เห็นแก่ตัว?

เลิกกันเพราะ mindsetไม่ตรงกัน
โดยหาว่าเป็นผู้หญิงเห็นแก่ตัว

เรากับแฟนคบกัน1ปี จึงสินใจจกทะเบียนสมรส ก่อนหน้าจดทะเบียนสมรส เรามีปัญหาทางการเงินเกี่ยวกับที่บ้านเลยเล่าให้เค้าฟัง เราเลยบอกเค้าว่าจะซื้อบ้าน เพราะจะได้เอาเงินเหลือจากซื้อบ้านมาดูแลปัญหาทางการเงินของครอบครัวตัวเอง และปกติก็ทำงานประจำเช่าบ้านในราคาเดียวกับราคาที่ตั้งไว้ว่าจะผ่อนไหวอยู่แล้ว
(ตอนนี้เรากับแฟนต่างคนต่างอยู่)
แฟนพูดว่ามาว่าจะซื้อบ้านก็ดีเลย งั้นเรามาจดทะเบียนกันมั้ย เดี๋ยวเราช่วยผ่อนจะได้มีสินสมรสด้วย ไอเราด้วยคำว่ายังคิดไม่ได้เด็กด้วยแหละ คิดไม่ทันเลยตกลงปลงใจจดทะเบียนสมรสกู้ซื้อบ้านเรียบร้อย ช่วยปัญหาทางบ้านของแม่เสร็จไปเรื่องนึง
.
พอย้ายมาอยู่ด้วยกันจริงๆรู้สึกความคิดไม่ตรงกัน เช่น ทะเลาะกันเรื่องหยุมหยิมเยอะมาก เราเป็นคนอะไรก็ได้หมด ไม่พูดหยาบต่อให้ทะเลาะแค่ไหนก็ตาม เวลาเราบอกว่าทำไมไม่เป็นผ้าที่ตาก จะมีคำพูดสวนมาเลยว่าเทอก็เห็นทำไมเทอไม่เก็บนี้ก็คิด เอ้านี่เราผิดที่ไม่เก็บหรอก เค้าเหมือนกับเวลาเราบอกว่าเทอทำอันนี้มันไม่ดีดีนะ เค้าก็จะพยายามหาเรื่องอะไรก็ได้เพื่อมาว่าเราเพื่อรู้สึกเหมือนเค้าไม่ได้ผิดคนเดียวเทอก็ผิด อะไรประมาณนี้พอมันหลายๆเรื่องมันค่อยๆสะสมๆไปเรื่อยๆ
ผ่านไป1ปีกว่าหลังจากจดทะเบียน
เราบอกเค้าตรงๆว่าเราแยกทางกันเถอะ เพราะฉันคิดว่าความคิดอะไรบางอย่างในตัวเราของคนเข้ากันไม่ได้จริงๆอะ

เค้าก็บอกโอเคเข้ากันไม่ได้ไม่รู้จะอยู่ด้วยกันไปทำไม คำถามแรกที่เค้าถามเราเลยเรื่องบ้านจะเอายังไง เราบอกว่าเราเอานะ เพราะยังไงมันก็มีความหมายต่อเราชีวิตหนูเป็นคนไม่มีไรเลย ขอแค่บ้าน เค้าไม่ยอมบอกว่านะเอาเอง ทีนี้แหละทะเลาะกันใหญ่โต หนูปกติเป็นคนยอมและไม่ยอมพอตัว พอถึงเวลาไม่ยอมก็ไม่ยอมอะค่ะ

หนูเลยเสนออีกทางงั้นเราหย่ากันเทอมาซื้อบ้านต่อจากฉันซิ ซึ่งหนูรู้ว่าเค้าไม่ได้เดินบัญชีเค้ามาซื้อบ้านต่อหนูไม่ได้

สุดท้ายบ้านนี้ก็เป็นของหนู ยังมันยังไม่จบแค่นั้น
ต่อที่เรื่องเงิน มันยังมีเงินเหลือจากซื้อบ้านที่เราช่วยกันใช้จ่ายซื้อนู้นนี้ภายในบ้าน หนูบอกของในบ้านที่ใช้เงินนี้ซื้อต้องเป็นของหนูทั้งหมด เค้าบอกได้หมด ยกเลิกมอเตอร์ไซด์ ก็บอกได้หลักลบกลบหนี้ที่เค้าช่วยผ่อนก็พอๆกัน
หนูบอกแล้วที่เค้าช่วยจ่ายค่างวดรถยนต์เทอล่ะ เค้าบอกไม่เกี่ยวนี้ทรัพย์สินก่อนสมรสเทอให้ด้วยความเสน่ห์หา คิดในใจคว#  แต่ช่างมันหนูตัดใจได้ แต่เค้าบอกของทองที่เค้าเอาไปหมั้นเทอกลับนะ หนูเลยของขึ้นเลย บอกไปว่ามันจะมากไปหน่อยแล้วนะ เทอไม่รู้จักคำว่าของหมั้นหรอ เค้าบอกไม่เกี่ยวเราหมั้นกันหลังจากที่เราจดทะเบียนกันแล้ว ทองนี้ก็เป็นสินสมรสซิ หนูไม่ให้ซิ รอไร<ทองคือเงินเหลือจากซื้อบ้าน เท่ากับเราเอาเงินเรามาซื้อทองเรา เผื่อมาหมั้นเราเอง> คุยไปคุยมามันบอกเทอเลิกกับฉันเทอมีทุกอย่างมีบ้านให้นอนแค่เค้าต้องไปเริ่มใหม่ (ในที่นี้อยู่กลับไปอยู่บ้านแม่เค้าเหมือนเดิม) เทอไม่คิดที่จะให้อะไร เค้าติดตัวไปหน่อยหรอ เค้าบอกของเงินจำนวนนึงเพื่อไปเริ่มต้นใหม่หลักหมื่น

นี้ก็ปรี๊ดดดดด อีกรอบ
บอกไปว่าหน้าไม่อายบ้างหรอพูดแบบนี้ออกมาจากปากอะ เทอยังเป็นผู้ชายอยู่มั้ย ไปถามคนในชีวิตที่เป็นผู้ชายดูนะคะ แบบที่เทอทำคนปกติเค้าทำกันมั้ย เทอไม่แม้แต่ตกหรือแต่งเค้า
.
.

ทางนั้นขึ้นกูมาเลย เค้าบอกจะมากเกิน พอแบบนี้ยกเพศตัวตัวเองขึ้นมาทันทีเลยนะ แล้วเป็นผู้ชายคือจะไม่ได้อะไรเลยว่างั้น กูออกจากบ้านส่วนได้บ้านหลังนึงใครเห็นแกตัวกันแน่อย่าให้มันมาก

นี้อธิบายไปถ้าอยู่บ้านต่อแล้วไม่ต้องผ่อนต่อนี้ก็ว่าไปอย่าง นี่ผ่อนต่อก็ต้องตงผ่อนดอกเบี้ยก็ต้องจ่าย ฉันรับภาระหนี้ให้เทอหมด เทอมีอะไรต้องเสีย
เลยพยายามหาทางจนเดี๋ยวจะยาว

บอกมารอที่อำเภอเลยจ่ายหลังจากหย่าทันทีเงินที่เทออยากได้นักหนา คิดไม่ถึงเค้ามาเร็วมาก คิดในใจตกลงเวลาที่ผ่านมาแล้วจบกัน เทอไม่มองเวลาที่ผ่านมาเลยเทอมองแค่เงินตัวนี้ใช่มั้ย เค้ารับเงินแล้วบอกจะย้ายออกในไม่อีกวัน

จุกอยู่คำนึงตอนทะเลาะ
...รู้งี้ตอนที่ทางบ้านเค้ามีปัญหาเทออย่างทำตัวเป็นพระเอกจะพยายามมาช่วยเค้าเลย
....คำที่ได้รับ เค้าบอกถ้าเทอจะเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้เค้าไม่ช่วยหรอก


จบคำนี้ร้องไห้หนักมาก


อาจจะงงหน่อยระบายไม่หมดมันจุกอยู่ในอกแต่ต้องต้องทำงานเดินหน้าต่อไป ทั้งนี้ ทั้งนั้นคนที่เข้ามาอ่าน อยากจะบอกว่าจะจดทะเบียนสมรสกับใครซักคนคิดดีๆ ถ้าเราพึ่งตัวเองได้ไม่จำเป็นอย่าพยายามพึ่งใคร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่