สวัสดีครับ พอดีมีเรื่องกังวลใจอย่างมาก สุขภาพจิตแย่มากๆ ตอนนี้ ขออนุญาตเล่านะครับ
ช่วงต้นเดือน เราได้อ่านเพจคุณหมอที่เป็นมะเร็งปอด แล้วรู้สึกกังวล เพราะอายุเท่ากัน (28) ตอนอาบน้ำเราเลยลองสำรวจตัวเองดู ก็คลำก้อนบริเวณขาหนีบ รักแร้ ไม่มี แต่ไปสะดุดกับก้อนเล็กๆ บริเวณกระดูกเหนือไหปลาร้า แล้วยังเจอก้อนนูนเล็กๆ บริเวณใต้คาง และคอทางด้านขวา (ก้อนนูนบริเวณคอทางด้านขวาคลำเจอหลายเดือนแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าใหญ่ขึ้น)
เลยมีความกังวลมาก จึงไปหมอศัลยกรรมที่ รพ.ตามสิทธิ์ คุณหมอให้ยาแก้อักเสบมา เพราะคิดว่ามาจากต่อมน้ำเหลืองอักเสบจากกที่เราไปตัดเหงือกมาอาทิตย์ก่อน แต่กินยาแล้วก้อนไม่ยุบ อาทิตย์ต่อมาจึงไปพบหมอที่ รพ.ตามสิทธิ์เช่นเดิม แต่เปลี่ยนไปหาหมอ หู คอ จมูก แทน คุณหมอคลำพบก้อนจริง แต่บอกว่า ก้อนเล็กเกินกว่าจะเป็นโรค แต่ให้นัดทำอัลตร้าซาว ช่วงต้นเดือนธันวา
และช่วงนั้นเราได้งานใหม่พอดี แต่ต้องตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน จึงไปตรวจที่ รพ เอกชน โดยมีการเป่าปอด และเอ็กซเรย์ปอด โดยการเป่าปอด เราทำอยู่ 3 รอบ ไม่ผ่าน จนมีพยาบาลอีกท่านเข้ามาสอนวิธีเป่า จึงเป่าผ่าน ตอนนั้นเริ่มรู้สึกใจไม่ค่อยดีแล้ว พอผลเอ็กซเรย์ออกมาปรากฎว่า มีความผิดปกติ พบเงาจุดฝ้าซ้อนทับบริเวณปอดซ้ายบน เงาจุดฝ้าจางๆอีกหลายจุด ซ้อนทับปอดขวา ตอนนั้นคิดว่าเป็นผลจากการติดโควิดรอบ 2 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
วันต่อมาจึงไปที่พบคุณหมออายุกรรม รพ.รัฐแห่งหนึ่ง คุณหมอเปิดภาพเอ็กซเรย์ปอดดู พบความผิดปกติจริงๆ คุณหมอจึงถามว่า ไอมั้ย น้ำหนักลดมั้ย สูบบุหรี่หรือไม่ เคยใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรคหรือเปล่า (พี่ชายเราเคยเป็นวัณโรค 2 รอบ แต่ 10กว่าปี เกือบ 20ปีแล้ว) เราไม่สูบบุหรี่ น้ำหนักก็ไม่ลด ไม่ไอที่บ้านไม่มีกรรมพันธุ์มะเร็งเลย คุณหมอจึงจับก้อนบริเวณคอ และแนะนำให้ไปทำ CT scan ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ และ ส่องกล้องโพรงจมูก เราจึงรีบไปทำ ct scan ที่ รพ เอกชนในวันนั้นเลย แต่ด้วยความที่เรากังวลมาก ในระหว่างรอคิว ct scan จึงไปพบคุณหมอหูคอจมูกที่ รพ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ ทางคุณหมอได้จับก้อน และบอกว่า เหมือนก้อนต่อมน้ำเหลืองปกติ และอยากได้ผล ct scan ก่อน
เราจึงรีบกลับไปให้ทันคิว ct scan ที่ รพ เอกชน ผลออกมาว่า เรามีก้อนเนื้อในปอดจริงๆ ทั้งมีหินปูนเกาะจากรอยวัณโรคเก่า และก้อนเนื้ออื่นเล็กๆขนาดมิลลิเมตร และ มี 1ก้อน ที่ประมาณ 1เซนติเมตร ตอนนั้นเราเริ่มจิตตก ร้องไห้ คิดว่าไม่รอดจากโรคร้ายแน่ๆแล้ว พยาบาลแจ้งว่า พรุ่งนี้คุณหมอจะโทรไปอ่านผลให้ฟัง เบื้องต้นเราจึงถ่ายใบผล ct scan ไปให้พี่เราที่เป็นหมอ และเพื่อนของเขาที่เป็นหมอหูคอจมูก พี่เราบอกว่า ไม่น่าใช้มะเร็ง เพราะในใบบอกว่า less likely metas = โอกาสน้อย เราจึงสบายใจขึ้นมานิดนึง
แต่ช่วงบ่ายของอีกวัน ความรู้สึกเหมือนโลกถล่ม เรารู้เลยว่าเป็นยังไง คุณหมอที่โรงพยาบาลเอกชนโทรมาอ่านผล ct scan บอกว่า ก้อนอื่นๆ ที่ไม่ใช่รอยวัณโรคนั้น มีโอกาส 80% เป็นมะเร็ง เพราะมีหลอดเลือดมาเลี้ยง เราจึงถามว่าเนื้อร้ายเริ่มที่ปอดหรือเปล่า คุณหมอบอกว่า ไม่ใช่ เป็นที่อื่น และแพร่กระจายมาที่ปอด เพราะถ้าเป็นที่ปอด จะมีก้อนใหญ่ 1 ก้อน และบอกว่ามะเร็งที่ชอบลามไปปอด จะมีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งไทรอยด์ (เราไม่มีอาการของมะเร็งเหล่านี้เลย เพราะอ่านมาบ้าง ไม่เหงื่อออกตอนกลางคืน ไม่มีไข้ต่ำ น้ำหนักไม่ลด ที่ใกล้เคียงคือก้อนเล็กๆที่คอเท่านั้น) ตอนนั้นเราบอกที่บ้านและญาติทันที ร้องไห้หนักมาก ทำใจไม่ได้เลย
วันต่อพี่สาวเราที่เป็นหมอ จึงให้ไปพบอาจารย์แพทย์อารุกรรม ที่ รพ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ ให้ช่วยดู พอไปถึง อ.แพทย์เปิดภาพ ct scan บอกว่า ไม่คิดว่าเป็นมะเร็ง มีโอกาสเป็น 10% เพราะก้อนเล็กมาก หลักมิลลิเมตร สงสัยเป็นวัณโรค เราจึงถามว่า จำเป็นต้องไอมั้ย เพราะเราไม่ไอเลย คุณหมอบอกไม่จำเป็น ตอนนั้นงงและสับสนเราไปหมด แต่แค่คำพูดนี้ มันทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาก กินข้าวได้ (ไม่อยากรู้สึกแบบนี้ เพราะยังต้องส่องกล้องโพรงจมูก และตัดชิ้นเนื้อที่คอไปตรวจอีก กลัวผลออกมาว่าถ้าเราเป็นจะดิ่งกว่าเดิม) และให้นัดติดตามผล มา ct scan อีก 3 เดือนข้างหน้าเพื่อดูว่าก้อนโตขึ้นหรือเปล่า
เราจึงอยากถามทุกท่านที่ได้อ่านกระทู้เราว่าการที่หมอ 2 ท่าน อ่านผล ct scan ต่างกันขนาดนี้ 80% กับ 10% สามารถเป็นไปได้มั้ยครับ มันปกติหรือเปล่า เพราะหมอทั้งสองท่านก็เป็นหมอที่เชี่ยวชาญโรคปอดทั้งคู่ แล้วการที่มีก้อนเนื้อในปอด ถ้าไม่ใช่เนื้อร้าย มันสามารถเป็นก้อนเนื้ออย่างอื่นได้หรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
พบก้อนเนื้อเล็กๆในปอด จำเป็นมั้ยว่าต้องเป็นเนื้อร้าย
ช่วงต้นเดือน เราได้อ่านเพจคุณหมอที่เป็นมะเร็งปอด แล้วรู้สึกกังวล เพราะอายุเท่ากัน (28) ตอนอาบน้ำเราเลยลองสำรวจตัวเองดู ก็คลำก้อนบริเวณขาหนีบ รักแร้ ไม่มี แต่ไปสะดุดกับก้อนเล็กๆ บริเวณกระดูกเหนือไหปลาร้า แล้วยังเจอก้อนนูนเล็กๆ บริเวณใต้คาง และคอทางด้านขวา (ก้อนนูนบริเวณคอทางด้านขวาคลำเจอหลายเดือนแล้ว ไม่ได้รู้สึกว่าใหญ่ขึ้น)
เลยมีความกังวลมาก จึงไปหมอศัลยกรรมที่ รพ.ตามสิทธิ์ คุณหมอให้ยาแก้อักเสบมา เพราะคิดว่ามาจากต่อมน้ำเหลืองอักเสบจากกที่เราไปตัดเหงือกมาอาทิตย์ก่อน แต่กินยาแล้วก้อนไม่ยุบ อาทิตย์ต่อมาจึงไปพบหมอที่ รพ.ตามสิทธิ์เช่นเดิม แต่เปลี่ยนไปหาหมอ หู คอ จมูก แทน คุณหมอคลำพบก้อนจริง แต่บอกว่า ก้อนเล็กเกินกว่าจะเป็นโรค แต่ให้นัดทำอัลตร้าซาว ช่วงต้นเดือนธันวา
และช่วงนั้นเราได้งานใหม่พอดี แต่ต้องตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน จึงไปตรวจที่ รพ เอกชน โดยมีการเป่าปอด และเอ็กซเรย์ปอด โดยการเป่าปอด เราทำอยู่ 3 รอบ ไม่ผ่าน จนมีพยาบาลอีกท่านเข้ามาสอนวิธีเป่า จึงเป่าผ่าน ตอนนั้นเริ่มรู้สึกใจไม่ค่อยดีแล้ว พอผลเอ็กซเรย์ออกมาปรากฎว่า มีความผิดปกติ พบเงาจุดฝ้าซ้อนทับบริเวณปอดซ้ายบน เงาจุดฝ้าจางๆอีกหลายจุด ซ้อนทับปอดขวา ตอนนั้นคิดว่าเป็นผลจากการติดโควิดรอบ 2 เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
วันต่อมาจึงไปที่พบคุณหมออายุกรรม รพ.รัฐแห่งหนึ่ง คุณหมอเปิดภาพเอ็กซเรย์ปอดดู พบความผิดปกติจริงๆ คุณหมอจึงถามว่า ไอมั้ย น้ำหนักลดมั้ย สูบบุหรี่หรือไม่ เคยใกล้ชิดกับผู้ป่วยวัณโรคหรือเปล่า (พี่ชายเราเคยเป็นวัณโรค 2 รอบ แต่ 10กว่าปี เกือบ 20ปีแล้ว) เราไม่สูบบุหรี่ น้ำหนักก็ไม่ลด ไม่ไอที่บ้านไม่มีกรรมพันธุ์มะเร็งเลย คุณหมอจึงจับก้อนบริเวณคอ และแนะนำให้ไปทำ CT scan ตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ และ ส่องกล้องโพรงจมูก เราจึงรีบไปทำ ct scan ที่ รพ เอกชนในวันนั้นเลย แต่ด้วยความที่เรากังวลมาก ในระหว่างรอคิว ct scan จึงไปพบคุณหมอหูคอจมูกที่ รพ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ ทางคุณหมอได้จับก้อน และบอกว่า เหมือนก้อนต่อมน้ำเหลืองปกติ และอยากได้ผล ct scan ก่อน
เราจึงรีบกลับไปให้ทันคิว ct scan ที่ รพ เอกชน ผลออกมาว่า เรามีก้อนเนื้อในปอดจริงๆ ทั้งมีหินปูนเกาะจากรอยวัณโรคเก่า และก้อนเนื้ออื่นเล็กๆขนาดมิลลิเมตร และ มี 1ก้อน ที่ประมาณ 1เซนติเมตร ตอนนั้นเราเริ่มจิตตก ร้องไห้ คิดว่าไม่รอดจากโรคร้ายแน่ๆแล้ว พยาบาลแจ้งว่า พรุ่งนี้คุณหมอจะโทรไปอ่านผลให้ฟัง เบื้องต้นเราจึงถ่ายใบผล ct scan ไปให้พี่เราที่เป็นหมอ และเพื่อนของเขาที่เป็นหมอหูคอจมูก พี่เราบอกว่า ไม่น่าใช้มะเร็ง เพราะในใบบอกว่า less likely metas = โอกาสน้อย เราจึงสบายใจขึ้นมานิดนึง
แต่ช่วงบ่ายของอีกวัน ความรู้สึกเหมือนโลกถล่ม เรารู้เลยว่าเป็นยังไง คุณหมอที่โรงพยาบาลเอกชนโทรมาอ่านผล ct scan บอกว่า ก้อนอื่นๆ ที่ไม่ใช่รอยวัณโรคนั้น มีโอกาส 80% เป็นมะเร็ง เพราะมีหลอดเลือดมาเลี้ยง เราจึงถามว่าเนื้อร้ายเริ่มที่ปอดหรือเปล่า คุณหมอบอกว่า ไม่ใช่ เป็นที่อื่น และแพร่กระจายมาที่ปอด เพราะถ้าเป็นที่ปอด จะมีก้อนใหญ่ 1 ก้อน และบอกว่ามะเร็งที่ชอบลามไปปอด จะมีมะเร็งต่อมน้ำเหลือง และมะเร็งไทรอยด์ (เราไม่มีอาการของมะเร็งเหล่านี้เลย เพราะอ่านมาบ้าง ไม่เหงื่อออกตอนกลางคืน ไม่มีไข้ต่ำ น้ำหนักไม่ลด ที่ใกล้เคียงคือก้อนเล็กๆที่คอเท่านั้น) ตอนนั้นเราบอกที่บ้านและญาติทันที ร้องไห้หนักมาก ทำใจไม่ได้เลย
วันต่อพี่สาวเราที่เป็นหมอ จึงให้ไปพบอาจารย์แพทย์อารุกรรม ที่ รพ.ที่เป็นโรงเรียนแพทย์ ให้ช่วยดู พอไปถึง อ.แพทย์เปิดภาพ ct scan บอกว่า ไม่คิดว่าเป็นมะเร็ง มีโอกาสเป็น 10% เพราะก้อนเล็กมาก หลักมิลลิเมตร สงสัยเป็นวัณโรค เราจึงถามว่า จำเป็นต้องไอมั้ย เพราะเราไม่ไอเลย คุณหมอบอกไม่จำเป็น ตอนนั้นงงและสับสนเราไปหมด แต่แค่คำพูดนี้ มันทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาก กินข้าวได้ (ไม่อยากรู้สึกแบบนี้ เพราะยังต้องส่องกล้องโพรงจมูก และตัดชิ้นเนื้อที่คอไปตรวจอีก กลัวผลออกมาว่าถ้าเราเป็นจะดิ่งกว่าเดิม) และให้นัดติดตามผล มา ct scan อีก 3 เดือนข้างหน้าเพื่อดูว่าก้อนโตขึ้นหรือเปล่า
เราจึงอยากถามทุกท่านที่ได้อ่านกระทู้เราว่าการที่หมอ 2 ท่าน อ่านผล ct scan ต่างกันขนาดนี้ 80% กับ 10% สามารถเป็นไปได้มั้ยครับ มันปกติหรือเปล่า เพราะหมอทั้งสองท่านก็เป็นหมอที่เชี่ยวชาญโรคปอดทั้งคู่ แล้วการที่มีก้อนเนื้อในปอด ถ้าไม่ใช่เนื้อร้าย มันสามารถเป็นก้อนเนื้ออย่างอื่นได้หรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ