“หมอชลน่าน” ประกาศความเชื่อมั่น ขอแลนด์ไสลค์ จากคะแนนทุกภาค เพื่อจัดตั้งรัฐบาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_3729150
“หมอชลน่าน” ประกาศความเชื่อมั่น ขอแลนด์ไสลค์ จากคะแนนทุกภาค เพื่อจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 16 ธ.ค. นพ.ชลน่าน สีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เดินทางไปยังบ้านของนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด ในเขต เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด โดยมีนายฉลาด ขามช่วง เจ้าของบ้าน นำ นายนิรมิตร สุจารีย์ สส.ร้อยเอ็ด เขต อ.โพนทอง และนายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงษ์ นายก อบจ.ร้อยเอ็ด พร้อมสมาชิกพรรคเพื่อไทยและแกนนำชาวบ้าน ให้การต้อนรับ และพบปะชาวบ้าน ก่อนที่จะเดินทางไปเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลและสวดพระอภิธรรมศพ คุณพ่อทองสา หนองพร้าว (โยมบิดาของพระราชวัชรสารบัณฑิต : เจ้าคุณประสาร) ณ วัดโคกก่อง ต.โพนสูง อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด
หน.พรรคเพื่อไทย กล่าวกับชาวบ้านว่า ขอความร่วมมือกับคนร้อยเอ็ด ทั้ง 8 เขตเลือกตั้ง ให้ช่วยลงคะแนนให้กับส.ส.เพื่อไทยทุกเขตแบบแลนด์สไลด์ ให้ได้มีคะแนนถล่มทลายเหมือนกับครั้งเลือกตั้งนายกอบจ. ที่นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงษ์ ชนะคะแนนอย่างท่วมท้น เพื่อให้การเลือกตั้ง ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยมีส.ส.ในสภากว่า 220 เสียงขึ้นไป เพื่อให้อีกฝ่ายถูกกันออกไปแล้วให้พรรคเพื่อไทยสามารถป้องกันอีกฝ่ายมาจะตั้งรัฐบาลได้เป็นผลสำเร็จ
และยังมีความเชื่อมั่น ว่าหากได้มีส.ส.ของเพื่อไทยถึง 250 เสียง แบบแลนด์สไลด์ก็จะบรรลุเป้าหมายของการจัดตั้งรัฐบาล ได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยความเชื่อมั่นในส.ส.ภาคอีสานเป็นหลัก ที่จะได้ส.ส. 100% เมื่อไปรวมกับภาคกลางและภาคเหนือ ซึ่งทั้งนี้มีความเชื่อมั่นยิ่งขึ้นจากคะแนนส.ส จากภาคใต้เข้ามามีส่วนเพิ่มเก้าอี้ ซึ่งเป็นการที่จะผลักดันพรรคเพื่อไทยไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลด้วยความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น
ด้วยนโยบายของพรรคที่ตรงกับความต้องการของประชาชนโดยยังยืนยันว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทยังเป็นไปได้ ซึ่งการออกมาต่อต้านจำนวนมาก เป็นเพราะไม่มีความสามารถที่จะทำได้แบบพรรคเพื่อไทย จึงออกมาสร้างกระแสต่อต้าน และรวมทั้งยังเชื่อมั่นในนโยบาย การันตีเงินเดือน 25,000 บาท ให้กับผู้จบปริญญาตรีของพรรค ตามแนวคิดที่จะ ยกเลิกนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ แต่ทุกคนจะเป็นแรงงานที่มีฝีมือ ที่มีคุณภาพ และเป็นนโยบายที่จะยึด ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ในการนำเงินรายได้ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และกำหนดนโยบายการหมุนเงิน ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม
มีรายได้ที่จับต้องได้ในครัวเรือน ที่กำหนดให้ใน 1 ครัวเรือนจะต้องมี 1 คน เป็นแกนในด้านการเป็นเสาหลักของการสร้างมูลค่าเพิ่มในครอบครัว แล้วในทุกหมู่บ้าน ก็จะมีคนที่เป็นศูนย์รวม ตั้งกลุ่มขึ้นครัวเรือนละ 1 คน เพื่อต่อยอดการขยายโครงสร้างของการเพิ่มรายได้ ให้เลี้ยงครอบครัวได้ ตัวยกตัวอย่างเช่น คนไทยทั้ง 22 ล้านครัวเรือน ก็จะมีคน 22 ล้านตำแหน่ง ในการที่จะมีรายได้ 200,000 บาทต่อครัวเรือนต่อปี จึงถือเป็นนโยบายหลักการกว้างๆประการแรกที่จะนำมาใช้ ให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ในฐานะรัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ ของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งถือเป็นนโยบายแบบง่ายๆแต่พรรคเพื่อไทยทำได้จริงหากได้มีการรับเลือกตั้งเป็นเสียงข้างมากเข้าไปจัดตั้งรัฐบาล ก็สามารถทำได้โดยไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
โดยหัวหน้าพรรคกล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีการย้ายพรรคหรือการเลื่อนเข้าเลื่อนออกของส.ส. ทั้งการย้าย ของส.ส.พรรค พรรคเพื่อไทย หรือการออกจากสสของพรรคเพื่อไทย บางส่วนยืนยันว่าไม่กระทบ กับเป้าหมายแดนสไลด์ของพรรคเพื่อไทย และไม่กระทบต่อกระบวนการที่จะเข้าสู่เป้าหมายของการจัดตั้งรัฐบาล แต่กลับมองว่าน่าจะเป็นผลกระทบในเชิงบวก มากกว่า เช่นในพื้นที่ที่สสพรรคเพื่อไทยย้ายไป ซึ่งเมื่อทราบว่าจะมีการย้ายพรรคก็ได้มีการเตรียมการ จัดว่าที่ผู้สมัครไว้ทดแทนเรียบร้อยแล้ว อย่างเช่นจังหวัดศรีสะเกษ ก็ได้รับผู้สมัครคนใหม่ที่ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนดีมาก
และยืนยันว่าประชาชนยังเชื่อมั่นในความเป็นพรรคเพื่อไทย และเชื่อมั่นในตัวผู้สมัคร คิดถึงแม้จะเป็นคนใหม่ โดยไม่ได้ยึดติดกับคนเดิมที่ย้ายพรรค ดังนั้นเป้าหมายที่เราวางไว้ในการที่จะเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาลก็ยังมีความมั่นใจ ว่าน่าจะถึงเป้าหมายตามที่พักตั้งความหวังเอาไว้ โดยไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเป็นไปตามกระแสของความเชื่อมั่นที่ต้องการออกจากสภาวะวิกฤต ต้องการให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต้องการให้อนาคตของลูกหลานคนรุ่นใหม่ มีอนาคตที่ดีขึ้นซึ่งขณะนี้ คือความเชื่อมั่นจากประชาชนที่เป็นแรงผลักที่สำคัญ ที่จะหนุนพรรคเพื่อไทย แม้แต่การที่มีส.ส.ย้ายพรรค เข้าไปอยู่พรรคภูมิใจไทยเป็นจำนวนมาก ก็ถือว่าเป็นเพียงคู่แข่ง ทางการเมืองที่จะต้องต่อสู้กัน
ซึ่งพรรคเพื่อไทย เราก็ไม่ได้ดูแคลนและก็ให้ความสำคัญ และต้องปรับจุดแข็งปรับโอกาส เข้าไปแก้ปัญหาจุดอ่อนของตนเอง เพื่อที่จะเอาชนะคู่แข่งให้ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื่อมั่นในการที่จะเอาชนะใจประชาชนให้ได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็จะ ยิ่งมีการ ทำงานหนักมากขึ้นโดยไม่ประมาท และเชื่อมั่นว่าการรุกพื้นที่ทำงานหนักของพรรคเพื่อไทยสามารถยึดครองใจประชาชน และเอาชนะ คู่แข่งได้ และทำให้ยิ่งมั่นใจว่าส.ส.ที่ย้ายพรรค จะไม่ได้รับความเชื่อมั่นและความมั่นใจของประชาชน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะหันมาเลือกคนของพรรคเพื่อไทยมากขึ้นอยู่เหมือนเดิม และมีความเชื่อมั่นมากว่า คนที่ย้ายพรรคไปจากพรรคเพื่อไทย กลับจะยิ่งไม่รับความเชื่อมั่นจากประชาชน เท่าคนใหม่ของพรรคที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทน
โดยเชื่อมั่นหน้าถึงแม้จะเคยเป็นส.ส.อยู่กับพรรคเพื่อไทย มานานก็ตาม และเมื่อมีการย้ายออกไป สิ่งที่ประชาชนรับรู้มันจะเป็น เสมือนหนึ่งเป็นพลังให้เรา พรรคเพื่อไทยและพูดสมัครคนใหม่ของพรรคเพื่อไทยจะได้รับความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น โดยจะเกิดกระแสโต้กลับจากประชาชนมาก ในเมื่อพักเพื่อไทยกำลัง ได้รับ ความเชื่อมั่นเชื่อถือจากประชาชน ทำไมถึงต้องย้ายไป ทำไมถึงไม่อยากเป็นส.สพรรคเพื่อไทยและการย้ายไปพรรคอื่นจะเกิดคำถามจากประชาชนว่าย้ายไปเพื่ออะไร ซึ่งนั่นแหละคือคำตอบและเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพรรคเพื่อไทยมากยิ่งขึ้น
และเชื่อมั่นว่าแม้จะมีคนหน้าใหม่เข้ามาสมัครแทน เขาก็จะยังคงเลือกพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอนเพราะฉะนั้นการย้ายพรรคของส.ส.ออกจากพรรคเพื่อไทยไปอยู่พรรคอื่นไม่เป็นประเด็นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสานยังมีความเชื่อมั่นว่าประชาชนยังคง ยึดมั่นในอุดมการณ์และยึดมั่นในนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่มี ความเป็นผู้แทนของเราทำงานที่มีความผูกพันกับประชาชนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งเชื่อมั่นว่าความผูกพันนี้ไม่สามารถที่พักอื่นจะเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้ มาเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของประชาชนได้ และยึดมั่นเชื่อมั่นในความจริงใจของพรรคเพื่อไทยที่มี การยึดโยงกันอย่างสม่ำเสมอ เป็นที่ตั้งที่ชัดเจน
นอกจากนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากจะเชื่อมั่นว่า จะมีการแลนสไลด์ทั้งภาคอีสาน ทั้ง 132 ที่นั่งของภาคอีสานแล้ว และจากการคาดการณ์ของการสำรวจตรวจสอบแล้ว ภาคอีสานจะได้เกินกว่า 105 ที่นั่งขึ้นไป ถึง 110 ที่นั่ง ซึ่งถึงแม้จะไม่ถึง 220 ที่นั่งตามที่วางเป้าหมายเอาไว้ แต่ทั้งหมด 400 เขต ทั่วประเทศไทยซึ่งจากพลตำรวจคะแนนนิยมในแต่ละภาคกลาง หรือแม้แต่กทมเราก็ยังมาเป็นอันดับ 1 ยกเว้นภาคใต้ซึ่งเป็นอันดับ 2 ซึ่งหากเป็นไปตามเป้าที่เราทำงานอย่างหนัก กับพี่น้องประชาชนจริงๆ ทำให้มีความเชื่อมั่นว่าจะต้องได้ 200 ที่นั่งขึ้นไป
ส่วนจะเป็นเท่าไหร่นั้น ตอนนี้เรามีความเชื่อมั่นมาน่าจะเกิน 250 โดยเรามีความเชื่อมั่นในทุกภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคใต้ยังมีความเชื่อมั่นว่าสามารถเติมเต็มได้อีก โดยมั่นใจว่าสามารถปักหมุดส.สพื้นที่ได้ ทั้งสาวๆพื้นที่และสสบัญชีรายชื่อ ซึ่ง ส.ส.ภาคใต้ 58 เขต หากเป็นไปตามที่เราทำงานวางแผนไว้ ได้ 58 เขต ซึ่งเชื่อมั่นหน้าจะมีส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย เข้ามาเพิ่มจำนวนอย่างแน่นอน และผลจากการทั้งหมดของนิด้าโพลล์ มีความเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน โดยเชื่อมั่นค่อนข้างมาก รวมกันแล้วเชื่อมั่นว่าเกินกว่า 70% ในการที่จะได้ตั้งรัฐบาลของประชาชนโดยพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน
'พิธา-ต่าย ชุติมา' ทำหน้าที่พ่อแม่ ถ่ายภาพร่วมเฟรมพร้อมลูกสาว 'อุ๊งอิ๊ง' เมนต์แซว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7417823
‘พิธา-ต่าย ชุติมา’ ทำหน้าที่พ่อแม่ ถ่ายภาพร่วมเฟรมพร้อมลูกสาว เขียนแคปชั่นซึ้ง ‘อุ๊งอิ๊ง’ โผล่เข้ามาคอมเมนต์แซว
วันที่ 16 ธ.ค.65 นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้โพสต์ภาพครอบครัว พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ร่วมเฟรมกับอดีตภรรยา นักแสดงสาว
ต่าย – ชุติมา ทีปะนาถ และลูกสาว น้อง
พิพิม ซึ่งอยู่ในชุดธีมคริสมาสต์ ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว
โดยระบุว่า “
ความเป็นสามี ภรรยา อาจจะไม่ยืนยาว แต่การเป็นพ่อและแม่ของหนู คือตลอดไป พวกเรารักหนูนะ พิพิม” โดยมีแฟนๆ ของทั้งพิธา และต่าย เข้ามากดส่งสัญลักษณ์หัวใจอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่
อุ๊งอิ๊ง – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เข้าไปกดไลก์และแสดงความคิดเห็นด้วยว่า “
อู้วววว” ก่อนแนบสัญลักษณ์ ยิ้มและยกนิ้วโป้งชื่นชม
JJNY : “หมอชลน่าน” ประกาศความเชื่อมั่น| 'พิธา-ต่าย ชุติมา' ทำหน้าที่พ่อแม่ | พริกแดง ขึ้นราคา| ‘ค่าเงินบาท’สุดผันผวน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3729150
“หมอชลน่าน” ประกาศความเชื่อมั่น ขอแลนด์ไสลค์ จากคะแนนทุกภาค เพื่อจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 16 ธ.ค. นพ.ชลน่าน สีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เดินทางไปยังบ้านของนายฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ด ในเขต เทศบาลเมืองร้อยเอ็ด โดยมีนายฉลาด ขามช่วง เจ้าของบ้าน นำ นายนิรมิตร สุจารีย์ สส.ร้อยเอ็ด เขต อ.โพนทอง และนายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงษ์ นายก อบจ.ร้อยเอ็ด พร้อมสมาชิกพรรคเพื่อไทยและแกนนำชาวบ้าน ให้การต้อนรับ และพบปะชาวบ้าน ก่อนที่จะเดินทางไปเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลและสวดพระอภิธรรมศพ คุณพ่อทองสา หนองพร้าว (โยมบิดาของพระราชวัชรสารบัณฑิต : เจ้าคุณประสาร) ณ วัดโคกก่อง ต.โพนสูง อ.ปทุมรัตน์ จ.ร้อยเอ็ด
หน.พรรคเพื่อไทย กล่าวกับชาวบ้านว่า ขอความร่วมมือกับคนร้อยเอ็ด ทั้ง 8 เขตเลือกตั้ง ให้ช่วยลงคะแนนให้กับส.ส.เพื่อไทยทุกเขตแบบแลนด์สไลด์ ให้ได้มีคะแนนถล่มทลายเหมือนกับครั้งเลือกตั้งนายกอบจ. ที่นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงษ์ ชนะคะแนนอย่างท่วมท้น เพื่อให้การเลือกตั้ง ส่งผลให้พรรคเพื่อไทยมีส.ส.ในสภากว่า 220 เสียงขึ้นไป เพื่อให้อีกฝ่ายถูกกันออกไปแล้วให้พรรคเพื่อไทยสามารถป้องกันอีกฝ่ายมาจะตั้งรัฐบาลได้เป็นผลสำเร็จ
และยังมีความเชื่อมั่น ว่าหากได้มีส.ส.ของเพื่อไทยถึง 250 เสียง แบบแลนด์สไลด์ก็จะบรรลุเป้าหมายของการจัดตั้งรัฐบาล ได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยความเชื่อมั่นในส.ส.ภาคอีสานเป็นหลัก ที่จะได้ส.ส. 100% เมื่อไปรวมกับภาคกลางและภาคเหนือ ซึ่งทั้งนี้มีความเชื่อมั่นยิ่งขึ้นจากคะแนนส.ส จากภาคใต้เข้ามามีส่วนเพิ่มเก้าอี้ ซึ่งเป็นการที่จะผลักดันพรรคเพื่อไทยไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลด้วยความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น
ด้วยนโยบายของพรรคที่ตรงกับความต้องการของประชาชนโดยยังยืนยันว่านโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทยังเป็นไปได้ ซึ่งการออกมาต่อต้านจำนวนมาก เป็นเพราะไม่มีความสามารถที่จะทำได้แบบพรรคเพื่อไทย จึงออกมาสร้างกระแสต่อต้าน และรวมทั้งยังเชื่อมั่นในนโยบาย การันตีเงินเดือน 25,000 บาท ให้กับผู้จบปริญญาตรีของพรรค ตามแนวคิดที่จะ ยกเลิกนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ แต่ทุกคนจะเป็นแรงงานที่มีฝีมือ ที่มีคุณภาพ และเป็นนโยบายที่จะยึด ตามหลักเศรษฐศาสตร์ ในการนำเงินรายได้ตามนโยบายของพรรคเพื่อไทย นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และกำหนดนโยบายการหมุนเงิน ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่ม
มีรายได้ที่จับต้องได้ในครัวเรือน ที่กำหนดให้ใน 1 ครัวเรือนจะต้องมี 1 คน เป็นแกนในด้านการเป็นเสาหลักของการสร้างมูลค่าเพิ่มในครอบครัว แล้วในทุกหมู่บ้าน ก็จะมีคนที่เป็นศูนย์รวม ตั้งกลุ่มขึ้นครัวเรือนละ 1 คน เพื่อต่อยอดการขยายโครงสร้างของการเพิ่มรายได้ ให้เลี้ยงครอบครัวได้ ตัวยกตัวอย่างเช่น คนไทยทั้ง 22 ล้านครัวเรือน ก็จะมีคน 22 ล้านตำแหน่ง ในการที่จะมีรายได้ 200,000 บาทต่อครัวเรือนต่อปี จึงถือเป็นนโยบายหลักการกว้างๆประการแรกที่จะนำมาใช้ ให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ในฐานะรัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ ของคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งถือเป็นนโยบายแบบง่ายๆแต่พรรคเพื่อไทยทำได้จริงหากได้มีการรับเลือกตั้งเป็นเสียงข้างมากเข้าไปจัดตั้งรัฐบาล ก็สามารถทำได้โดยไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน
โดยหัวหน้าพรรคกล่าวว่า ในสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีการย้ายพรรคหรือการเลื่อนเข้าเลื่อนออกของส.ส. ทั้งการย้าย ของส.ส.พรรค พรรคเพื่อไทย หรือการออกจากสสของพรรคเพื่อไทย บางส่วนยืนยันว่าไม่กระทบ กับเป้าหมายแดนสไลด์ของพรรคเพื่อไทย และไม่กระทบต่อกระบวนการที่จะเข้าสู่เป้าหมายของการจัดตั้งรัฐบาล แต่กลับมองว่าน่าจะเป็นผลกระทบในเชิงบวก มากกว่า เช่นในพื้นที่ที่สสพรรคเพื่อไทยย้ายไป ซึ่งเมื่อทราบว่าจะมีการย้ายพรรคก็ได้มีการเตรียมการ จัดว่าที่ผู้สมัครไว้ทดแทนเรียบร้อยแล้ว อย่างเช่นจังหวัดศรีสะเกษ ก็ได้รับผู้สมัครคนใหม่ที่ได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนดีมาก
และยืนยันว่าประชาชนยังเชื่อมั่นในความเป็นพรรคเพื่อไทย และเชื่อมั่นในตัวผู้สมัคร คิดถึงแม้จะเป็นคนใหม่ โดยไม่ได้ยึดติดกับคนเดิมที่ย้ายพรรค ดังนั้นเป้าหมายที่เราวางไว้ในการที่จะเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาลก็ยังมีความมั่นใจ ว่าน่าจะถึงเป้าหมายตามที่พักตั้งความหวังเอาไว้ โดยไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเป็นไปตามกระแสของความเชื่อมั่นที่ต้องการออกจากสภาวะวิกฤต ต้องการให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นต้องการให้อนาคตของลูกหลานคนรุ่นใหม่ มีอนาคตที่ดีขึ้นซึ่งขณะนี้ คือความเชื่อมั่นจากประชาชนที่เป็นแรงผลักที่สำคัญ ที่จะหนุนพรรคเพื่อไทย แม้แต่การที่มีส.ส.ย้ายพรรค เข้าไปอยู่พรรคภูมิใจไทยเป็นจำนวนมาก ก็ถือว่าเป็นเพียงคู่แข่ง ทางการเมืองที่จะต้องต่อสู้กัน
ซึ่งพรรคเพื่อไทย เราก็ไม่ได้ดูแคลนและก็ให้ความสำคัญ และต้องปรับจุดแข็งปรับโอกาส เข้าไปแก้ปัญหาจุดอ่อนของตนเอง เพื่อที่จะเอาชนะคู่แข่งให้ได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเชื่อมั่นในการที่จะเอาชนะใจประชาชนให้ได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็จะ ยิ่งมีการ ทำงานหนักมากขึ้นโดยไม่ประมาท และเชื่อมั่นว่าการรุกพื้นที่ทำงานหนักของพรรคเพื่อไทยสามารถยึดครองใจประชาชน และเอาชนะ คู่แข่งได้ และทำให้ยิ่งมั่นใจว่าส.ส.ที่ย้ายพรรค จะไม่ได้รับความเชื่อมั่นและความมั่นใจของประชาชน ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะหันมาเลือกคนของพรรคเพื่อไทยมากขึ้นอยู่เหมือนเดิม และมีความเชื่อมั่นมากว่า คนที่ย้ายพรรคไปจากพรรคเพื่อไทย กลับจะยิ่งไม่รับความเชื่อมั่นจากประชาชน เท่าคนใหม่ของพรรคที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทน
โดยเชื่อมั่นหน้าถึงแม้จะเคยเป็นส.ส.อยู่กับพรรคเพื่อไทย มานานก็ตาม และเมื่อมีการย้ายออกไป สิ่งที่ประชาชนรับรู้มันจะเป็น เสมือนหนึ่งเป็นพลังให้เรา พรรคเพื่อไทยและพูดสมัครคนใหม่ของพรรคเพื่อไทยจะได้รับความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น โดยจะเกิดกระแสโต้กลับจากประชาชนมาก ในเมื่อพักเพื่อไทยกำลัง ได้รับ ความเชื่อมั่นเชื่อถือจากประชาชน ทำไมถึงต้องย้ายไป ทำไมถึงไม่อยากเป็นส.สพรรคเพื่อไทยและการย้ายไปพรรคอื่นจะเกิดคำถามจากประชาชนว่าย้ายไปเพื่ออะไร ซึ่งนั่นแหละคือคำตอบและเป็นทางเลือกใหม่ที่ดีในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับพรรคเพื่อไทยมากยิ่งขึ้น
และเชื่อมั่นว่าแม้จะมีคนหน้าใหม่เข้ามาสมัครแทน เขาก็จะยังคงเลือกพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอนเพราะฉะนั้นการย้ายพรรคของส.ส.ออกจากพรรคเพื่อไทยไปอยู่พรรคอื่นไม่เป็นประเด็นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอีสานยังมีความเชื่อมั่นว่าประชาชนยังคง ยึดมั่นในอุดมการณ์และยึดมั่นในนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่มี ความเป็นผู้แทนของเราทำงานที่มีความผูกพันกับประชาชนอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งเชื่อมั่นว่าความผูกพันนี้ไม่สามารถที่พักอื่นจะเอาสิ่งนั้นสิ่งนี้ มาเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของประชาชนได้ และยึดมั่นเชื่อมั่นในความจริงใจของพรรคเพื่อไทยที่มี การยึดโยงกันอย่างสม่ำเสมอ เป็นที่ตั้งที่ชัดเจน
นอกจากนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากจะเชื่อมั่นว่า จะมีการแลนสไลด์ทั้งภาคอีสาน ทั้ง 132 ที่นั่งของภาคอีสานแล้ว และจากการคาดการณ์ของการสำรวจตรวจสอบแล้ว ภาคอีสานจะได้เกินกว่า 105 ที่นั่งขึ้นไป ถึง 110 ที่นั่ง ซึ่งถึงแม้จะไม่ถึง 220 ที่นั่งตามที่วางเป้าหมายเอาไว้ แต่ทั้งหมด 400 เขต ทั่วประเทศไทยซึ่งจากพลตำรวจคะแนนนิยมในแต่ละภาคกลาง หรือแม้แต่กทมเราก็ยังมาเป็นอันดับ 1 ยกเว้นภาคใต้ซึ่งเป็นอันดับ 2 ซึ่งหากเป็นไปตามเป้าที่เราทำงานอย่างหนัก กับพี่น้องประชาชนจริงๆ ทำให้มีความเชื่อมั่นว่าจะต้องได้ 200 ที่นั่งขึ้นไป
ส่วนจะเป็นเท่าไหร่นั้น ตอนนี้เรามีความเชื่อมั่นมาน่าจะเกิน 250 โดยเรามีความเชื่อมั่นในทุกภาคโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคใต้ยังมีความเชื่อมั่นว่าสามารถเติมเต็มได้อีก โดยมั่นใจว่าสามารถปักหมุดส.สพื้นที่ได้ ทั้งสาวๆพื้นที่และสสบัญชีรายชื่อ ซึ่ง ส.ส.ภาคใต้ 58 เขต หากเป็นไปตามที่เราทำงานวางแผนไว้ ได้ 58 เขต ซึ่งเชื่อมั่นหน้าจะมีส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย เข้ามาเพิ่มจำนวนอย่างแน่นอน และผลจากการทั้งหมดของนิด้าโพลล์ มีความเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยได้ตั้งรัฐบาลอย่างแน่นอน โดยเชื่อมั่นค่อนข้างมาก รวมกันแล้วเชื่อมั่นว่าเกินกว่า 70% ในการที่จะได้ตั้งรัฐบาลของประชาชนโดยพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน
'พิธา-ต่าย ชุติมา' ทำหน้าที่พ่อแม่ ถ่ายภาพร่วมเฟรมพร้อมลูกสาว 'อุ๊งอิ๊ง' เมนต์แซว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7417823
‘พิธา-ต่าย ชุติมา’ ทำหน้าที่พ่อแม่ ถ่ายภาพร่วมเฟรมพร้อมลูกสาว เขียนแคปชั่นซึ้ง ‘อุ๊งอิ๊ง’ โผล่เข้ามาคอมเมนต์แซว
วันที่ 16 ธ.ค.65 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ได้โพสต์ภาพครอบครัว พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก ร่วมเฟรมกับอดีตภรรยา นักแสดงสาว ต่าย – ชุติมา ทีปะนาถ และลูกสาว น้องพิพิม ซึ่งอยู่ในชุดธีมคริสมาสต์ ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว
โดยระบุว่า “ความเป็นสามี ภรรยา อาจจะไม่ยืนยาว แต่การเป็นพ่อและแม่ของหนู คือตลอดไป พวกเรารักหนูนะ พิพิม” โดยมีแฟนๆ ของทั้งพิธา และต่าย เข้ามากดส่งสัญลักษณ์หัวใจอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ อุ๊งอิ๊ง – น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เข้าไปกดไลก์และแสดงความคิดเห็นด้วยว่า “อู้วววว” ก่อนแนบสัญลักษณ์ ยิ้มและยกนิ้วโป้งชื่นชม