ขณะที่กำลังนั่งวางแผนชีวิตตัวเอง หลังจากเพิ่งลาออกจากงานประจำ จู่ๆ หูก็แว่วได้ยินเสียงเพลงเบาๆ ของพี่จุ้ย ศุ บุญเลี้ยง ดังขึ้นมา
“อยู่เกาะสมุยกลางทะเล จิตใจว้าเหว่ไหวหวั่น
ชื่นเพียงสายลม ชมเพียงแสงจันทร์ ทุกคืนวันอ้างว้าง
เห็นเกาะพะงันตรงหน้า สาวเอ๋ยเมตตาพี่บ้าง
พี่ครวญคะนึงคิดถึงน้องนาง แม่โฉมสะอางพะงัน
สาวพะงันนวลเนื้อ โปรดจงเชื่อชาวเกาะด้วยกัน
พี่หนุ่มสมุยน้องสาวพะงัน เราอยู่ใกล้กันแค่นี้เอง”
เมื่อเสียงเพลง “หนุ่มสมุย สาวพะงัน” จบลง ผมก็มานั่งนึกย้อนความหลัง นี่เราไม่ได้ไปเที่ยวสมุย พะงัน กี่ปีแล้วเนี่ย นั่งคิดคำนวณ นิ้วมือทั้งสิบของผมคงไม่พอนับ ป่านนี้ สมุยและพะงัน คงเปลี่ยนไปมากแล้ว จากที่กำลังวางแผนชีวิตใหม่ กลับกลายเป็นการวางแผนให้รางวัลกับตัวเองไปซะอย่างงั้น ก็ดี!! ทำงานเครียดๆ มานาน ถึงเวลาให้รางวัลกับตัวเองบ้างแล้ว งั้นทริปนี้ผมขอไประลึกความหลังที่เกาะสมุย และเกาะพะงันดีกว่า
รายละเอียดการเดินทางไปยังเกาะสมุย ผมขอแนะนำไว้ที่บทสรุปสุดท้ายนะครับ
ทริปนี้ผมออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองตั้งแต่เวลา 07.15 น. โดยมาถึงสนามบินสุราษฎร์ธานีประมาณ 08.30 น. หลังรับสัมภาระเรียบร้อยก็ออกมาติดต่อซื้อตั๋วโดยสารข้ามไปยังเกาะสมุยกับบริษัทซีทรานเฟอร์รี่ นั่งรออยู่ไม่นาน รถก็ออกเดินทางในเวลา 09.10 น. และไปถึงที่ท่าเรือดอนสักประมาณ 10.30 น. โดยเรือที่ข้ามไปยังเกาะสมุย จะมีทุก 1 ชั่วโมง และเรือรอบต่อไปคือรอบ 11.00 น. ซึ่งยังพอมีเวลาเหลือเล็กน้อย ผมเลยหามื้อเช้าทานกันที่ท่าเรือให้เรียบร้อย ที่ท่าเรือมีร้านข้าวแกง และร้านก๋วยเตี๋ยวบริการครับ ค่าอาหารประมาณ 50-60 บาท/จาน ถือว่าราคาไม่แพงครับ จะสั่งนั่งทานที่ท่าเรือหรือจะใส่กล่องขึ้นไปทานบนเรือก็ได้ หรือถ้าใครกลัวไม่ทันเวลา ก็ไปหาซื้อทานบนเรือได้เช่นกัน ด้านบนเรือมีซุปเปอร์เล็กๆ น้องๆ 7-11 ที่จำหน่ายทั้งข้าวกล่อง ขนมจีบ ซาลาเปา มาม่า ขนมขบเคี้ยวทานบนเรือก็ได้ครับ สำหรับตั๋วที่ซื้อจากสนามบิน ต้องเก็บเอาไว้ให้ดีๆ นะครับ เพราะเราจะต้องนำตั๋วไปสแกนก่อนขึ้นเรือด้วยครับ
ถึงแม้ฝนจะเพิ่งหยุดตกไปไม่นาน แต่รับรู้ได้เลยว่าคลื่นทะเลค่อนข้างสูง เพราะเรือเฟอร์รี่มีอาการสู้คลื่น นั่งเรือประมาณ 1.30 ชั่วโมง เรือก็มาถึงที่ท่าเรือหน้าทอนในเวลาประมาณ 12.30 น. เมื่อลงจากเรือแล้ว ฝนเริ่มกลับมาตกพรำอีกครั้ง ตอนแรกผมยังนึกว่าจะต้องเดินออกมาที่ถนนใหญ่เพื่อไปรอคิวรถสองแถว แต่เมื่อเดินขึ้นจากเรือไม่ถึง 50 เมตร ก็เห็นมีแท็กซี่มารอรับผู้โดยสารมากมาย พอเดินผ่านรถแท็กซี่ออกมานิดเดียว ก็พลันเหลือบเห็นคิวรถสองแถวจอดรอรับผู้โดยสารอยู่แล้ว สอบถามคนขับเพื่อให้แน่ใจว่าผ่านหาดเฉวงหรือไม่ (ที่ตั้งของที่พักผม) คนขับพยักหน้า เลยสอบถามราคาให้เรียบร้อยก่อนขึ้นซะก่อน สรุปว่าค่าโดยสารอยู่ที่ 80 บาทครับ
รถสองแถวมาจอดส่งผมที่หน้า บุรี รสา วิลเลจ สมุย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายหาดเฉวง ชายหาดชื่อดังของสมุย อีกทั้งบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุยด้วย จึงทำให้ที่หาดเฉวงคราค่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เกือบร้อยละ 98 เป็นนักท่องเที่ยวฝรั่ง แทบจะไม่เห็นคนไทยเลยครับ
ถึงแม้ว่าบรรยากาศด้านนอกของบุรี รสา วิลเลจ สมุย จะดูคึกคัก แต่พอได้ก้าวเท้าผ่านซุ้มประตูไม้เข้ามายังด้านในรีสอร์ท บอกได้เลยว่าเหมือนหลุดเข้ามายังอีกสถานที่หนึ่งเลย เพราะว่าเงียบสงบมากๆ ครับ
เมื่อก้าวเท้าผ่านซุ้มประตูไม้เข้าไป ด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนของลอบบี้ ที่เปิดโล่งรับลมธรรมชาติ การตกแต่งเน้นโทนสีน้ำตาล เฟอร์นิเจอร์เป็นไม้และหวายครับ
พนักงานต้อนรับนำ Welcome Drink มาเสิร์ฟ Welcome Drink เป็นน้ำอัญชันมะนาว โดยแยกมาเป็นน้ำอัญชันและน้ำมะนาวแช่แข็งเป็นก้อนเล็กๆ เมื่อใส่ก้อนมะนาวในน้ำอัญชัน น้ำอัญชันก็จะเปลี่ยนสี แถมมีรสชาติเปรี้ยวขึ้นมาจากเดิม เรียกความสดชื่นได้ดีเลยทีเดียวครับ
สำหรับด้านขวามือ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับลอบบี้ จะเป็นพื้นที่ให้แขกได้นั่งรอ Check in ในกรณีที่มีแขกมา Check in พร้อมๆ กันหลายคนครับ
ติดกับพื้นที่นั่งพักผ่อน หากสังเกตดีๆ จะมีประตูที่สามารถเข้าไปยังอีกห้องหนึ่งได้ ด้านในห้องนั้นจะเป็นมุมห้องสมุดครับ
บุรี รสา วิลเลจ สมุย เป็นบูทีครีสอร์ทสไตล์ไทย เน้นการออกแบบเป็นบ้านไม้ครึ่งปูนทรงไทยแบบดั้งเดิมของภาคใต้ ที่แวดล้อมไปด้วยพันธุ์ไม้น้อยใหญ่มากมาย ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในสวนป่า มองไปทางไหนก็ดูสดชื่น ห้องที่ผมพักอยู่ด้านในสุดของส่วนที่เป็นพื้นที่ห้องพักครับ
หลุดจากโซนห้องพัก จะมีอีกหนึ่งประตูที่เมื่อก้าวข้ามไป จะเป็นพื้นที่ของสปา ห้องอาหาร สระว่ายน้ำรวม และชายหาดครับ
โซนสปา นวดไป ฟังเสียงคลื่นทะเลไป คงจะฟินสุดๆ ครับ
ห้องอาหารริมทะเลครับ
บาร์เล็กๆ ติดห้องอาหาร ริมชายหาด
สระว่ายน้ำรวม ว่ายน้ำไป ชมวิวทะเลแบบสุดสายตาเลยครับ
มีเก้าอี้ชายหาดให้นอนอาบแดดด้วย
หาดเฉวงในวันธงแดง คลื่นลมแรง น้องพนักงานบอกว่าในวันที่ฟ้าเปิด คลื่นลมสงบ ชายหาดจะสวยมากครับ
ช่วงที่ผมเดินสำรวจรอบๆ รีสอร์ท เป็นช่วงเวลาที่มี Cooking Class พอดี กลิ่นของแกงเขียวหวานลอยมาเตะจมูก เลยขออนุญาตแขกถ่ายรูปมาให้ชมกันครับ หลังจากจบ Class แล้ว มีการมอบใบประกาศนียบัตรให้กับผู้เรียนด้วยนะครับ
[CR] หยุดทั้งที หนีไปเที่ยว สมุย พะงัน กันดีกว่า
รายละเอียดการเดินทางไปยังเกาะสมุย ผมขอแนะนำไว้ที่บทสรุปสุดท้ายนะครับ
ทริปนี้ผมออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองตั้งแต่เวลา 07.15 น. โดยมาถึงสนามบินสุราษฎร์ธานีประมาณ 08.30 น. หลังรับสัมภาระเรียบร้อยก็ออกมาติดต่อซื้อตั๋วโดยสารข้ามไปยังเกาะสมุยกับบริษัทซีทรานเฟอร์รี่ นั่งรออยู่ไม่นาน รถก็ออกเดินทางในเวลา 09.10 น. และไปถึงที่ท่าเรือดอนสักประมาณ 10.30 น. โดยเรือที่ข้ามไปยังเกาะสมุย จะมีทุก 1 ชั่วโมง และเรือรอบต่อไปคือรอบ 11.00 น. ซึ่งยังพอมีเวลาเหลือเล็กน้อย ผมเลยหามื้อเช้าทานกันที่ท่าเรือให้เรียบร้อย ที่ท่าเรือมีร้านข้าวแกง และร้านก๋วยเตี๋ยวบริการครับ ค่าอาหารประมาณ 50-60 บาท/จาน ถือว่าราคาไม่แพงครับ จะสั่งนั่งทานที่ท่าเรือหรือจะใส่กล่องขึ้นไปทานบนเรือก็ได้ หรือถ้าใครกลัวไม่ทันเวลา ก็ไปหาซื้อทานบนเรือได้เช่นกัน ด้านบนเรือมีซุปเปอร์เล็กๆ น้องๆ 7-11 ที่จำหน่ายทั้งข้าวกล่อง ขนมจีบ ซาลาเปา มาม่า ขนมขบเคี้ยวทานบนเรือก็ได้ครับ สำหรับตั๋วที่ซื้อจากสนามบิน ต้องเก็บเอาไว้ให้ดีๆ นะครับ เพราะเราจะต้องนำตั๋วไปสแกนก่อนขึ้นเรือด้วยครับ
ถึงแม้ฝนจะเพิ่งหยุดตกไปไม่นาน แต่รับรู้ได้เลยว่าคลื่นทะเลค่อนข้างสูง เพราะเรือเฟอร์รี่มีอาการสู้คลื่น นั่งเรือประมาณ 1.30 ชั่วโมง เรือก็มาถึงที่ท่าเรือหน้าทอนในเวลาประมาณ 12.30 น. เมื่อลงจากเรือแล้ว ฝนเริ่มกลับมาตกพรำอีกครั้ง ตอนแรกผมยังนึกว่าจะต้องเดินออกมาที่ถนนใหญ่เพื่อไปรอคิวรถสองแถว แต่เมื่อเดินขึ้นจากเรือไม่ถึง 50 เมตร ก็เห็นมีแท็กซี่มารอรับผู้โดยสารมากมาย พอเดินผ่านรถแท็กซี่ออกมานิดเดียว ก็พลันเหลือบเห็นคิวรถสองแถวจอดรอรับผู้โดยสารอยู่แล้ว สอบถามคนขับเพื่อให้แน่ใจว่าผ่านหาดเฉวงหรือไม่ (ที่ตั้งของที่พักผม) คนขับพยักหน้า เลยสอบถามราคาให้เรียบร้อยก่อนขึ้นซะก่อน สรุปว่าค่าโดยสารอยู่ที่ 80 บาทครับ
รถสองแถวมาจอดส่งผมที่หน้า บุรี รสา วิลเลจ สมุย ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายหาดเฉวง ชายหาดชื่อดังของสมุย อีกทั้งบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล สมุยด้วย จึงทำให้ที่หาดเฉวงคราค่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เกือบร้อยละ 98 เป็นนักท่องเที่ยวฝรั่ง แทบจะไม่เห็นคนไทยเลยครับ
ถึงแม้ว่าบรรยากาศด้านนอกของบุรี รสา วิลเลจ สมุย จะดูคึกคัก แต่พอได้ก้าวเท้าผ่านซุ้มประตูไม้เข้ามายังด้านในรีสอร์ท บอกได้เลยว่าเหมือนหลุดเข้ามายังอีกสถานที่หนึ่งเลย เพราะว่าเงียบสงบมากๆ ครับ
โซนสปา นวดไป ฟังเสียงคลื่นทะเลไป คงจะฟินสุดๆ ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้