JJNY : 5in1 “อิ๊งค์”จ่อเปิดนโยบายเพิ่ม│ส.ส.อีสานรุมจวก‘สหายแสง’│‘โรม’สอน‘ครูแก้ว’│ภาคปชช.วอนที่ประชุม│เอกชนจ๊ากส่งออกหด

“อิ๊งค์” จ่อเปิดนโยบายเพิ่ม ไม่หวั่นหลายพรรคจับมือรุมพท.-“ชลน่าน” ยังอุบแคนดิเดตนายกฯ ลั่น ของดีต้องเก็บไว้ก่อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3711459

‘อิ๊ง’ จ่อเปิดนโยบายเพิ่ม ไม่หวั่นหลายพรรคจับมือรุม พท.-‘ชลน่าน’ ยังอุบแคนดิเดตนายกฯ ลั่นของดีต้องเก็บไว้ก่อน
 
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 6 ธันวาคม ที่ชั้น 7 พรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมนโยบายหาเสียงของพรรค พท. ว่าเรามีหลายนโยบายเพื่อใช้สำหรับการหาเสียง แต่จะยังไม่เปิดตอนนี้ โดยสิ่งที่จะเปิดนั้นจะเป็นเวิร์ดดิ้งที่จำง่าย และละเอียดชัดเจนกว่าที่ตนแสดงวิสัยทัศน์ไป
 
เมื่อถามว่ากติกาเลือกตั้งหารด้วย 100 ทำให้หลายพรรครวมกลุ่มกัน จะทำให้เป็นงานหนักสำหรับพรรค พท.หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ประชาชนคือประเด็นหลักสำหรับพรรค พท. ปัญหาของประชาชนจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุด นโยบายของพรรค พท.มั่นใจว่าทำได้จริง สามารถแก้ไขปัญหาได้จริง
เมื่อถามถึงกรณีที่จะมีชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท.หรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ตนตอบแทนนายเศรษฐาไม่ได้ แต่นายเศรษฐาก็ออกมาให้ข่าวเองว่าสนับสนุนพรรค พท. ต้องขอขอบคุณมาก ซึ่งนายเศรษฐาเป็นคนเก่งที่สนับสนุนพรรค พท. ไม่ว่าจะมาหรือไม่มา แต่เมื่อสนับสนุนแนวทางของพรรค พท.ก็เป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้ แคนดิเดตนายกฯของพรรค พท.เมื่อถึงเวลาเราเปิดตัวแน่ โดยจะเป็นบุคคลที่ตอบโจทย์ปัญหาประชาชนแน่นอน
 
เมื่อถามว่าการตั้งครรภ์จะเป็นอุปสรรคต่อการลงพื้นที่หาเสียงไปจนถึงวันเลือกตั้งหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า การมีลูกคือพลังบวก สำหรับตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่ถือเป็นกำลังใจมากกว่า
 
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงการเปิดตัวแคนดิเดตนนายกฯของพรรค พท. ว่าขณะนี้เรายังไม่เปิด ของดีต้องเก็บไว้ในเวลาที่เหมาะสม และแคนดิเดตนายกฯต้องมี 3 คน เป็นลำดับชัดเจน ประชาชนไม่สับสน



ส.ส.อีสาน ตั้งโต๊ะรุมจวก ‘สหายแสง’ ลั่นเอาผิดแน่-ไม่รับขอโทษ บี้ลาออกรอง ปธ.สภา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3711536

ส.ส.อีสาน พท.รุมแถลงจวก ‘ครูแก้ว’ ลั่นเอาผิด กม.ถึงที่สุด ปลุกชาวนครพนมสอนบทเรียน โวรอชมคลิปเด็ดวันซักฟอก ม.152 ด้าน ‘นิยม’ จี้ลาออกรอง ปธ.สภา
 
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 6 ธันวาคม ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ส.ส.สกลนคร และอุดรธานี พรรค พท. ร่วมแถลงกรณีที่ นายศุภชัย โพธิ์สุ  ส.ส.นครพนม  พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และรองประธานสภา คนที่ 2 ปราศรัยที่ จ.นครพนม โจมตี ส.ส.ที่อภิปรายการจัดงบประมาณของกระทรวงคมนาคมว่า “มันโง่จริงหรือแกล้งโง่ ถ้าสกลนครอยากได้งบพัฒนาเยอะๆ ให้เลือกฝ่ายรัฐบาล เลือกพรรคภูมิใจไทย
 
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขาธิการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรค พท. กล่าวว่า การปราศรัยในวันดังกล่าวถือว่ามีความผิดหลายอย่าง ทั้งเรื่องประมวลกฎหมายจริยธรรม การหมิ่นประมาท อีกทั้งยังเข้าข่ายการแทรกแซงการจัดงบประมาณของภาครัฐ และเนื้อหาการปราศรัยมีบางส่วนอาจเข้าข่ายสัญญาว่าจะให้กรณีที่ระบุว่าหากเลือกพรรค ภท.แล้วจังหวัดจะได้รับการพัฒนา
 
ด้าน นายพัฒนา สัพโพ ส.ส.สกลนคร พรรค พท. กล่าวว่า การปราศรัยดังกล่าวของพรรค ภท.ทำให้ ส.ส.อีสานของพรรค พท.หลายคนได้รับผลกระทบ ซึ่งตนเป็นคนอภิปรายงบประมาณกระทรวงคมนาคม ประเด็นจะไม่เกิดถ้าคนเป็นถึง ส.ส.และเป็นถึงรองประธานสภา หากมีวุฒิภาวะ ไม่ใช่นึกอยากจะพูดอะไรเพียงเพื่อหาคะแนนเสียงแล้วปรามาส ส.ส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชนด้วยคำว่าไอ้โง่ ซึ่งเป็นคำไม่สุภาพอย่างยิ่ง เรารับไม่ได้ เพราะไม่ใช่แค่ตน เรื่องนี้สร้างความเสียหายไปถึงครอบครัวของตนด้วย ตนยอมไม่ได้ จะดำเนินการให้ถึงที่สุดทั้งในสภา และคดีความในข้อหาหมิ่นประมาท

ขอให้พี่น้องชาวนครพนมคิดให้ดี ตัวแทนของท่านมีความคิดที่ด้อยค่าคนอื่นขนาดนี้ ขอให้พวกท่านตั้งสติ ตัวแทนของท่านดูถูกตัวแทนของพี่น้องชาวสกลนคร เท่ากับว่าเขาดูถูกพี่น้องชาวสกลนครด้วย ดังนั้น ขอให้ชาวนครพนมช่วยกันสอนบทเรียน ไม่ใช่ว่าเรืองอำนาจแล้วจะพูดอะไรก็ได้ ขอให้จำคำตนให้ดี ขอให้ท่านเอาตัวเองให้รอดด้วย เพราะท่านมีคดีอีกเยอะ เช่น คดีที่ดิน ส.ป.ก. และในการอภิปรายตามมาตรา 152 ที่จะมีขึ้น ผมมีคลิปอะไรดีๆ รอวันอภิปรายจะได้เห็นคนดีเป็นอย่างไร และคนโง่เป็นอย่างไร และตอนนี้ในสภามีประธานอยู่สามคน ซึ่งผมเคารพ แต่ผมขอถอดสรรพนามประธานและคำว่าครูสำหรับนายศุภชัย โพธิ์สุ” นายพัฒนากล่าว
 
ด้าน นายนิยม เวชกามา ส.ส.สกลนคร พรรค พท. กล่าวว่า ตำแหน่งรองประธานสภาเป็นตำแหน่งที่ได้รับการโปรดเกล้าฯมา ท่านจะมาขอโทษอย่างเดียวไม่ได้ ต้องแสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่งรองประธาน คุณไม่ได้พูดในฐานะ ส.ส.หาเสียงธรรมดา แต่พูดในฐานะรองประธาน อย่าเหยียบย่ำความเป็นมนุษย์ด้วยการบอกว่าโง่
 
เมื่อถามว่าจะเดินทางไปแจ้งความฟ้องเมื่อไหร่ นายพัฒนากล่าวว่า คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ ขอดูรายละเอียดข้อกฎหมายก่อน ส่วนจะดำเนินการที่ไหนอย่างไรจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
 
ถามต่อว่าหากนายศุภชัยออกมาขอโทษอย่างเป็นทางการจะไม่ยอมใช่หรือไม่ นายพัฒนากล่าวว่า คงไม่ยอม และจะดำเนินการให้ถึงที่สุด เพื่อสร้างจิตสำนึกให้กับนักการเมือง ว่าไม่ใช่นอกสภาจะพูดอะไรก็พูด เพื่อให้เป็นแบบอย่างกับนักการเมืองรุ่นใหม่ๆ
 

 
‘โรม’ สอน ‘ครูแก้ว’ ผู้แทนฯ ที่ดีต้องเป็นตัวแทนคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่จังหวัด “ภูมิใจไทย”
https://www.matichon.co.th/politics/news_3711843
 
‘โรม’ สอน ‘ครูแก้ว’ ผู้แทนฯ ที่ดีต้องเป็นตัวแทนคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่จังหวัด “ภูมิใจไทย”
 
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีที่นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้พูดคำว่า “ไอ้โง่” ในการกล่าวถึง ส.ส. ที่อภิปรายถึงความเหลื่อมล้ำที่งบประมาณไปลงมากในจังหวัดที่มี ส.ส. พรรค ภท. ว่า เมื่อทราบข่าวต้องบอกว่าตนตกใจมากที่นายศุภชัย ซึ่งเป็นถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้พูดคำดังกล่าวกับคนที่ตั้งคำถามเรื่องการบริหารงบประมาณให้เกิดความเป็นธรรมกับจังหวัดต่างๆ เพราะที่ผ่านมาต้องยอมรับว่างบประมาณมันเกิดการกระจุกตัวไปอยู่ในจังหวัดที่มี ส.ส.พรรค ภท. ซึ่งเป็นวิธีบริหารงานที่ไม่ถูกต้อง
 
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า การบริหารงบประมาณที่ควรจะเป็นต้องมีความเป็นธรรมต้องดูเรื่องของความจำเป็น ความเร่งด่วน ความสำคัญ ไม่ใช่คิดว่ามีพรรคพวกของตัวเองอยู่ในพื้นที่หรือไม่ ถ้าทำกันแบบนั้นเท่ากับว่ารัฐบาลของพรรคภูมิใจไทยและการบริหารงานกระทรวงคมนาคม ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนทุกจังหวัด
 
แน่นอนว่าในการเลือกตั้งมีแพ้มีชนะ แต่เมื่อทำหน้าที่แล้วเมื่อเป็น ส.ส. ก็ต้องเป็นผู้แทนของประชาชนทุกคน ถ้าเป็นรัฐบาลก็เป็นรัฐบาลของคนไทยทุกคน ผมหวังว่าคุณศุภชัย ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสทางการเมือง และเป็นถึงรองประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเรียนรู้ว่าไม่ควรมีวิธีคิดและพูดออกมาแบบนี้อีก” นายรังสิมันต์กล่าว
 
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ปัญหาสำคัญของเรื่องนี้คือ การที่นายศุภชัย ออกมาสารภาพโดยตรงว่าการบริหารงานของพรรค ภท. โดยเฉพาะในกระทรวงคมนาคมไม่มีความเป็นธรรม และปล่อยให้ ส.ส. เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณซึ่งเป็นสิ่งที่ผิด โดยหลักการแล้ว ส.ส. ทุกคนไม่ว่ามาจากพรรคการเมืองไหนก็ไปยุ่งเกี่ยวกับงบประมาณไม่ได้เลย เราอาจจะบอกได้ว่าประชาชนมีปัญหาอะไร แต่การที่นายศุภชัยบอกว่าตนมีศักยภาพในการดึงงบประมาณลงไปที่จังหวัดของตนเองได้ ทำผิดสิ่งที่รัฐธรรมนูญได้กำหนดเอาไว้ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
 
ผมอยากจะฝากไว้อย่างนี้ว่า ในการที่จะทำหน้าที่เป็นรัฐบาล ครูแก้วต้องคิดถึงจังหวัดอื่นเหมือนกัน ครูแก้วอาจจะเป็นคนนครพนม ครูแก้วอาจจะได้รับการเลือกมาจากคนนครพนม แต่ถึงที่สุดการพัฒนาประเทศเราไม่สามารถพัฒนาให้จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง มีความเจริญอย่างเดียวเท่านั้น แต่เราต้องคิดถึงจังหวัดอื่นๆ เราต้องคิดถึงพื้นที่อื่นๆ ที่เขาไม่สามารถเข้าถึงผู้มีอำนาจในการจัดสรรงบประมาณด้วยในฐานะการเมืองด้วยกัน ผมเองก็ไม่อยากเห็นการพัฒนาที่กระจุกตัว อยากเห็นการพัฒนาที่เป็นธรรมไม่ว่าคนคนนั้นจะเลือกพรรครัฐบาลหรือไม่ก็ตาม” โฆษกพรรคก้าวไกลกล่าว



ภาคประชาชน วอนที่ประชุมสภาฯ รับหลักการร่างฯ ปลดล็อคท้องถิ่น กระจายอำนาจ พัฒนาพื้นที่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3711848

ภาคประชาชน วอนที่ประชุมสภา รับหลักการร่างฯ ปลดล็อคท้องถิ่น กระจายอำนาจ จัดงานงบฯ แก้ปัญหา-พัฒนาพื้นที่
 
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม นายสมโชติ  มีชนะ อดีตนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง และผู้ประสานงานเครือข่ายใต้  มูฟออน (South Move On)  กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เครือข่ายใต้มูฟออน  และเครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ได้รณรงค์และรวบรวมรายชื่อประชาชน ส่งมอบให้กับคณะก้าวหน้า เพื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายรัฐธรรมนูญ หมวด 14 ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยให้มีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เพราะการรวมศูนย์อำนาจเป็นข้อจำกัดศักยภาพขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้งในด้านงบประมาณ อำนาจการตัดสินใจ การช่วยเหลือ แก้ไข เยียวยาประชาชน เป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมสนับสนุนการรวมกลุ่มของประชาชน อีกมีข้อจำกัดในการยกระดับพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานในท้องถิ่น เป็นการฉุดรั้งการพัฒนาประเทศทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แช่แข็งศักยภาพของท้องถิ่นอย่างน่าเสียดาย
 
เราได้รณรงค์ผลักดันร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ปลดล็อคท้องถิ่นยุติรัฐราชการรวมศูนย์ และเสนอต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ก็เพื่อให้มีการกระจายอำนาจ ทำให้ท้องถิ่นมีความเข้มแข็ง ให้ความเป็นอิสระแก่ท้องถิ่น และยังพลิกหลักการปกครองแผ่นดิน ให้สอดรับกับบริบทและความท้าทายใหม่ของโลก ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องไปยังสมาชิกรัฐสภา ซึ่งจะมีการลงมติรับหลักการในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ ให้ร่วมกันลงมติเห็นชอบรับหลักการในวาระที่หนึ่ง พร้อมทั้งเชิญชวนประชาชน องค์กร เครือข่ายต่าง ๆ ร่วมรณรงค์ แสดงจุดยืนต่อการสนับสนุนร่างกฎหมายรัฐรรมนูญมาตราดังกล่าว” นายสมโชติ กล่าว

ด้านนายไมตรี จงไกรจักร์ ผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท กล่าวว่า การกระจายอำนาจเป็นทางออกของการพัฒนาประเทศ เป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางสังคมและการเมือง แก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคมได้เป็นอย่างดี เพราะอปท. เป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้กับความเดือดร้อนของประชาชนมากที่สุด เข้าใจบริบทของปัญหาทั้งหมด จึงควรกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นได้จัดการป้องกัน แก้ไขปัญหา และบริหารจัดการทรัพยากรเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน บริการต่างๆ ให้ตรงตามความต้องการของพื้นที่ โดยได้รับการจัดสรรงบประมาณอย่างเพียงพอ ทั้งนี้ ควรให้ท้องถิ่นมีอำนาจทำบริการสาธารณะได้ในทุกเรื่อง ยกเว้นที่เกี่ยวกับความมั่นคง เงินตรา หรือเรื่องระหว่างประเทศ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่