โดนเจ้าหน้าที่เทศกิจเชียงใหม่ ปฏิบัติไม่เป็นธรรมครับ

   สัวดีครับทุกคน เรื่องที่ผมจะมาเล่าวันนี้อาจจะยาวหน่อยครับ   คือว่าตัวผมและแฟนเปิดร้านกาแฟ โมก้าพ็อทเล็กๆ แห่งหนึ่งในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ครับ  เปิดมาได้ 2 ปีแล้วครับ มาเปิดร้านเพราะเจอโรคระบาดโควิดหนัก และ ก่อนที่จะมาเปิดร้านกาแฟเราทำงานในโรงแรม แผนก อาหารและเครื่องดื่มมาก่อน จึงมีประสบการณ์มาบ้าง 

    ทำเลที่มาเปิดร้านเรียกได้ว่าเป็นเป็นทำเลทอง ผู้คนพลุกพล่าน  มีทั้งนักศึกษาและ คนทำงานอาศัยกันเนือนแน่น  ตำแน่งที่ผมตั้งขายเปผ้นที่หน้าบ้านของป้าที่รู้จักกัน  ซึ่งกินพื้นที่สาธราณะด้วย ก่อนเปิดก็มีความกังวลว่าถ้าเปิดแล้ววันนึงจะเกิดปัญหาเรื่องรุกล้ำที่สาธารณะตามมาหรือเปล่า แต่ด้วยความจำเป็นตอนนั้นที่ขาดรายได้มานาน จึงตัดสินใจเปิดไปก่อน  และเห็นว่ามีร้านอื่นๆ ที่เปิดมานานแล้วกว่า 20 ปี เลยคิดไปว่าไม่น่าจะมีปัญหาในเรื่องแบบนี้ได้  โดยตอนเริ่มเปิดร้านครั้งแรกผมใช้ร่ม 50 นิ้วสีฟ้า 2 ตัว กางเพื่อบังแดดบังฝน  แต่พอเข้าหน้าฝนก็กันไม่อยู่ จึงตัดสินใจสั่งทำซุ้มไม้กาแฟมาสำเร็จมาวางที่หน้าบ้านดังกล่าว  จนระยะเวลาผ่านมา 1 ปีกว่า ทุกอย่างก็ดูปกติ ไม่ได้มีปัญหากับใคร 

    พอเริ่มเข้าปีที่สอง ก็เริ่มมีปัญหา คือ  มีร้านฝั่งตรงข้ามที่อยู่เยื้องๆ กัน  คือร้าน A  กับ B. (2 ร้านนี้อยู่ติดกัน) ไม่พอใจร้านผม  เนื่องจากว่า ลค. ที่มาทานกาแฟร้านผม จะไปจอดหน้าร้าน A กับ B.  ทั้งๆที่ ลค. ที่มานั่งทานร้านผมนั้นก็จะไปซื้อของกินที่ร้าน B ก่อนแล้วค่อยมานั่งทานที่ร้านผม   เมื่อเค้าไม่พอใจ เค้าก็จะมาไล่ ลค . ผมที่กำลังนั่งทานกาแฟอยู่แบบไม่สุภาพ ผมก็ไม่เคยตอบโต้ใดๆ เพราะเห็นว่าแกก็มีสิทธิ์มาบอกได้ เพราะเป็นที่หน้าร้านของแก   หลังจากนั้นซักพัก พนักงานร้าน B ก็บอกกับผมว่า ถ้าลค. จะนั่งทานกาแฟร้านผม ก็ให้บอก ลค. ด้วยว่าให้ย้ายมาจอดฝั่งร้านผม  ซึ่งทั้งๆที่ ลค. ที่มานั่งทานกาแฟก็เป็น ลค. ร้าน B เหมือนกัน   ผมเลยตอบกลับเค้าไปว่า   ผมก็ไม่มีสิทธิ์จะไปบอก ลค . ว่าให้จอดตรงไหนได้ ตรงไหนไม่ได้ และบางทีก็ไม่มีเวลาที่จะดูด้วยว่า ลค. ที่มาทานแต่ละคน เค้าจอดรถไว้ที่ไหนบ้าง เพราะยุ่งกับการชงกาแฟในแต่ละวัน  ถ้าคุณ ร้าน A หรือ B อยากให้ย้ายก็มาบอกได้ตลอด ไม่ได้มีปัญหาอะไร  ซึ่งตรงนี้แหละครับ ที่น่าจะเป็นชนวนให้เค้าเริ่มไม่พอใจร้านผม  (เพราะช่วงแรกๆเค้าก็มาอุดหนุนผมด้วย)  ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้มีการทะเลาะแต่อย่างใด

     ผ่านมาซักพัก  ประมาณช่วงเดือน ตุลา ถึง พฤศจิกายน  ปี 2565 นี้เอง เทศกิจเริ่มออกตรวจซอยนี้ และจะมาตักเตือนร้าน B บ่อยๆ เกี่ยวกับการตั้งป้ายบนที่สาธารณะ  แต่ก็ไม่เคยมายุ่งฝั่งร้านกาแฟของผม  และ เท่าที่จำได้เทศกิจมาเตือนร้าน B ประมาณ 3 รอบ เรื่องป้าย ซึ่งทุกครั้งที่มา ร้าน B ก็จะเอาป้ายเก็บเข้าข้างใน พอ เทศกิจกลับก็เอามาไว้ที่เดิม และประมาณในรอบที่ 4 เทศกิจก็ยกป้ายร้าน B ไป ทันที หลังจากโดนยกไป ร้าน A และ B ก็ไปเสียค่าปรับและเอาป้ายกลับมา  
   
      ทีนี้แหละครับ ทางร้าน A B ก็คิดว่าคนในซอยนี้กลั่นแกล้งเค้า (โดยเฉพาะร้าน A ที่มีปากเสียงกับคนใน.อยแทบทุกคน) เค้าเลยเริ่มร้องเรียนร้านอื่นๆในซอย (ผมขอเดาว่าเป็นร้าน A กับ B ครับเพราะมไ่มีหลักฐานพิสูจส์ไดเ แต่ด้วยเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ก็ทำให้ดูเหมือนจะเป็นใครไมาได้นอกจากเค้าครับ)  
      หลังจากนั้นเทศกิจก็มาตรวจซอยนี้แทบจะวันเว้นวันกันเลย และเน้นมาที่ร้านกาแฟผมตลอด แจ้งว่าห้ามนำเก้าอี้บาร์ มาวางหน้าร้าน ซึ่งมาตัดเตือนอยู่หลายรอบ และเน้นร้านผมตลอด   ซึ่งตรงนี้ผมยอมรับผิดครับว่า ร้านผมล้ำที่สารธารณะจริง  ผมเลยถามเจ้าหน้าว่า ผมผิดจริงครับ แต่แล้วทำไมถึงเพ่งเล็งมาแต่ร้านผมครับ ทั้งๆที่ร้านอื่นๆในซอยก็ล้ำเหมือนกัน  เจ้าหน้าที่ให้คำตอบว่า เราไม่ต้องไปว่าของคนอื่น ของเราโดนร้องเรียนมา  เอาของเราให้ดีก่อนดีกว่า ถ้าผมไม่ยอมทำตาม ผมจะเป็นต้นเหตุใน้ร้านทั้งซอยนี้ไม่ได้ขายของกัน   เจ้าหน้าที่บอกว่าถ้าอยากให้ปฏิบัติร้านไหนก็ให้เราไปฟ้องเองอีกที  ซึ่งตรงนี้ผมก็เจ็บใจมากๆที่เราโดนอยู่ร้านเดียว เพราะเราก็ไม่อยากฟ้องร้องเรียนไม่จบไม่สิ้นโดยที่ไม่มีเหตุผมแบบนี้ แต่ผมก็ยอมทำตามที่เจ้าหน้าที่บอกก และไม่ได้โต้เถียงกับเจ้าหน้าที่ใด ๆ และยังเข้าไปเคลียล์ใจกับทางร้าน A และ B ด้วย  โดยเค้าบอกว่าเเคยคิดจะไปฟ้องอยู่รอบนึง จากประเด็นปัญหาที่ผมกล่าวมา แต่ก็ยังไม่ได้ทำอะไร  ผมจึงกล่าวคำขอโทษกับทางร้าน A ไป พร้อมทำตามที่เค้าต้องการ เพราะอยากจบปัญหางี่เง่านี้เสียที อยากขายของอย่างสงบๆ   ถึงแม้ทางร้าน A จะบอกว่าเค้าไม่ได้เป็นคนร้องเรียนก็ตาม   (ซึ่งก็คือคือให้แจ้ง ลค. ที่มาทานกาแฟร้านผมว่าย้ายรถมาฝั่งร้านผม )  และหลังจากนั้นเรื่องก็เงียบไป เทศกิจก็ไม่มาเป็นเวลา2 อาทิตย์  

   และแล้วเรื่องเดิมก็ได้กลับมาเกิดซ้ำอีกครั้ง  เมื่อ ลค. (ชาวต่างชาติ)  ร้าน B เข้าไปซื้อของกิน แล้วมานั่งทานร้านผมเช่นเดิม ตอนนั้นผมไปทำธุระไม่ได้อยู่ร้าน แฟนผมอยู่คนเดียว แฟนบอกว่าได้แจ้ง ลค. ต่างชาติคนนั้นแล้วว่าให้ย้ายรถด้วย จากนนั้น ลค. คนนั้นก็เดินไปจะขัยับรถให้ แต่ก็เหมือนคุยอะไรกับเจ้าร้าน  A แล้วก็กลับมาที่รถ โดยไม่ได้ขยับรถให้  เหมือนว่าแกคงคิดว่าไม่เป็นไร นั่งทานซักครู่ เดี๋ยวก็ไปละ  แต่เรื่องดันไม่เป็นแบบนั้นครับ เพราะเจ้ากรรม เจ้าของร้าน A ขับรถจะมาเที่ยบท่าร้านแก  บีบแตรรถให้สัญญาณส่ามาย้ายรถด้วย ลค. ต่างชาติก็รีบไปขยับให้  

    จากนั้นก็เป็นเวลาที่ผมกลับมาถึงร้านพอดี ก็ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเห็นเหตุการณ์บ่าสุดแล้วก็พอเข้าใจสถานการณ์ได้ และก็คืดว่าไม่ได้มีอะไรแล้ว   เพราะเราให้ ลค. ย้ายมาเรียบร้อยแล้ว แต่มันไม่ใช่แบบนั้นอีกแล้วครับ หลังจากเหตุการณ์นั้นไม่ถึง ชม. เจ้าหน้าสที่เทศกิจก็มาร้านผมผม ย้ำว่าเฉพาะร้านผมร้านเดียวเต็มๆ เหมือนผมไปทำความผิดอะไรมาแล้วมาตามจับผมโดยเฉพาะ  และลงรถมาพร้อมแผ่นกระดาษให้ผมและแฟนเซนต์ยอมรับความผิด ว่าได้มีการวางสิ่งของกีดหขางที่สาธรณะ  ซึ่งผมก็อึ้งและเซนต์ยินยอมไป

     ณ ตอนนั้น ผมผมควบคุมอารมณณ์ไม่อยู่แล้วครับ ข้างในคือโกรธมากๆ จากเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมา ซึ่งโดยส่วนตัวผมเป็นคนอารมณ์ร้อนด้วยครับ แต่ที่ผ่านมาก็อดทนทนๆไว้ตลอด แต่รอบนี้คืดว่าจไม่ทนละ  เลยรอจังหวะร้าน A กลับมาร้านอีกรอบ และระเบิดอารมณ์ใส่เค้าทันที แต่ก็ไม่ได้ลงไม้ลงมือกันนะครับ  ซึ่งผมก็จำคำพูดผมไม่ร่อยได้ตอนที่ระเบิดอารมณ์ใส่เค้า เพราะสติมันหลุดไปแล้วครับ และผมจะจำอะไรไม่ค่อยได้ด้วยครับ แต่หลักๆก็คือตะคอกใส่เค้าครับ เหมือนให้รู้ว่าเราโกรธมาก สะใจคุณแล้วใช่ใหมที่ได้ทำให้ผมลำบากแบบนี้  แต่ทางเค้าก็เหมือนเดิมครับ ไม่เคยมีจิตสำนึก แถมพูดจาเยาะเย้ยผมด้วย  ผมทะเลาะกับเค้าประมาณ 2-3 นาที ก็หยุด และเดินกลับมาร้านผม เพราะเถียงต่อไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา และทำใจว่าคงต้องรับชตากรรมนี้ไป เพราะเราเองก็ล้ำที่จริง  และซวยดันมาเจอคนแย่ๆแบบนี้ อีก

   ขออภัยที่เล่ายาวนะครับ  มาถึงตรงนี้ประเด็นของผมคือ  
1. การที่เทศกิจมาตรวจแล้วบอกว่าร้านผมผิดอยู่ร้านเดียว ในขณะที่ร้านอื่นก็ผิด แต่ไม่ได้ว่าร้านอื่น ไม่ยอมตักเตือนร้านอื่น แต่กลับบอกให้ผมไปร้องเรียนด้วยตัวเองกับร้านอื่นๆ ทั้งๆที่เห็นว่าร้านอื่นก็ผิดอยู่ซึ่งหน้าแต่ไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ เช่นเดียวที่ทำกับร้านผมครับ ต้องรอให้มีผู้ร้องเรียนก่อน กรณีแบบนี้เทศกิจถือว่ามีความผิดหรือไม่ครับ และถ้าผิด ผมจะเอาผิดเทศกิจได้อย่างไรบ้างครับ
2.ในซอยลักษณะที่เป็นขุมชนแบบนี้ นี้ที่มีการตั้งจายมาเป็นเวลานานเป็น 20 ปี ร้านค้าในซอยสามารถร่วมกันขอเป็นพื้นที่พิเศษสำหรับขายสินค้าได้หรือไม่ครับ
3.ผมยอมรับผิดในกรณีที่ผม ล้ำที่สาธรณะครับ ไม่ได้มีคำแก้ตัวใดๆครับ   แต่รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่ได้ประสพมา จึงได้ทาตั้งกระทู้นี้ เผื่อว่าท่านใดจะแนะนำทางออกที่ดีให้ผมได้ครับ  

***สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณทุกๆท่านที่มาอ่านและมาให้ข้อแนะนำกับผมในกระทู้นี้ด้วยครับ ***
  ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่