่อบอกเพื่อนๆอีกที ขอบคุณทางเว็บไซต์มัทยาคลินิกด้วยนะคะ เย้)
หมอพริ้มก็บอกว่าตรงโซนนี้จะเป็นโซนเลนส์โปรเกรสซีฟหลายหลายยี่ห้อมากๆ เราเองก้เกิดความสงสัยมาจากการที่เราดูคลิปหาข้อมูลมาคร่าวๆนะว่าทำไมร้านอื่นๆถึงมีเลนส์ให้เลือกน้อยหล่ะ?
คำตอบของหมอพริ้มก็ตอบเรามาว่า เลนส์โปรเกรสซีฟจริงๆแล้วเป็นเลนส์ที่มีราคาที่สูงมากๆ เหตุผลว่าทำไมบางคนตัดไปแล้วยังรู้สึกไม่สบายตาก็เพราะจุดนี้หละ เลนส์ที่จะมาทดลองให้กับทางลูกค้ามีไม่มาก จึงทำให้ค่าสายตาคาดเคลื่อนได้เวลาใช้งานจริง
เราก็ อ่ออออออ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง แม่เราถึงกับยกนิ้วโป้งให้เลย 555555555555 โอ้ยย
เอาหล่ะๆๆๆ พอได้ค่าสายตาที่โอเคแล้วก็มาเริ่มมองทั้งไกลและใกล้กัน
แม่เราก็โชว์อ่านไป 1 ประโยค แล้วก็เลื่อนสายตาสลับไปสลับมา อ่านบ้าง มองจอบ้าง มองหน้าหมอบ้าง มองหน้าลูกบ้าง55555 ตัวเกร็งไปหม๊ดดดดดด หมอพริ้มเลยชวนแม่เราลองออกไปมองบรรยากาศด้านนอกกัน
มาดูการเดิน มองวิว ลองใช้ชีวิตทั่วไปกันบ้างค่ะ
หมอพริ้มก็จะถามแม่เราตลอดว่ามองบรรยากาศ อ่านหนังสือ เล่นคอม เพื่อทดสอบว่าสบายตามั้ย พื้นยกสูง หรือบีบสายตาเวลามองระยะอื่นๆมั้ย แล้วก็พาแม่เราไปยังโซนเลือกกรอบแว่น
[googlemaps]
https://www.google.com/maps/@13.811554,100.616
[SR] รีวิวที่ มัทยาคลินิก (Mattaya Clinic) กับ เลนส์โปรเกรสซีฟ ที่จะมาแก้ปัญหาด้านสายตาคุณแม่ แบบอยากบอกต่อ
ก่อนที่จะพาคุณแม่มาตัดแว่นใหม่ คุณแม่เกิดอาการปวดหัว ปวดตาตลอดเวลาทำงาน อ่านตัวหนังสือเยอะๆอยู่บ่อยๆ บางวันไปกินข้าวนอกบ้านเจองานด่วนมาก็ลืมแว่นอีกอันนี้ก็พาทำให้มื้ออาหารไม่แฮปปี้ไปดื้อๆเลย จนพักหลังก็เห็นว่าลูกอย่างเราต้องทำอะไรสักอย่างแล้วหละ ตอนแรกเราก็สงสัยว่าทำไมแม่จะต้องพกแว่นสายตาหลายๆอันด้วยนะ (จริงๆเราคิดว่าแม่ใส่ตามอามรณ์ แบบที่เราก็มีแว่นตาหลายๆชิ้น555555)
ด้วยความไม่รู้เราก็ถามแม่ เลยได้พบคำตอบว่าจริงๆแล้ว แม่พกแว่นหลายอันเพราะมันเป็นคนละค่าสายตากันนั่นเอง แม่บอกว่าที่แม่ต้องพกแว่นตาไว้ ก็จะมีแว่นที่ไว้สำหรับมองระยะไกล และแว่นสำหรับไว้อ่านหนังสือ ระยะใกล้ แต่แม่เราก็บอกว่าจริงๆเค้าก็ไม่ชอบที่จะต้องเปลี่ยนแว่นบ่อยๆหรอกเพราะมันทำให้แม่บีบตาอยู่บ่อยๆ
นี่หละ!เลยเป็นประเด็นที่เราจะพาคุณแม่ไปตัวแว่นใหม่กัน
เริ่มจากเราพิมพ์ใน ปู่เกิ้ลเลยว่า "แว่นตาที่มองทุกระยะ คนแก่" บอกตรงๆว่าไม่รู้ว่าจะต้องค้นหาคำว่าอะไร ตรงจุดมาก555555 โอเค! ปู่เกิ้ลก็พาให้เราได้ทำความรู้จักกับเลนส์โปรเกรสซีฟ
พอรู้ทางคร่าวๆว่าจะแก้ไขปัญหาให้แม่ยังไง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปทำที่ไหนดี แต่ก็เหมือนฟ้ามาโปรด วันนั้นเรานั้งทำงานตามปกติ แล้วมี ADS ของมัทยา คลินิก เข้ามาแตะตาเราอย่างจัง!!
ด้วยความที่เราเองก็ยังหาที่ทางให้แม่ในการตัดแว่นใหม่อยู่ก็เลือกที่จะจิ้มไปดูแบบไม่คิดอะไร แต่พอได้เข้าไปเหมือนเจอเนื้อคู่ในฝันที่ตามหามานาน~
ทางคลินิกมีทั้งช่องยูทูป เว็บไซต์ ช่องทางติดต่อที่สะดวกสบายพร้อมให้คำปรึกษา แก้ปัญหาแบบดูคลิปเดียวรู้เรื่อง! เจอคอนเทนต์ให้ความรู้เรื่องนี้ก็เลยเข้าไปหาข้อมูลทันที พอได้อ่านไปเรื่อยๆก็เหมือนเห็นคุณแม่อยู่ในนั้นเลยอ่ะ คือบทความให้ความเข้าใจเรื่องสายตาดีมากๆจนเราก็แวะไปท่องเว็บยาวๆเลย
เออเราไปท่องช่องยูทูปด้วย สนุกเหมือนกัน คุณหมออธิบายได้น่าสนใจมากๆ มีคุณหมอที่ตอบคำถามเรื่องเกี่ยวกับสายตาของคนวัยรุ่นแม่อย่างเราๆเยอะแยะไปหมด เราเลยรู้สึกว่าที่นี่มีความใส่ใจและเข้าใจในเรื่องของสายตา
และความบังเอิญอีกเรื่องคือ มัทยาคลินิกอยู่ที่ เดอะคริสตัล เลียบทางด่วนเอง สาวลาดพร้าวอย่างเราก็ยิ้มแป้นเลย ใกล้บ้านฝุดๆ แต่ทางคลินิกมีสองสาขานะคะ ก็เลือกที่สะดวกเราที่สุดก็คือที่เดอะคริสตัล
ที่ตัดสินใจตัดแว่นกับทางมัทยาคลินิก จริงๆแล้วไม่ใช่แค่เรื่องความไว้วางใจในคุณหมอนะคะ แต่จริงๆทางคลินิกมีเลนส์หลากหลายมากๆ ต่างจากที่อื่นๆที่มีเลนส์ให้เลือกอย่างจำกัด ทำให้บางคนที่ตัดแว่นไปก็ต้องโซแซดเพราะแว่นที่ตัดมาไม่สบายตา กับราคาที่ปังปุริเย่
ก็เลยคิดว่า เออ ไหนๆมันจะตัดแล้วก็เลือกที่ดีที่สุดให้แม่เราเลยแล้วกัน เวลาทำงานจะได้ไม่ต้องเจออาการเดิมๆอีก
เมื่อตั้งใจอย่างนั้นก็โทรนัดกับทางคลินิกเลยทันที ความประทับใจแรกก็ได้เริ่มขึ้น
พนังงานต้อนรับน่ารักมากกกก เราก็งง ถามวนไปวนมาว่าต้องเตรียมตัวอะไรไปบ้าง จะได้บอกคุณแม่ได้ พี่พนังงานใจเย็นมาก (ต้องขอบคุณมากๆค่ะ ที่มีความอดทนกับดิฉัน TT)
เรานัดคุณหมอไว้ตอน 11 โมงค่ะ เกรงว่าตอนบ่ายแม่จะหายไปทำงานข้างนอกซะก่อน เลยนัดก่อนเที่ยงไปเลย
ปฎิบัติการเซอร์ไพร์ของขวัญปีนี้ ก็แอบลุ้นเหมือนกันว่าแม่จะชอบมั้ย ก็มีความคาดหวังกับแว่นตาชิ้นนี้พอสมควรเลยค่ะ
เอาหล่ะ! เริ่มจุงแม่คุณแม่ไปกันเถอะ!!
เมื่อถึงวันที่เราจะพาคุณแม่ไป ก็ทำท่าที่ว่าไปกินข้าวกัน ลูกมีธุระต้องทำพอดี เป็นโอกาสอันดีที่จะพาแม่ออกมาในช่วงเช้า
เมื่อออกมาแล้วก็พาไปนั้งดื่มกาแฟร้านโปรดก่อน ก็ไม่วายแม่ก็ลืมแว่นเป็นครั้งที่ล้านนนน
จนใกล้ถึงเวลาก็ทำทีว่าจะไปซื้อของในเดอะคริสตัล 555555555 คะแนนความเนียนติดลบมากบอกเลย
คือแม่เราเป็นอาจารย์ค่ะ จะชอบมีปัญหาเรื่องสลับไปมองใกล้ไกลบ่อยๆ เวลาสอนต้องมองจอ ไปพร้อมๆกับมองชีทหนังสือ ต้องใช้สายตาแบบรวดเร็ว ท้ายที่สุดก็เจอเจ้าปัญหาไมเกรนตามมาตลอดถ้าวันไหนมีสอนทั้งวัน ต้องพกยาคู่ใจไปทุกที เราก็ถามว่าทำไมไม่ตัดใหม่ แม่ก็บ่นว่า นี่ตัดไปสีครั้งแล้ว แม่หมดเงินกับเรื่องแว่นมาเยอะ ตัดออกมาก็เหมือนๆกัน แม่เองก็ไม่รู้จะทำยังไง (อ่าวโทษตัวเองแล้วววว )
ก่อนที่แม่เราจะไมเกรนขึ้นจริงๆเราเลยบอกแม่ว่างั้นไปทำธุระให้เสร็จกันจะได้รีบกลับบ้าน แม่จะได้ทำงานเสร็จ แรกๆเหมือนแม่ก็ไม่ยอมไปจะนั้งทำงานต่อ แต่เราใช้วิธีบังคับเลยคะ 55555 ไม่งั้นบ่นยาวเป็นหางว่าวชัวร์
มาบอกพิกัดกันก่อนดีกว่า เราพาจุงมือแม่พาไปที่ มัทยา คลินิก เราไปที่สาขา เดอะคริสตัส เดินทางง่ายมาก อยู่ชั้น 1 โซนด้านนอก ติดกับกับธนาคารกรุงศรีและประตูเข้า เดอะคริสตัลเลยเลยค่ะ ตามหาไม่ยากเลย
ความประทับใจแรกที่เข้าไป พนังงานต้อนรับน่ารักมากค่ะ บริการเป็นกันเอง
เข้าไปทางพี่ๆพนังงานก็จะของบัตรประชาชน มีการสอบถามข้อมูลคร่าวๆ แต่ที่เราตลกกับแม่เราวันนั้นก็คือ....
ทางพี่ๆพนังงานก็สอบถามแม่เราว่า ทางลูกค้ารู้จักกับมัทยาคลินิกยังไงคะ แม่ตอบว่า อ่อ ลูกจุงมือแม่มาค่ะ 5555555 แต่คือแม่ก็บอกว่าเคยเห็นคลินิกนี้ผ่านตาอยู่บ่อยๆตามเว็บไซต์ แต่บังเอิญมากที่อยู่ที่เดอะคริสตัล แล้วลูกก็พามาวันนี้
พี่ๆมาบริการน่ารักมากๆค่ะ ยังไม่ทันได้ลงไปนั้งดีๆเลยก็มีบริการเสิร์ฟน้ำกับขนมทานเล่นๆระหว่างรอด้วย เป็นขนมของโปรดดดด โปรดของลูกเอง5555 อีกอย่างบรรยากาศร้านสะอาดตามากค่ะ ไม่เหมือนร้านแว่นทั่วๆไปที่เราเคยเจอเลย มองซ้ายมองขวาก็แอบเห็นลูกค้าที่ใช้บริการที่นี่วันนั้นเดินออกไปด้วยรอยยิ้มแล้ว เราก็หวังว่าแม่เราจะกลับไปพร้อมกับแว่นใหม่อย่างแฮปปี้เหมือนกัน :')
พี่พนังงานได้มีการสอบถามคุณแม่คร่าวๆว่ามีโรคประจำตัว หรือเคยผ่าตัดเกี่ยวกับดวงตา หรือทานอาหารเสริมตัวไหนเพิ่มเติมมั้ย เอ้ยเราก็แปลกใจเหมือนกันนะว่าข้อมูลที่ถามละเอียดมาก ส่วนตัวเราก็เคยไปตัดแว่นก็ไม่เคยเจอสอบถามประวัติแบบนี้เหมือนกัน ความประทับแรกที่เข้ามาความใส่ใจให้เต็ม10!!
คิดเพลินๆแปบนึงคุณหมอก็เรียกแล้ว คิวที่นี่รอไม่นานเลยค่ะ (แต่ต้องติดต่อจองคิวล่วงหน้าด้วยน้าทุกคน) พอได้เข้าไปแล้ว คุณหมอได้อธิบายเกี่ยวกับปัญหาที่คุณแม่เจออยู่ ก็คือปัญหาที่ต้องสลับแว่นบ่อยๆ อ่านหนังสือแว่นนึง ออกกำลังกายอีกแว่นนึง แถมยังมีอาการปวดตาเวลาเปลี่ยนแว่นด้วย
ขั้นตอนแรกคือการตรวจค่าสายตาเพื่อหาค่าสายตาสั้นและยาวด้วยเครื่องมือ
อันดับแรกหมอพริ้มก็พาแม่ไปตรวจวัดค่าสายตา ไอ่เราก็คิดว่านี่คงจะเป็นการตรวจสายตาเพื่อตัดแว่นละ แต่จริงๆมันไม่ใช่ มันคือการตรวจ และตรวจ และตรวจ จนต้องอุทานว่า โอโห้แม่คุณณณณ อะไรจะละเอียดขนาดนั้นนะ!
ก่อนที่จะวัดสายตา หมอพริ้มก็อธิบายขั้นตอนคร่าวๆที่วันนี้แม่เราต้องตรวจ อันดับแรกคือการตรวจด้วยเครื่องมือวัดสายตาทั้งซ้ายและขวา สังเกตุได้จากที่แม่เราเกร็งนิดๆ หมอพริ้มก็จะค่อยบอกว่าคุณแม่ลืมตา หลับตาได้ กำลังจะเปลี่ยนไปด้านซ้าย เครื่องโยกไปด้านตาซ้ายแม่ ขยับไปๆมาๆ เครื่องก็คำนวนผลออกมา จะมีค่าสายตา สั้น ยาว และเอียง แปบเดียว แบบแปบเดียวจริงๆเครื่องทำงานไวมากกก ได้ผลออกมาปุ๊บหมอพริ้มก็พาแม่ไปที่ห้องด้านใน
เราเดาว่าเป็นการตรวจสายตาทั่วไป เหมือนที่เราๆไปตัดแว่นนั้นหละ หลังจากได้ข้อมูลสายตาแม่เราแล้วหมอพริ้มก็พาเราไปยังห้องตรวจ เพื่อลองใส่เลนส์ก่อนตัดจริง
หมอพริ้มน่ารักมากๆค่ะ แม่เรามีการถามเกี่ยวกับเลนส์โปรเกรสซีฟ ว่ามันมีกระบวนการทำงานยังไง หมอพริ้มก็อธิบายให้เข้าใจไปพร้อมๆกับเตรียมเลนส์ให้คุณแม่ เราก็มีแอบๆฟังบ้าง หลุดไปมองบรรยากาศรอบตัวบ้าง
ตรวจที่สองเป็นการตรวจแบบเชิงลึก แรกเข้ามาห้องตรวจก็ว้าวเลย เครื่องใหญ่ๆนี่มันอะไรกัน มันมีการทำงานยังไงกันนะ เราเองก็รอเวลาที่แม่เราจะได้ใช้ แล้วเราก็พบคำตอบว่า อ่อออ มันคือเครื่องตรวจเลนส์โปรเกรสซีฟ เพื่อวัดระยะทั้งมองไกลและใกล้ เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำมากขึ้น
ห้องด้านใน ก็จะเป็นการเกี่ยวกับการมอง + ทดลองเลนส์
แว๊บแรกที่เข้าไป โอโห้เครื่องตรวจอลังการมากกกกกกกกกกกกก เหมือนไม่ใช่เครื่องตรวจเกี่ยวกับตาเลยทุกคน5555555555 ทั้งแม่ทั้งเราก็งงว่าเจ้าเครื่องตัวนี่จะทำงานยังไง หมอพริ้มก็ได้ตอบคำถามที่คาค้างใจ (สีหน้าคงออกหละว่าสงสัย5555)
หมอพริ้มบอกว่าจริงๆแล้วคือเครื่องมือ Phoropter ที่จะวัดค่าสายตาเวลาเราต้องมองในระยะต่างๆ
พอเครื่องคำนวนแล้วหมอพริ้มก็หยิบเลนส์มาลองให้แม่เราทันที ลองหยิบค่าสายตาสลับไปสลับมา ให้แม่เราโอเคกับการมองตัวหนังสือที่จออีกฝั่ง หมอพริ้มจะคอยถามตลอดว่าบีบตามั้ย ปวดตา ต้องเพ่งมั้ย สบายตารึเปล่า คุณแม่ตอบเลยว่า “โอเคเลยอันนี้สบายตา ไม่ปวดตาเลย”
พอได้ค่าสายตามองไกลแล้วก็มาที่มองใกล้กับบ้าง
หมอพริ้มจะเปลี่ยนเลนส์อีกครั้ง ให้แม่เราลองอ่านหนังสือ ในระยะปกติเวลาทำงานใช้ชีวิตว่าจะปวดตา หรือสบายตามากน้อยแค่ไหน อันนี้ค่อนข้างจะใช้เวลา เพราะแม่เราต้องอ่านทั้งบนโต๊ะ ทั้งถือ ก็มีการปรับกันนิดๆหน่อยๆ พี่หมอจะค่อยสอบถามตลอดเลยค่ะ
จากนั้นหมอพริ้มก็เดินไปหยิบเลนส์
โปรเกรสซีฟ และอธิบายกระบวนการทำงานคร่าวๆ ถึงหลักการของเลนส์โปรเกรสซีฟ
(จริงๆลูกอย่างเราก็จำมาไม่หมดค่ะ แต่เรามาหาข้อมูลเพื่อบอกเพื่อนๆอีกที ขอบคุณทางเว็บไซต์มัทยาคลินิกด้วยนะคะ เย้)
หมอพริ้มก็บอกว่าตรงโซนนี้จะเป็นโซนเลนส์โปรเกรสซีฟหลายหลายยี่ห้อมากๆ เราเองก้เกิดความสงสัยมาจากการที่เราดูคลิปหาข้อมูลมาคร่าวๆนะว่าทำไมร้านอื่นๆถึงมีเลนส์ให้เลือกน้อยหล่ะ?
คำตอบของหมอพริ้มก็ตอบเรามาว่า เลนส์โปรเกรสซีฟจริงๆแล้วเป็นเลนส์ที่มีราคาที่สูงมากๆ เหตุผลว่าทำไมบางคนตัดไปแล้วยังรู้สึกไม่สบายตาก็เพราะจุดนี้หละ เลนส์ที่จะมาทดลองให้กับทางลูกค้ามีไม่มาก จึงทำให้ค่าสายตาคาดเคลื่อนได้เวลาใช้งานจริง
เราก็ อ่ออออออ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง แม่เราถึงกับยกนิ้วโป้งให้เลย 555555555555 โอ้ยย
เอาหล่ะๆๆๆ พอได้ค่าสายตาที่โอเคแล้วก็มาเริ่มมองทั้งไกลและใกล้กัน
แม่เราก็โชว์อ่านไป 1 ประโยค แล้วก็เลื่อนสายตาสลับไปสลับมา อ่านบ้าง มองจอบ้าง มองหน้าหมอบ้าง มองหน้าลูกบ้าง55555 ตัวเกร็งไปหม๊ดดดดดด หมอพริ้มเลยชวนแม่เราลองออกไปมองบรรยากาศด้านนอกกัน
มาดูการเดิน มองวิว ลองใช้ชีวิตทั่วไปกันบ้างค่ะ
หมอพริ้มก็จะถามแม่เราตลอดว่ามองบรรยากาศ อ่านหนังสือ เล่นคอม เพื่อทดสอบว่าสบายตามั้ย พื้นยกสูง หรือบีบสายตาเวลามองระยะอื่นๆมั้ย แล้วก็พาแม่เราไปยังโซนเลือกกรอบแว่น
[googlemaps]https://www.google.com/maps/@13.811554,100.616
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น