เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงในฐานะนักแสดงตัวประกอบค่าตัวเพียง 500 บาท ก่อนจะได้พิสูจน์ฝีมือการแสดงผ่านผลงานต่าง ๆ จนวันนี้ แพรว-เฌอมาวีร์ สุวรรณภาณุโชค ขึ้นแท่นเป็นนางเอกที่น่าจับตามองอีกคนของวงการ กับผลงานล่าสุดอย่าง “สัจจะในชุมโจร” ทางช่อง 7 ที่กวาดเรตติ้งตอนจบไปได้อย่างสวยงาม สัปดาห์นี้คอลัมน์ “ดาวต่างมุม” เลยไม่พลาดคว้าตัวสาวแพรวมานั่งพูดคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ รวมถึงประเด็นร้อนที่หลายคนจับตามองกับการตัดสินใจเป็นนักแสดงอิสระ ที่เจ้าตัวเปิดใจกับ “เดลินิวส์” เป็นที่แรก!...
ละครสัจจะในชุมโจร เพิ่งจบไปหมาด ๆ?
“จบไปด้วยเรตติ้งเลข 5 เราก็ยืดอกได้ เขิน ๆ นิดหน่อย เรื่องนี้ได้ประกบกับพระเอกสองคนเลย คือ พี่อ๋อม-อรรคพันธ์ กับ พี่บิ๊กเอ็ม-กฤตฤทธิ์ ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี ซึ่งระหว่างการถ่ายทำมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก ก็ไม่รู้จะลุ้นเรื่องไหนก่อนเลยดี เพราะเราถ่ายทำไปออนไป แล้วละครบู๊ค่อนข้างถ่ายทำยาก เลยใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน เราปิดกล้องก่อนละครอวสานแค่ไม่กี่วันเอง เราทำงานกันหนักมาก ก็นับถือน้ำใจทุกคนที่ทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังเลยค่ะ พอได้ฟีดแบ็กจากแฟน ๆ ละครแล้วก็หายเหนื่อยค่ะ จริง ๆ ละครเรื่องแรกในชีวิตแพรวที่เล่นกับช่อง 7 คือ เรื่องชิงนาง ก็ได้เล่นกับพี่อ๋อม เรื่องนี้ก็ถือว่าได้แก้มือด้วย (ยิ้ม) เพราะตอนนั้นแพรวเด็กมาก แล้วพี่อ๋อมไม่เคยอารมณ์เสียเลยเวลาแพรวเล่นไม่ได้ เรารู้สึกขอบคุณน้ำใจพี่อ๋อมมาก ๆ ที่อดทนและเอ็นดูเราในตอนนั้น จนมาถึงวันนี้เราสามารถรับส่งอารมณ์กับเขาได้ แพรวไม่ได้เป็นภาระพี่อ๋อม และสามารถเอาชนะตัวเองได้”
ย้อนไปวันแรกที่เข้าวงการ?
“แพรวเริ่มต้นจากการเป็นตัวประกอบของ พี่พจน์-อานนท์ แพรวเป็นเด็กกิจกรรมตั้งแต่ ม.ปลาย แล้วพี่ช่างแต่งหน้าให้ทีมเต้นของแพรว ที่ประกวดรายการชิงช้าสวรรค์ เป็นคอสตูมให้พี่พจน์ เลยเอาทีมเต้นที่พี่เขาแต่งหน้านี่แหละไปเป็นตัวประกอบ พอเห็นหน้าเห็นตา พี่พจน์ก็เลยขอเบอร์แพรวไว้ แล้วป๋าโน้ต เชิญยิ้ม ก็มาหาเด็กไปเล่นหนังจากพี่พจน์ ก็เลยได้ไปเป็นนางเอกหนังเรื่องแรก แพรวไม่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นดาราเลย แต่ด้วยความบังเอิญ ด้วยดวง ด้วยโชคชะตาและพรหมลิขิต เป็นช่วงที่เราเรียนมหาวิทยาลัย แล้วอยากหาเงินส่งตัวเองเรียน เราอยากจ่ายค่าเทอมด้วยตัวเอง แล้วพอทำได้ เราก็เริ่มสนุกกับมัน จนตอนนี้กลายเป็นความรักเลยค่ะ เราก็ไม่คิดว่าเราจะอยู่ได้ถึงขนาดนี้เลยนะ จากเด็dบ้าน ๆ ที่เราแต่งตัวแต่งหน้าไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็น ขาด ๆ เกิน ๆ เยอะมาก แล้วก็ไม่ได้เล่นดีเลย แต่ทุกคนให้โอกาส ก็เลยไม่รู้จะขอบคุณพี่พจน์กับป๋าโน้ตยังไง ที่ทำให้เรามีวันนี้ แล้วก่อนจะมาอยู่กับช่อง 7 พี่พจน์ก็พาไปเซ็นกับโพลีพลัส ก็งงเหมือนกันว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง”
ที่มา
https://www.dailynews.co.th/articles/1776096/
‘แพรว’ ฉีกกฎนางเอกเรียบร้อย ขอโบยบินเป็นนักแสดงอิสระ
ละครสัจจะในชุมโจร เพิ่งจบไปหมาด ๆ?
“จบไปด้วยเรตติ้งเลข 5 เราก็ยืดอกได้ เขิน ๆ นิดหน่อย เรื่องนี้ได้ประกบกับพระเอกสองคนเลย คือ พี่อ๋อม-อรรคพันธ์ กับ พี่บิ๊กเอ็ม-กฤตฤทธิ์ ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่ดี ซึ่งระหว่างการถ่ายทำมีเรื่องราวต่าง ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก ก็ไม่รู้จะลุ้นเรื่องไหนก่อนเลยดี เพราะเราถ่ายทำไปออนไป แล้วละครบู๊ค่อนข้างถ่ายทำยาก เลยใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน เราปิดกล้องก่อนละครอวสานแค่ไม่กี่วันเอง เราทำงานกันหนักมาก ก็นับถือน้ำใจทุกคนที่ทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังเลยค่ะ พอได้ฟีดแบ็กจากแฟน ๆ ละครแล้วก็หายเหนื่อยค่ะ จริง ๆ ละครเรื่องแรกในชีวิตแพรวที่เล่นกับช่อง 7 คือ เรื่องชิงนาง ก็ได้เล่นกับพี่อ๋อม เรื่องนี้ก็ถือว่าได้แก้มือด้วย (ยิ้ม) เพราะตอนนั้นแพรวเด็กมาก แล้วพี่อ๋อมไม่เคยอารมณ์เสียเลยเวลาแพรวเล่นไม่ได้ เรารู้สึกขอบคุณน้ำใจพี่อ๋อมมาก ๆ ที่อดทนและเอ็นดูเราในตอนนั้น จนมาถึงวันนี้เราสามารถรับส่งอารมณ์กับเขาได้ แพรวไม่ได้เป็นภาระพี่อ๋อม และสามารถเอาชนะตัวเองได้”
ย้อนไปวันแรกที่เข้าวงการ?
“แพรวเริ่มต้นจากการเป็นตัวประกอบของ พี่พจน์-อานนท์ แพรวเป็นเด็กกิจกรรมตั้งแต่ ม.ปลาย แล้วพี่ช่างแต่งหน้าให้ทีมเต้นของแพรว ที่ประกวดรายการชิงช้าสวรรค์ เป็นคอสตูมให้พี่พจน์ เลยเอาทีมเต้นที่พี่เขาแต่งหน้านี่แหละไปเป็นตัวประกอบ พอเห็นหน้าเห็นตา พี่พจน์ก็เลยขอเบอร์แพรวไว้ แล้วป๋าโน้ต เชิญยิ้ม ก็มาหาเด็กไปเล่นหนังจากพี่พจน์ ก็เลยได้ไปเป็นนางเอกหนังเรื่องแรก แพรวไม่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นดาราเลย แต่ด้วยความบังเอิญ ด้วยดวง ด้วยโชคชะตาและพรหมลิขิต เป็นช่วงที่เราเรียนมหาวิทยาลัย แล้วอยากหาเงินส่งตัวเองเรียน เราอยากจ่ายค่าเทอมด้วยตัวเอง แล้วพอทำได้ เราก็เริ่มสนุกกับมัน จนตอนนี้กลายเป็นความรักเลยค่ะ เราก็ไม่คิดว่าเราจะอยู่ได้ถึงขนาดนี้เลยนะ จากเด็dบ้าน ๆ ที่เราแต่งตัวแต่งหน้าไม่เป็น ทำอะไรไม่เป็น ขาด ๆ เกิน ๆ เยอะมาก แล้วก็ไม่ได้เล่นดีเลย แต่ทุกคนให้โอกาส ก็เลยไม่รู้จะขอบคุณพี่พจน์กับป๋าโน้ตยังไง ที่ทำให้เรามีวันนี้ แล้วก่อนจะมาอยู่กับช่อง 7 พี่พจน์ก็พาไปเซ็นกับโพลีพลัส ก็งงเหมือนกันว่ามาถึงจุดนี้ได้ยังไง”
ที่มา https://www.dailynews.co.th/articles/1776096/