ก่อนจะเริ่มขอพูดเกรินไว้ก่อนนะคับว่า ต่อไปนี้
ลูกของพ่อแม่ส่วนใหญ่ จะหมายถึง ครอบครัวที่ไม่ได้รวยเว่อ
ไม่ได้มี เงิน/ทรัพสิน Suppost ลูกมากพอ ที่จะแข่งขันกับคนอื่นในโลกทุนนิยมได้ไม่ยากจนเกินไป
คนที่คิดจะมีลูก หรือ เลือกที่จะเป็นพ่อแม่คนๆหนึ่ง
ส่วนใหญ่ย่อมมีอายุมากพอจนเคยผ่านประสบการณ์ในชีวิต และได้รับรู้ว่า โลกทุนนิยมที่อยู่นี้โหดร้ายมากแค่ไหน
ความโหดร้ายของโลกทุนนิยมที่ทุกคนจะรับรู้ได้ด้วยตัวเองเมื่อโตมาจนมีอายุระดับหนึ่ง มีดังนี้
1.การแข่งขันทางธุรกิจสูง ที่นายทุนรายใหญ่ เงินหนา ย่อมได้เปรียบในการหาลูกค้าแบบผูกขาด ครอบตลาด แย่งลูกค้าเชือด รายย่อย(เม่า)
ได้อย่างง่ายดาย และมีสารพัดวิธีที่จะได้ด้วย
ในทางกลับกัน รายย่อย ลงทุนไม่ว่า จะเยอพหรือน้อย แทบตายกว่าจะเติบโตจนเป็น SMEs ได้ ไม่ต้องคิดถึงขั้นเป็นยักใหญ่ได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นเลย
แค่เอาตัวรอดไม่ให้ ขาดทุน ก็ยากแค่ไหนแล้ว
เพราะ การทำธุรกิจทุกธุรกิจ ย่อมต้องลงแรงลงกาย ในการเตรียมความพร้อมสารพัดเรื่อง
ทั้งด้านความสามารถเฉพาะตัวที่ต้องมีระดับหนึ่ง (เกิดได้ทั้งจากพรสวรรค์/การฝึกฝน) และ เงินทุน
และ การหาแหล่งซื้อสินค้าที่เป็นต้นทุนการผลิต สินค้าและบริการ ซึ่งแน่นอนหนีไม่พ้นการรู้จักคนเยอะพอสมควรด้วย
ซึ่งแน่นอน ลูกส่วนใหญ่ ไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ ที่คู่ควรจะอยู่รอดในโลกการแข่งขันธุรกิจที่โหดร้ายแน่นอน
จะมีเพียบคนส่วนน้อย ที่คู่ควรจะอยู่รอดกับมัน ทั้งพรสววรค์ และ การฝึกฝนความพยายามเพื่อจะผ่านพ้นมันไปได้
เด็กส่วนใหญ่ที่โตมายังคงต้องเป็น "เม่า" ผู้แพ้ที่ต้องสูญเสียเกือบทุกอย่างในชีวิตจากโลกธุรกิจ การเปนนายตัวเองอยู่ดี
2.การแข่งขันของลูกจ้าง ที่ทำงานประจำในกับเจ้าของธุรกิจในข้อ 1
ที่แข่งขันกันด้วยการอัพ ผลงานโปรไฟล์จาก การทำงาน / การศึกษา /
ความสามารถเฉพาะตัวที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นๆ ซึ่งก็ต้องมีใบรับรองจากที่ใดที่น่าเชื่อถืออีก
และ ต่อให้คุณผ่านเกณทั้งหมดเ้านลนที่บอกไป ก็ยังมีความเสี่ยงที่ธุรกิจที่คุณเป็นลูกจ้างอยู่จะขาดทุนยับจนเจ็งต้องปิดตัวไปอีก
นั้นจึงเป็นเหตุผลว่า เวลาพ่อแม่มีลูก ทำไมถึงต้องบีบบังคับให้ลูก
เรียนในสถาบันการศึกษาที่ดี / คณะที่เสี่ยงตกงานต่ำ / ศึกษาในเรื่องที่ลูกคุณอาจจะไม่ชอบอย่างรุนแรงแต่มันทำให้ไม่ตกงานได้ง่ายๆ
พูดง่ายๆ แค่เกิดมา ลูกคุณก็พบเจอความรำบากที่มีโอกาสสูงที่ ลูกส่วนใหญ่จะไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองอีกเพียบ
เพราะแค่พัฒนาความสามารถ / ความรู้ เพื่อเอาชีวิตรอดจนแก่ตายได้สำเร็จ ก็ได้แย่งเวลาอันมีค่าในการทำตัวความฝันสิ่งที่ตัวเองรักไปเยอะมากแล้ว
3.การแข่งขันในตลาดทุน/ตลาดการเงิน (หุ้น/คริปโต/Forex) หรือ โลกของเทรดเดอร์ ที่โหดร้ายที่สุดในบรรดาทุกข้อเลยก็ว่าได้
ตลาดนี้ มีผู้ชนะ น้อยกว่า 2 ข้อแรกซักอีก และมีผู้แพ้(เม่า) มากกว่า 2 ข้อนี้ อย่างมาก
โดยผู้ชนะที่เป็นส่วนน้อย มีพวกที่มี เงินทุนมหาศาลปะปนอยู่ด้วย หรือที่ เราเรียกกันว่า เจ้ามือ
ที่สามารถชนะตลาดแบบง่ายๆ ไม่ได้ยากเย็นจนต้องเหนื่อยเว่อแบบรายย่อยที่ผ่านการศึกษาสารพัดวิธีด้วยซ้ำเพื่อหาทางรอดตายจากเจ้ามือไปเรื่อยๆ
เพราะแค่เขาเอาเงินมหาศาลของเขา ตั้ง Bid และเอาหุ้นที่ได้มาเยอะๆนี้ไปตั้ง Offer ก็สามารถปั่นราคาให้อยู่ในกำมือได้แล้ว
และตลาดพวกนี้ เป็นตลาด Zero Sum Game ที่เมื่อคนส่วนใหญ่มีความรู้/ความสามารถ ใน สาย VI / สายเทคนิกกราฟ มากขึ้น เก่งกันมากขึ้น
ท้ายที่สุด คนส่วนใหญ่ที่ว่านี้ก็จะกลายเป็น ผู้แพ้(เม่า) อยู่ดี และมีคนส่วนน้อยในคนส่วนใหญ่นี้เพียงหยิบมือที่จะเป็นผู้ชนะรอดตายจากการเป็นเม่ามาได้
พูดง่ายๆ ต่อให้ทุกคนพยายาม ศึกษาหาความรู้ และ ฝึกฝนการเทรด แทบตาย
ยังไงตอนจบก็ต้องมีคนทีกลุ่มนี้ที่พยายามอย่างหนัก กลายเป็นผู้แพ้อยู่ดี เท่ากับ เป็นการพยายามที่สูญเปล่า เหนื่อยฟรี
ซึ่งลูกคนส่วนใหญ่ ก็จะเป็น 1 ในนั้นแน่นอนด้วย
เพราะเมื่อเด็กส่วนใหญ่เกิดมา โตขึ้นมา ย่อมไม่อยากแค่เป็นลุกจ้าง(ข้อ2)ไปทั้งชีวิต และไม่ได้อยากทำธุรกิจ(ข้อ1) เพื่อหาเงินเอาชีวิตรอดไปทั้งชีวิต
ท้ายที่สุดก็ต้องมาลุยกับ ตลาด หุ้น/คริปโต/Forex ในข้อ 3 อยู่ดี
เพราะมันรวยเร็วที่สุด ถึงขั้นที่สามารถไม่ต้องทำงาน เกษียณตัวเองไปทั้งชีวิตได้เลย ถ้าลูกคุณเป็นผู้ชนะ คนส่วนน้อยเพียงหยิบมือที่ว่านั้นได้นะ
แต่อย่างว่า กฏของโลกทุนนิยมที่โหดร้าย คือ คนส่วนใหญ่จ้องเป็นผู้แพ้(เม่า) คนส่วนน้อยถึงจะเป็นผู้ชนะ ได้
และแน่นอน เกมชีวิตที่เป็นดั่งสงครามการแย่งชิง เงิน/ทรัพสิน ในโลกทุนนิยมนี้ ไม่ได้ออกแบบกติกามาให้เป็น Fair Game กับคนส่วนใหญ่
แต่เป็นเกมที่มีการโกงกันเอาเปรียบกันตั้งแต่เริ่มเกม(เด็กเกิดมา) แล้วด้วยซ้ำ
จากความเหลื้อมล้ำจาก รายได้/ทรัพสิน ของพ่อแม่ ที่มีมาตั้งแต่ก่อนจะมีลูกซักอีก
นั้นจึงเป็นเหตุผลหลักๆ ที่พ่อแม่ พวกที่ไม่ได้ รวยมีเงิน/ทรัพสิน ที่มากพอ
เท่ากับ เห็นแก่ตัวทุกคน
เพราะตัวเองรู้จักโลกทุนนิยมที่มีกฏ และ เป็นแบบ 3 ข้อที่กล่าวมาดีพออยู่แล้ว
ยังเลือกที่จงใจส่งลูกมาลงนรกบนโลกทุนนิยมนี้ต่ออีก
โลกที่ผู้แพ้ในสงครามครั้งนี้ต้อง ทุกข์ใจ / เสียใจ นับครั้งไม่ถ้วน (มากกว่า ความสุข ที่จะได้รับ)
ซึ่งผู้แพ้ เป็นคนส่วนใหญ่ ซะด้วย ตามที่บอกไป
ปล.ลุกของพ่อแม่ส่วนใหญ่ในโพสนี้ คือ
ครอบครัวที่ไม่ได้รวยเว่อ
ไม่ได้มี เงิน/ทรัพสิน Suppost ลูกมากพอ ที่จะแข่งขันกับคนอื่นในโลกทุนนิยมได้ไม่ยากจนเกินไป
หรือ เป็นแค่ครอบครัวรายย่อยในทั้ง 3 ข้อที่กล่าวไป
(ช่วยอ่านตรงนี้ดีๆก่อนแซะโพสนี้ด้วย)
(รีรัน) ทำไมคนที่คิดจะมีลูก และเลือกที่จะเป็นพ่อแม่คนถึงเห็นแก่ตัว ถ้าพ่อแม่คนนั้นไม่ได้มี เงิน/ทรัพสิน Suppost ลูกมากพอ
ลูกของพ่อแม่ส่วนใหญ่ จะหมายถึง ครอบครัวที่ไม่ได้รวยเว่อ
ไม่ได้มี เงิน/ทรัพสิน Suppost ลูกมากพอ ที่จะแข่งขันกับคนอื่นในโลกทุนนิยมได้ไม่ยากจนเกินไป
คนที่คิดจะมีลูก หรือ เลือกที่จะเป็นพ่อแม่คนๆหนึ่ง
ส่วนใหญ่ย่อมมีอายุมากพอจนเคยผ่านประสบการณ์ในชีวิต และได้รับรู้ว่า โลกทุนนิยมที่อยู่นี้โหดร้ายมากแค่ไหน
ความโหดร้ายของโลกทุนนิยมที่ทุกคนจะรับรู้ได้ด้วยตัวเองเมื่อโตมาจนมีอายุระดับหนึ่ง มีดังนี้
1.การแข่งขันทางธุรกิจสูง ที่นายทุนรายใหญ่ เงินหนา ย่อมได้เปรียบในการหาลูกค้าแบบผูกขาด ครอบตลาด แย่งลูกค้าเชือด รายย่อย(เม่า)
ได้อย่างง่ายดาย และมีสารพัดวิธีที่จะได้ด้วย
ในทางกลับกัน รายย่อย ลงทุนไม่ว่า จะเยอพหรือน้อย แทบตายกว่าจะเติบโตจนเป็น SMEs ได้ ไม่ต้องคิดถึงขั้นเป็นยักใหญ่ได้จดทะเบียนในตลาดหุ้นเลย
แค่เอาตัวรอดไม่ให้ ขาดทุน ก็ยากแค่ไหนแล้ว
เพราะ การทำธุรกิจทุกธุรกิจ ย่อมต้องลงแรงลงกาย ในการเตรียมความพร้อมสารพัดเรื่อง
ทั้งด้านความสามารถเฉพาะตัวที่ต้องมีระดับหนึ่ง (เกิดได้ทั้งจากพรสวรรค์/การฝึกฝน) และ เงินทุน
และ การหาแหล่งซื้อสินค้าที่เป็นต้นทุนการผลิต สินค้าและบริการ ซึ่งแน่นอนหนีไม่พ้นการรู้จักคนเยอะพอสมควรด้วย
ซึ่งแน่นอน ลูกส่วนใหญ่ ไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ ที่คู่ควรจะอยู่รอดในโลกการแข่งขันธุรกิจที่โหดร้ายแน่นอน
จะมีเพียบคนส่วนน้อย ที่คู่ควรจะอยู่รอดกับมัน ทั้งพรสววรค์ และ การฝึกฝนความพยายามเพื่อจะผ่านพ้นมันไปได้
เด็กส่วนใหญ่ที่โตมายังคงต้องเป็น "เม่า" ผู้แพ้ที่ต้องสูญเสียเกือบทุกอย่างในชีวิตจากโลกธุรกิจ การเปนนายตัวเองอยู่ดี
2.การแข่งขันของลูกจ้าง ที่ทำงานประจำในกับเจ้าของธุรกิจในข้อ 1
ที่แข่งขันกันด้วยการอัพ ผลงานโปรไฟล์จาก การทำงาน / การศึกษา /
ความสามารถเฉพาะตัวที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นๆ ซึ่งก็ต้องมีใบรับรองจากที่ใดที่น่าเชื่อถืออีก
และ ต่อให้คุณผ่านเกณทั้งหมดเ้านลนที่บอกไป ก็ยังมีความเสี่ยงที่ธุรกิจที่คุณเป็นลูกจ้างอยู่จะขาดทุนยับจนเจ็งต้องปิดตัวไปอีก
นั้นจึงเป็นเหตุผลว่า เวลาพ่อแม่มีลูก ทำไมถึงต้องบีบบังคับให้ลูก
เรียนในสถาบันการศึกษาที่ดี / คณะที่เสี่ยงตกงานต่ำ / ศึกษาในเรื่องที่ลูกคุณอาจจะไม่ชอบอย่างรุนแรงแต่มันทำให้ไม่ตกงานได้ง่ายๆ
พูดง่ายๆ แค่เกิดมา ลูกคุณก็พบเจอความรำบากที่มีโอกาสสูงที่ ลูกส่วนใหญ่จะไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองอีกเพียบ
เพราะแค่พัฒนาความสามารถ / ความรู้ เพื่อเอาชีวิตรอดจนแก่ตายได้สำเร็จ ก็ได้แย่งเวลาอันมีค่าในการทำตัวความฝันสิ่งที่ตัวเองรักไปเยอะมากแล้ว
3.การแข่งขันในตลาดทุน/ตลาดการเงิน (หุ้น/คริปโต/Forex) หรือ โลกของเทรดเดอร์ ที่โหดร้ายที่สุดในบรรดาทุกข้อเลยก็ว่าได้
ตลาดนี้ มีผู้ชนะ น้อยกว่า 2 ข้อแรกซักอีก และมีผู้แพ้(เม่า) มากกว่า 2 ข้อนี้ อย่างมาก
โดยผู้ชนะที่เป็นส่วนน้อย มีพวกที่มี เงินทุนมหาศาลปะปนอยู่ด้วย หรือที่ เราเรียกกันว่า เจ้ามือ
ที่สามารถชนะตลาดแบบง่ายๆ ไม่ได้ยากเย็นจนต้องเหนื่อยเว่อแบบรายย่อยที่ผ่านการศึกษาสารพัดวิธีด้วยซ้ำเพื่อหาทางรอดตายจากเจ้ามือไปเรื่อยๆ
เพราะแค่เขาเอาเงินมหาศาลของเขา ตั้ง Bid และเอาหุ้นที่ได้มาเยอะๆนี้ไปตั้ง Offer ก็สามารถปั่นราคาให้อยู่ในกำมือได้แล้ว
และตลาดพวกนี้ เป็นตลาด Zero Sum Game ที่เมื่อคนส่วนใหญ่มีความรู้/ความสามารถ ใน สาย VI / สายเทคนิกกราฟ มากขึ้น เก่งกันมากขึ้น
ท้ายที่สุด คนส่วนใหญ่ที่ว่านี้ก็จะกลายเป็น ผู้แพ้(เม่า) อยู่ดี และมีคนส่วนน้อยในคนส่วนใหญ่นี้เพียงหยิบมือที่จะเป็นผู้ชนะรอดตายจากการเป็นเม่ามาได้
พูดง่ายๆ ต่อให้ทุกคนพยายาม ศึกษาหาความรู้ และ ฝึกฝนการเทรด แทบตาย
ยังไงตอนจบก็ต้องมีคนทีกลุ่มนี้ที่พยายามอย่างหนัก กลายเป็นผู้แพ้อยู่ดี เท่ากับ เป็นการพยายามที่สูญเปล่า เหนื่อยฟรี
ซึ่งลูกคนส่วนใหญ่ ก็จะเป็น 1 ในนั้นแน่นอนด้วย
เพราะเมื่อเด็กส่วนใหญ่เกิดมา โตขึ้นมา ย่อมไม่อยากแค่เป็นลุกจ้าง(ข้อ2)ไปทั้งชีวิต และไม่ได้อยากทำธุรกิจ(ข้อ1) เพื่อหาเงินเอาชีวิตรอดไปทั้งชีวิต
ท้ายที่สุดก็ต้องมาลุยกับ ตลาด หุ้น/คริปโต/Forex ในข้อ 3 อยู่ดี
เพราะมันรวยเร็วที่สุด ถึงขั้นที่สามารถไม่ต้องทำงาน เกษียณตัวเองไปทั้งชีวิตได้เลย ถ้าลูกคุณเป็นผู้ชนะ คนส่วนน้อยเพียงหยิบมือที่ว่านั้นได้นะ
แต่อย่างว่า กฏของโลกทุนนิยมที่โหดร้าย คือ คนส่วนใหญ่จ้องเป็นผู้แพ้(เม่า) คนส่วนน้อยถึงจะเป็นผู้ชนะ ได้
และแน่นอน เกมชีวิตที่เป็นดั่งสงครามการแย่งชิง เงิน/ทรัพสิน ในโลกทุนนิยมนี้ ไม่ได้ออกแบบกติกามาให้เป็น Fair Game กับคนส่วนใหญ่
แต่เป็นเกมที่มีการโกงกันเอาเปรียบกันตั้งแต่เริ่มเกม(เด็กเกิดมา) แล้วด้วยซ้ำ
จากความเหลื้อมล้ำจาก รายได้/ทรัพสิน ของพ่อแม่ ที่มีมาตั้งแต่ก่อนจะมีลูกซักอีก
นั้นจึงเป็นเหตุผลหลักๆ ที่พ่อแม่ พวกที่ไม่ได้ รวยมีเงิน/ทรัพสิน ที่มากพอ
เท่ากับ เห็นแก่ตัวทุกคน
เพราะตัวเองรู้จักโลกทุนนิยมที่มีกฏ และ เป็นแบบ 3 ข้อที่กล่าวมาดีพออยู่แล้ว
ยังเลือกที่จงใจส่งลูกมาลงนรกบนโลกทุนนิยมนี้ต่ออีก
โลกที่ผู้แพ้ในสงครามครั้งนี้ต้อง ทุกข์ใจ / เสียใจ นับครั้งไม่ถ้วน (มากกว่า ความสุข ที่จะได้รับ)
ซึ่งผู้แพ้ เป็นคนส่วนใหญ่ ซะด้วย ตามที่บอกไป
ปล.ลุกของพ่อแม่ส่วนใหญ่ในโพสนี้ คือ
ครอบครัวที่ไม่ได้รวยเว่อ
ไม่ได้มี เงิน/ทรัพสิน Suppost ลูกมากพอ ที่จะแข่งขันกับคนอื่นในโลกทุนนิยมได้ไม่ยากจนเกินไป
หรือ เป็นแค่ครอบครัวรายย่อยในทั้ง 3 ข้อที่กล่าวไป
(ช่วยอ่านตรงนี้ดีๆก่อนแซะโพสนี้ด้วย)