[ไม่สปอย] รีวิว Avatar : The Way of Water ครับ

ภาคต่อของสุดยอดหนังที่ทำรายได้ทั่วโลกไปกว่า 2900ล้านดอลลาร์ จะดีเทียบเท่ากับภาคเก่าได้หรือไม่
ซึ่งนั่นก็ทำให้เป็นที่คาดหวังของใครหลาย ๆ คน และผมก็เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ก็ได้ดูภาคแรกย้อนไปไม่นาน (เพราะกลับมาลง Disney+ แล้ว หลังจากถูกถอดตอนเอามาฉายในโรงก่อนหน้า)
จึงเป็นการเปรียบเทียบที่ดี

งานภาพ :
ภาคนี้ทำให้ผมรู้สึกได้ดูภาคแรกอีกครั้ง วัฒนธรรมใหม่ ๆ ที่แปลกตา งานศิลป์ที่ถูกออกแบบมาได้อย่างสร้างสรรค์
ความสวยของ CGI ไม่มีอะไรที่ต้องติเลย ไม่ว่าจะมองมุมไหน ทุกสิ่งล้วนเหมือนได้ดูจากบนดาวแพนดอร่าจริง ๆ ความมีชีวิตชีวาของสิ่งแวดล้อม
และสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศถูกถ่ายทอดออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก ๆ
ซึ่งเป็นการแสดงศักยภาพของฉากที่เล่นกับน้ำเกือบตลอดทั้งเรื่อง ใครที่เคยทำงานด้านกราฟฟิกก็คงจะรู้ดี ว่าการทำงานภาพที่มีน้ำมาเกี่ยวข้องนั้น เป็นอะไรที่ยากมาก ๆ แต่ทว่า หากเทียบกับธรรมชาติบนผืนป่าของภาคแรกแล้ว ภาคแรกกลับดูมีความหลากหลายและตื่นตากว่า
ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะบนพื้นดินมีอะไรให้เล่นเยอะกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งต้นไม้ดอกไม้ ภูเขาลำธาร สิ่งมีชีวิตทั้งบนพื้นดินและบนฟ้า นอกจากนี้ฝั่งมนุษย์ก็ดูมีความซับซ้อนของเทคโนโลยีมากกว่าด้วย

เนื้อเรื่อง : 
หากเทียบระดับ Conflict ของหนังทั้งสองภาค ภาคแรกคือการทำสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ ภาคนี้จะถูกเล่าในมุมมองที่เล็กลงมาอย่างความสัมพันธ์ของครอบครัวแทน (ซึ่งก็เห็นจากใน Trailer กันแล้ว) แต่ทีนี้พอระดับ Conflict มันลดลง ใครที่หวังว่าอาจจะได้ดูสงครามที่ยกสเกลขึ้นมาอีกระดับจากภาคแรก คุณอาจจะต้องผิดหวัง เพราะตัวหนังจะไม่ได้ไปเล่าในสเกลใหญ่ขนาดนั้นแล้ว แต่สิ่งที่ทดแทนคือความผูกพันของเหล่าตัวเอกและลูก ๆ มากกว่า

สิ่งที่ดีงามก็คือ หนังไปไวเข้าใจง่าย อะไรที่คนดูพอเดากันได้ ตัวหนังจะไม่เสียเวลาต่อความยาวสาวความยืดนาน มีฉากน่าตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ช่วงแรก จึงสามารถดึงตัวเราให้อยู่กับหนังได้ไปยาว ๆ

นอกจากนี้ ข้อเสียที่เห็นได้ชัดในภาคนี้ก็คือ ตัวหนังถูกกำหนดให้มีภาคต่อมากเกินไป แต่ว่ามันเป็นข้อเสียอย่างไร?
ในระหว่างการดำเนินเรื่อง จะมีการเล่าปมบางอย่างของตัวละคร แต่กลับไม่ถูกเฉลยในภาคนี้และถูกปล่อยทิ้งไว้ ทำให้ตัวหนังยาวเกินความจำเป็น หากท่านใดนึกไม่ออก ให้นึกถึงตอน Batman v Superman ฉาก Batman's Nightmare ที่เล่าถึงโลกที่ล่มสลายไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่มันไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องปัจจุบันด้วยซ้ำ ซึ่งตอนจบ ปมนั้นก็ไม่ถูกเฉลยและไม่ถูกพูดถึงเลย ราวกับว่าจะให้ไปรู้อีกทีภาคหน้า จบด้วยความค้างคาไว้ต่อไป
ซึ่งนั่นก็ทำให้ Avatar ที่ภาคนี้มีตัวละครหลักค่อนข้างเยอะอยู่แล้ว ทวีความซับซ้อนโดยไม่จำเป็นเข้าไป

ตัวละคร :
สิ่งที่ผมกังวลตั้งแต่เริ่มดู Trailer เลยก็คือ ดูเหมือนว่าภาคนี้จะถูกเล่าผ่านตัวละครหลัก ที่เป็นเด็ก เหตุผลก็มาจากที่เรารู้ดีว่าหนังทุกเพศทุกวัยส่วนใหญ่ที่มีเด็กเป็นตัวเดินเรื่อง มักสร้างความรำคาญ ความน่าหงุดหงิดให้แก่ผู้ชม ซึ่งเป็นธรรมดาตามประสาที่ตัวละครเด็กมักจะเป็นกัน แต่เราจะได้เห็น Emotion ของตัวละครผู้เป็นพ่อแม่กับตัวลูกมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกเห็นใจทั้งสองฝ่าย 
แต่ก็ด้วยความที่ตัวละครนั้นค่อนข้างเยอะ บางตัวละครก็อาจจะยังเกลี่ยไม่ดีเท่าที่ควร บางตัวถูกปูบทบางอย่างไว้ช่วงกลางเรื่องแต่กลับไม่นำมาใช้ในช่วงไคลแมกซ์ เหมือนกับว่าถูกตัดออกไป รอ Director's cut อีกที

สรุปก็คือ Avatar : The Way of Water นั้น เป็นอีกหนังที่ดี ที่ควรค่าแก่การไปดู
คุณอาจไม่ต้องเชื่อในรีวิวผม แต่สัมผัสด้วยตัวคุณเอง แล้วมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับผม
ถือว่าเป็น 3 ชม.ที่คุ้มค่าตั๋วอีกเรื่องนึงเลยครับ คิดว่าหนังน่าจะอยู่ยาว ๆ ไปพักนึงเลยล่ะ

ขอบคุณทุกท่านที่ได้อ่านและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นครับผม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่