[CR] รีวิว Spiderman No way home : แฟนคลับสไปดี้ต้องไม่พลาด ได้เวลาไล่ดูไอ้แมงมุมเวอร์ชั่นเก่าๆ อีกรอบแล้ว

Spider man no way home

วันนี้ได้หยิบน้องกลับมาดูอีกรอบ ดูจบแล้วหยุดอยู่แค่นี้ไม่ได้ ต้องกลับไปเปิดอีกสองเวอร์ชันเก่าซ้ำอีกรอบนึงเลย คิดถึง Peter เหล่านี้มากๆ เลย ใครที่คิดถึงเหมือนกันสามารถย้อนรอยความทรงจำได้ทาง Netflix เลยนะคะ มีครบเลย

ประทับใจแบบมากๆ ตลอดทั้งเรื่องมันเต็มไปด้วยน้ำตา รอยยิ้ม และความปลื้มปิติที่อัดแน่นอยู่ในใจซึ่งพร้อมจะระเบิดตู้มใหญ่ออกมาได้ตลอดเรื่อง แฟนคลับสไปเดอร์แมนคือห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะนี่อาจจะเป็นสไปดี้ที่อิ่มที่สุดเท่าที่เคยดูมาเลยก็ได้

รีวิวส่วนบนนี้ไม่มีสปอย ใครดูแล้วสามารถเม้ามอยกันได้ที่ส่วนล่างของรีวิว เดี๋ยวเรากั้นแบ่งเขตไว้ให้ค่ะ

สำหรับเราแล้ว เรารู้สึกว่าสไปเดอร์แมนเวอร์ชันทอมฮอลแลนด์เป็นเวอร์ชันที่เราชอบน้อยที่สุดแล้ว เรารู้สึกว่าปีเตอร์นี้เด็กมากๆ เมื่อเทียบกับคนอื่น แล้วดูเหมือนชีวิตเค้าจะวนอยู่แค่กับเรื่องเพื่อน เรื่องโรงเรียน เรื่อง MJ หรือเรื่องการเป็นติ่งอเวนเจอร์ เราไม่ค่อยได้เห็นความจริงจังในความเป็นฮีโร่ของเขาซักเท่าไหร่นัก

เราชอบนะ ในการที่มาร์เวลตีความสไปเดอร์แมนในรูปแบบของหนัง coming of age มีโทนี่คอยดัน คอยดูแล และเห็นสไปดี้ในความเป็นเด็ก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเราเฝ้ารอวันที่สไปเดอร์แมนเวอร์ชันนี้จะเติบโต และคู่ควรกับการเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่คู่ควรกับโควทอันทรงคุณค่าอย่าง ‘พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง’ นี่ซักที และในที่สุด วันนี้ก็มาถึง

สิ่งนึงที่เราชอบมากๆ ในภาคนี้คือการที่ได้เห็นปีเตอร์เติบโตขึ้นแบบมากๆ หลังจากที่ภาคก่อนๆ ยังเป็นเด็กน้อยสไปเดอร์แมนที่ไม่รู้ประสีประสา สร้างความวุ่นวายทั่วไปหมด (จริงๆ ภาคนี้ก็เช่นกัน55555) แต่ภาคนี้เค้าเรียนรู้ เติบโต และกล้าหาญ พร้อมที่จะเสียสละในฐานะซุปเปอร์ฮีโร่ คือเรามองเห็นเขาพร้อมที่จะก้าวเข้ามายืนเคียงข้างรุ่นพี่ในฐานะทีมคนนึงได้แล้ว ไม่ใช่เด็กดันของโทนี่อีกต่อไป

ในภาคนี้เราได้เห็นการส่งอารมณ์ที่รุนแรงของทอม ฮอลแลนด์ และก็ต้องยอมรับว่าโมเม้นการส่งอารมณ์ของเขาดีมากๆ จริงๆ สายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้า ความโกรธ ความเข้าใจของเขามันชัดเจนและมีพลัง เห็นได้ชัดเลยว่านี่ไม่ใช่สไปดี้คนเดิมแล้ว มันดีมากจริงๆ (แต่คงไม่ไปถึงออสการ์แบบที่น้องทอมโม้ไว้ ฮ่าาาา)

เรื่องของพล็อตเราว่ามันอาจจะยังเล่นได้ไม่มากพอ ทุกอย่างเหมือนรีบเข้ามาแล้วก็ต่อไปมากไปนิดหน่อย เลยทำให้อารมณ์และแก่นของพล็อตอาจจะยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ รวมถึงซีนแอคชันที่ไม่ได้สนุกตื่นเต้นมากขนาดนั้น เลยทำให้ส่วนนี้ค่อนข้างจางไปนิดนึงสำหรับเรา (เราคิดว่าซีนแอคชันต่างๆ มันจะไปเยอะกว่านี้มากๆ พอสู้เสร็จมันเลยมีคำว่า ‘แค่นี้เหรอ’ แอบแว้บเข้ามาในหัวนิดหน่อย)

ความเป็นมัลติเวิร์สจากทีเซอร์ไม่ได้เล่นอะไรโดดเด่นมากในภาคนี้ เหมือนเป็นอารัมภบทที่ยกให้สไปดี้ก่อนจะเข้าสู่เนื้อเรื่องหลักในหมอแปลก 2 ซะมากกว่า ซึ่งเรารู้สึกว่ามันน่าสนใจมากๆ ที่เอาสไปเดอร์แมนมาเป็นตัวเปิดให้หมอแปลก เพราะความเป็นสไปเดอร์แมนเนี่ยมันเล่นกับมัลติเวิร์สได้ดีมากๆ ฉลาดมากๆ ที่เล่นแบบนี้ ได้ทั้งใจคน ได้ทั้งต่อเนื้อเรื่อง 

สิ่งสำคัญที่ทำให้ NWH ควรค่าแก่การมาดูคือเซอร์วิสที่ดีงามมากๆ เหมือนผู้กำกับเค้ารู้แหละว่าคนดูอย่างเราอยากเห็นอะไร เรียกได้ว่าใส่มาสุดไม่มีอั้น ดีใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้ดูสิ่งนี้ เพราะมันเต็มไปด้วยความอิ่มฟูของความรู้สึกที่มีต่อความเป็นสไปเดอร์แมนแบบมากๆ หนังเค้าใส่ใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ แต่มีคุณค่าต่อแฟนหนัง และถ่ายทอดมันออกมาได้ดี น่าประทับใจ และเราคิดว่าความรู้สึกนี้มันจะอยู่ในใจเราไปได้อีกนาน 

9/10
Just so into everything

ช่องทางการติดตาม
Facebook: https://www.facebook.com/justsointoeverything/
YouTube: https://youtube.com/channel/UCLBONMLl_YH4eqOjBNuX0Lg
Blogger: https://iknowyouhavegoodtaste.blogspot.com
Blockdit: https://www.blockdit.com/iknowyouhavegoodtaste
TikTok: https://vt.tiktok.com/ZSdjD4g9W/
Instagram: https://www.instagram.com/kheypaa/
.
.
.
ด้านล่างมีสปอย
ดูจบแล้วมาคุยกัน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ต้องสารภาพว่าเราไม่เคยเชื่อเลยว่าสไปดี้เวอร์ชันอื่นจะโผล่มาด้วย ไม่เชื่อแบบ 100% คือคิดในใจด้วยว่าค่ายปั่นกันเก่งจัง คนโยงกันเก่งจัง เดี๋ยวไปดูก็รู้ว่าไม่โผล่มาหรอก (ฮ่าาา) ยิ่งตอนแอนดรูวสัมภาษณ์แบบเชิงหงุดหงิดว่าให้เลิกถามได้แล้ว เค้าไม่โผล่มาหรอก มันยิ่งทำให้เราเชื่อแบบสนิทใจ พอวันนี้ ที่เนทเปิดวงแหวน เห็นปีเตอร์ที่ไม่ใช่ปีเตอร์ ใจเราสั่นมากจริงๆ พอถอดหน้ากากออกมาคือกรี้ดด้วยความไม่รู้อะไรแล้ว (ขอบคุณคนทั้งโรงมากๆ ที่ไม่ปล่อยให้หนูกรี้ดคนเดียว) 

คือชีวิตนี้ทั้งชีวิตไม่คิดไม่ฝันว่าครั้งนึงจะได้เจอสไปเดอร์แมนจากสามจักรวาล สามช่วงของสไปเดอร์แมนที่ผ่านมาในชีวิตเรา มาอยู่ด้วยกันในหนังเรื่องเดียวกันอ่ะคุณ มันคือความปริ่มของคนที่ติดตามด้วยแหละ ดีใจที่เกิดมาได้อยู่เห็นสิ่งนี้ จริงๆ แค่เอาวายร้ายตัวเด็ดในจักรวาลสไปเดอร์แมนโผล่มาพร้อมกันได้เยอะขนาดนี้ก็อิ่มฟูมากๆ แล้ว เจอสไปเดอร์แมนสามคนเข้าไปคือยอมแพ้ ความรู้สึกนี้มันตราตรึงจนทำเราหุบยิ้มไม่ได้ไปตลอดทั้งเรื่องเลย

แต่น่าเสียดายนิดนึงที่ซีนแอนดรูวกับโทบี้ออกมาแทบจะทันทีหลังป้าเมย์ตาย นี่เป็นอีกโมเม้นนึงที่ช้อคมากๆ เรารู้ว่าทุกสไปเดอร์แมนต้องมีการสูญเสียเพื่อให้ปีเตอร์เติบโต แต่เราคาดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเป็นป้าเมย์ ตอนโดนเครื่องร่อนชนเราช้อคไปทีนึงคิดว่าจะตาย แต่พอลุกขึ้นมาได้ก็สบายใจ สุดท้ายดันตายจริง คือเหมือนในภาพจำเรา สไปเดอร์แมนกับป้าเมย์คือของที่อยู่คู่กัน เราเห็นว่าปีเตอร์รักป้าเมย์มากแค่ไหนและทำให้เรารักตามได้ไม่ยาก น้ำตายังไม่ทันหยุดไหล กลายเป็นว่าจุดสนใจเราพุ่งไปหาแอนดรูวกับโทบี้เร็วมาก จากร้องไห้ให้ป้าเมย์กลายเป็นร้องไห้ด้วยความประทับใจในการมาของตัวละครนี้เฉยเลย เราว่าถ้าให้เวลากับการจากไปของป้าเมย์มากกว่านี้อีกซักนิด มันจะกลายเป็นซีนที่มีพลังในการพาปีเตอร์เติบโตสำหรับคนดูได้มากกว่านี้อีกระดับนึง

อย่างที่บอกว่าการเอาสไปดี้มาโยงกับมัลติเวิร์สคือฉลาดมาก (ตอนรู้ว่ามาร์เวลจะเข้ามัลติเวิร์สทำไมชั้นนึกไม่ถึงนะ!) ทุกอย่างมันมีครบอยู่แล้ว ทั้งตัวละคร ทั้งเนื้อเรื่องหลักของแต่ละคน เราชอบการเก็บรายละเอียดของหนังมาก จุดเล็กๆ ที่เลือกที่จะใส่ไว้ในหนังมันเติมเต็มความรู้สึกคนดูได้เต็มปรอท เหมือนว่าเค้าให้เกียรติภาคของทุกตัวละคร และเอามาเล่นได้อย่างมีชั้นเชิงและสวยงาม ทิ้งท้ายให้แฟนคลับได้รู้สึกเต็มกับตัวละครเหล่านั้นก่อนจะต้องแยกย้ายกันไปจริงๆ แล้วส่งต่อยุคสมัยของสไปเดอร์แมนให้กับทอม ฮอลแลนด์ต่อไป

ที่ชอบที่สุดคือการที่แอนดรูวได้มีโอกาสช่วยชีวิต MJ (ของทอม) เราไม่คิดว่าจะได้เห็นภาพนี้เลยจริงๆ ตอนนั้นที่ดู การตายนั้นทำเราใจสลายมาก พอได้มาเห็นแอนดรูวน้ำตาคลอในภาคนี้มันเติมเต็มความรู้สึกใจสลายของเราตรงนั้นที่ผ่านมานานได้อย่างไม่น่าเชื่อ เราดีใจที่ในที่สุดเค้าก็สามารถช่วยผู้หญิงของปีเตอร์ในอีกจักรวาลนึงได้แล้ว ความรู้สึกหนักหัวใจบางอย่างของเขาน่าจะจางหายไปบ้างไม่มากก็น้อย

รวมถึงซีนที่โทบี้มาห้ามไม่ให้ทอมฆ่ากรีน ก็อปลิน โห ผูกเรื่องเก่งมาก มันเป็นการปลดล็อคความรู้สึกผิดที่ค้างไว้ของสไปเดอร์แมนทั้งสองเวอร์ชันได้อย่างสวยงามเอามากๆ เราปลื้มใจที่ทั้งสามคนได้มาอยู่ด้วยกัน เข้าใจกัน ซีนบอกรักกันและไปสู้ร่วมกันมันคือความรู้สึกพิเศษที่ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะได้เจออ่ะ เหมือนพี่น้องที่เข้าอกเข้าใจสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างต้องเจอและอยากให้น้องทอมเติบโตขึ้นเป็นสไปดี้ที่แข็งแรง (เคมีของแอนดรูวกับโทบี้คือดีมากจนน่าตกใจ) เอาจริง ถ้าเราเป็นนักแสดงเราก็คงอิ่มใจอ่ะ ที่ได้มาร่วมอยู่ในหนังที่ตัวเองเคยเล่นในอีกจักรวาลนึง

ทั้งๆ ที่มีสไปเดอร์แมนในตำนานทั้งสามคนสู้ร่วมกัน แต่ซีนแอคชันทำไมมันไม่ถึงใจเท่าไหร่เลย นี่คงเป็นสิ่งที่น่าเสียดายที่สุดของเรื่อง องค์ประกอบทุกอย่างคือพร้อมอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ เซ็ตเทพีเสีรีภาพกับโล่กัปตันอันนี้คือเป็นเซ็ตที่เท่มาก แล้วก็น่าจะเล่นได้อีกเยอะ 

ด็อกอ็อกเป็นตัวดี!! ชีวิตนี้หนูนอนตายตาหลับแล้วค่า ภาคนี้ชอบอ็อคเทเวียสมากที่สุดในตัวร้าย พอไม่ได้ร้ายมากกลับกลายเป็นคนที่อบอุ่นและใจดี นุ่มนวลไปหมด รวมถึงคิดถึงหน้าตาและเสียงของกรีน ก็อปลินมาก! ได้เห็นได้ยินเต็มๆ แล้ววมันฟินนนน

การยอมให้ทุกคนลืมตัวตนของปีเตอร์ ปาร์กเกอร์คือการเสียสละที่ยิ่งใหญ่มากๆ มากที่สุดในความเป็นสไปดี้ทอมแล้ว อย่างที่บอกว่าตลอดสองภาคแรกเราเห็นสไปดี้เวอร์ชันนี้วนอยู่แต่กับเรื่องเพื่อน โรงเรียน เอ็มเจ ป้าเมย์และอเวนเจอร์ การที่เขาตัดสินใจแบบนี้คือการโดยทุกอย่างที่สำคัญมากๆ สำหรับเค้า (ที่ถูกบิ้วผ่านหนังมาตลอด 2 ภาค) มันเป็นการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่มากจริงๆ และเราคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ ซีนไม่ตัดสินใจบอกอะไรเอ็มเจในร้านกาแฟตอนจบคือมันเจ็บปวดมาก สายตาที่ทอมส่งออกมามันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่มากมายไปหมด แต่มันก็เป็นสิ่งที่แสดงออกถึงการเติบโตของสไปเดอร์แมนคนนี้ได้เป็นอย่างดี ว่าเขาพร้อมที่จะเป็นฮีโร่แล้วจริงๆ

PS ถ้าปีเตอร์ไปขอหมอแปลกว่า ‘ขอให้ทุกคนลืมมิสเตอริโอและทุกสิ่งที่เค้าพูดซะ’ หนังจะจบภายใน 10 นาที555555555555
ชื่อสินค้า:   SPIDER-MAN NO WAY HOME
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่