Review ไซ่ง่อน Saigon นิยายสงครามและประวัติศาสตร์ที่ดีและสนุกมากที่สุดเรื่องหนึ่ง



ความสุขเงียบๆเล็กๆที่ยิ่งใหญ่ของดิฉันเวลากลับบ้านที่ต่างจังหวัดคือ ได้นั่งที่บ้านอ่านหนังสือยาวๆเพลินๆไป

เดือนก่อนหน้านั้น กัลยาณมิตรรุ่นพี่ท่านหนึ่งได้กรุณาส่งหนังสือแปลมาให้ เป็นเรื่องยาวสองเล่มจบ
หนังสือเก่าขลังมากมีหลุดเป็นแผ่นมาบางส่วนด้วย

ดิฉันอ่านไปหน่อยนึงก็ชอบมาก เลยเก็บไว้ก่อน ไม่กล้าอ่านมากจนกว่าจะหาเวลายาวๆติดต่อกันได้ เพราะรู้นิสัยตัวเองดีว่า ถ้าเจอหนังสือที่ดีจริง แล้วลองถ้าได้ติดแล้ว อ่านกันจนตาแพนด้าไม่เป็นอันต้องทำอะไรแน่ๆ

แล้วก็จริงค่ะ ซื้อหวยก็รวยไปแล้ว
หลังจาก อ่านไปสักเกือบสองร้อยหน้า แม้ว่าจะง่วงและเหนื่อยมาก คิดว่าเดี๋ยวอ่านสักชั่วโมง สามทุ่มจะนอนละ
ปรากฎว่า มันสนุกติดพันจนจากที่คิดว่าจะนอนตอนสามทุ่มล่อไปซะตีสามกว่า อ่านต่อไปอีกพันกว่าหน้าด้วยความตื่นตาตื่นใจ


เล่าแบบไม่สปอยล์ คือ เป็นนิยายประวัติศาสตร์ setting อยู่ที่เวียดนาม ช่วง 1925 มาจนถึงหลังสงครามเวียดนามสงบลง

ผู้เขียนคือ Anthony Grey อดีตผู้สื่อข่าวภาคพื้นตะวันออกไกลของ BBC ประวัติที่โชกโชนของเขาในการทำข่าวแถบนี้รวมถึงการติดคุก (ดูเหมือนจะถูกขังเดี่ยวด้วย) ในเมืองจีนถึงสองปีกว่า

ข้อมูลในเรื่องนี้แน่นมาก เป๊ะมาก แต่วิธีเล่าเรื่องสนุก บรรยายได้มีชีวิตชีวา  ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียด
ดำเนินเรื่องได้ฉับไว ตัดฉากไปมาเหมือนดูหนัง
แต่ก็เชื่อมร้อยตัวละครให้มีความเกี่ยวพันกันได้อย่างลงตัว


ที่สนุกคือ มันมีความดราม่าอยู่ในหนังสือด้วย
ตัวละครมีคาแรคเตอร์ “กลม” มีเลือดมีเนื้อ มีความกล้าหาญ ทะนงตัวโอ้อวด สร้างภาพ เห็นแก่ต้ว จริงใจต่อมิตรภาพ คิดถึงแต่ผลประโยชน์ตัวเอง เสียสละอดทน ทุ่มเทเพื่ออุดมการณ์ ขมขื่น ตามใจตัวเองจนภายหลังจมอยู่กับความรู้สึกผิด แก้ไขข้อผิดพลาดของตนเอง  มีช่วงเวลาที่สนุกสนานอิ่มเอม และช่วงที่หม่นเศร้า

หลายๆบทในเรื่อง ดิฉันต้องพลิกผ่านๆ ไม่กล้าอ่านละเอียดโดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พูดถึงความทรมานของเชลยศึกหรือบรรดาชาวเวียดนามที่กำลังถูกกดขี่

อ่านแล้วจิตตก มันโหดเถื่อนโดยแท้

แต่ฉากที่บรรยายถึงความสวยงามของทิวทัศน์ สายน้ำ ทิวเขา เมือง และพระราชพิธีที่อลังการ ก็บรรยายได้ดีมาก

ฉากสงคราม ก็เล่าได้สมจริง และแทรกเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ผสานให้ตัวละครหลักได้มีปฏิสัมพันธ์กับบุคคลสำคัญที่มีจริงอย่างท่านโฮจิมินห์ได้อย่างลงตัว

ฉากรัก ฉากเซ็กส์ ก็เล่าได้โทนฮอลลีวู้ด ฮอลลีวูด
เพี้ยนขำหนักมาก


ผู้เขียนทำการบ้านเป๊ะมาก
คำบรรยายเล็กๆน้อยๆ ไม่มีหลุดเลยค่ะ
เช่นบรรยายตอนพระเอกซึ่งขณะนั้นอายุ 15 ได้ไปเวียดนามในปี 1925 และมีโอกาสได้เข้าร่วมพระราชพิธีเฉลิมฉลองวันตรุษของปีฉลู

บรรยายรายละเอียดแค่นี้น่ะค่ะ
แต่ผู้อ่านอย่างดิฉันดีดลูกคิดในหัวเลยว่า 1925 ใช่ปีฉลูจริงดิ ?
จริงค่ะ มันคือปีฉลูไม้ (อันนี้ ธาราสินธุ์เสริมเอง)
555


คือ เวลาบรรยายปี อายุตัวละคร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปีนั้น ความสัมพันธ์เกาะเกี่ยวของอายุตัวละครที่เกี่ยวพันกันไป ไม่มีข้อต่อไหนหลุดเลย

เช่น
บอกว่า ปีนี้เกิดเหตุการณ์นี้กับตัวละครนี้
พอถึงปีนี้ ปีนี้ ผู้อ่านจะเคาะในหัวได้เลยว่า ตัวละครตัวนี้ตอนนี้อายุเท่าไรแล้ว

ดิฉันชอบโฟกัสประเด็นเรื่องอายุ เหตุการณ์ ปี สำหรับคำบรรยายในนิยายเสมอ เพราะมันแสดงให้เห็นถึงความรอบคอบในการผูกเรื่องของคนเขียน
มันจะสนุกยิ่งขึ้นไปอีก เวลามีพี่น้องลูกหลาน ดิฉันคำนวณตามสนุกไปเลยค่ะ

คนแปล ก็แปลได้เนี้ยบมากค่ะ
กระชับ สวยงาม และไม่พลาดแม้ในจุดเล็กๆน้อยๆ
เช่น มีฉากที่พูดถึงตอนจักรพรรดิ์กำลังซวนเซแล้วองค์รัชทายาทไปประคองที่ “พระกโบร”

เพี้ยนเพลีย
นี่งงเลยนะคะ พระกโบรคืออิหยังคะ ?
ต้องไปค้นถึงทราบว่า พระกโบรคือข้อศอก


โดยรวมก็จะมีแนะนำค่ะว่า เรื่องนี้ ถ้ายังหาได้ หามาอ่าน ก็จะได้ทั้งความรู้แทรกไปพอๆกับความสนุก
เหมือนได้อ่านประวัติศาสตร์ในเวอร์ชั่นภาพขาวดำที่เอามาแต่งสีให้มีชีวิต
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่