รถเมล์ไทยขึ้นทีไรเหมือนเป็นบททดสอบความดวงแข็งของผู้โดยสาร

วันนี้ขึ้นรถเมล์สาย 64 จากบริเวณข้างโรงเรียนโยธิน เวลาประมาณแปดโมงเช้า เราลงจากสะพานลอยตรงนั้นมาเห็นรถเมล์สาย 117 จอดอยู่บนิเวณป้ายรถเมล์หน้ารถเมล์สาย 64 ตัวเราเองเลยรอขึ้น 64 ก็รอ 117 ออกไปก่อน สรุปพอ117 ขับออกไป แทนที่ 64 จะจอดรับผู้โดยสาร(มีน้องผู้ชายคนนึงยืนรอขึ้น64อยู่) กลับเร่งเครื่องและทำท่าจะไม่รับผู้โดยสารจนน้องผู้ชายคนนั้นเดินลงไปที่ถนน 64 ถึงจอดรับ เราเองก็วิ่งขึ้นไป จากนั้นครขัยสาย 64 ก็ขับเร็วและพยายามที่จะแซงรถเมล์สาย 117 อยู่ตลอด(เวลาโค้ง สาย117 โค้งเลนใน สาย64 จะโค้งเลนนอกและพยายามเร่วความเร็วเพื่อแซง) พอมาถึงป้ายตรงหน้าวัดสร้อยทอง มีเด็กนักเรียนจำนวนหนึ่งจะลงที่ป้ายนั้น แต่รถเมล์ไม่ยอมจอดเทียบฟุตบาตแต่จอดที่เลนที่สองเพื่อที่จะใช้จังหวะที่สาย 117 จอดเทียบป้ายแซงหน้า117ไป ตรงนี้อันตรายกับผู้โดยสารมากๆ ตอนเช้ารถบริเวณนั้นจะเยอะเพราะเป็นบริเวณหน้าโรงเรียน และเป็นช่วงเวลาตอนเช้า พอมาถึงสามแยกที่จะเลี้ยวซ้ายไปราชมงคลพระนคร(ตรงข้าม มจพ.) เรากับนักศึกษาจะลงที่ป้ายนี้(หน้าม.ราชมงคล) จริงๆป้ายรถเมล์กับสามแยกไม่ได้ไกลกันมาก ปกติเราจะลุกก่อนที่รถจะเลี้ยวตรงแยกหรือลุกตอนที่รถกำลังเลี้ยวเพื่อนเตรียมตัวลง เพราะถ้าลุกช้าแล้วคนขับไม่เห็นหรือไม่ทันได้ยินเสียงกริ่งก็อาจจัไม่จอดแล้วเลยป้าย แต่วันนี้เราไม่กล้าลุกก่อนเลี้ยวหรือในขณะเลี้ยวเลยเพราะคนขับขับเหมือนไปโดนตัวไหนมา สาดโค้งและพยายามแซง117 ไม่หยุด เรากลัวว่าถ้าลุกแล้วจะล้มเสียหลักกลิ้งไปขี่คอคนขับเลยรอให้รถเลี้ยวก่อนแล้วค่อยลุก พอรถเลี้ยวน้องนศ.เห็นเราลุก เขาก็ลุกตาม แต่ยังไม่จบ ด้วยความที่ตรงนั้นจะมีป้ายรถเมล์สองป้ายติดกัน สาย117 มาถึงป้ายแรกก่อน ด้วยความที่คุณพี่คนขับสาย64 ก็กลัวว่าถ้ารอเข้าป้ายหลัง117 ก็จะทำให้แซงไม่ได้ เลยปาดหน้า 117 กับรถกระบะอีกคันหนึ่งที่อยู่หน้ารถเมล์สาย117 ไปจอดป้ายรถเมล์ถัดไปที่อยู่ข้างๆกันแทน เรารีบก้าวขาลงเพราะกลัวว่ารถจะออกก่อนเท้าสองข้างจะแตะพื้นตามสไตล์รถเมล์ไทย แต่ก็เข้าอีหรอบเดิมก็คือขายังไม่ทันจะก้าวพ้นรถเมล์ คนขับก็อยากจะออกตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วแสงพอลงมาได้กะจะหันไปถ่ายเลขรถแต่คุณพี่คนขับไวกว่าเหยียบคันเร่งทะลุไปถึงห้องเครื่องด้วยความเร็วเร็วกว่าเครื่องบินเจ็ทไม่ทันได้ถ่ายรูปหรือดูเลขรถเพื่อไปร้องเรียนอะไร ได้แต่คิดว่าขอบคุณปู่ย่าตายายที่คอยคุ้มครองให้หลานคนนี้ยังไม่เสียหลักถูกม้วนไปอยู่ใต้ล้อรถเมล์ เป็นเวลาสั้นๆที่เหมือนได้ไปทัวร์นรกของจริง พอลงมาคิดอย่างเดียวว่าความปลอดภัยของผู้โดยสายอยู่ตรงไหน
-ทำไมรถเมล์หลายๆสายต้องคอยที่จะแข่งกันแซงกันเพื่ออะไร แย่งผู้โดยสารกันหรือแข่งกันทำรอบแล้วจะได้เงินเยอะกว่าอันนี้ไม่ทราบจริงๆ
-การจอดเทียบป้ายและจอดรับส่งผู้โดยสารใน “ทุกๆ”ที่กำหนดไว้ไม่ใช่เรื่องที่พึงกระทำหรอ เพราะมันคือความปลอดภัยของผู้โดยสารจริงๆ บางทีมอเตอร์ไซต์แซงมาชนผู้โดยสาร
-ควรดูให้ผู้โดยสารลงถึงป้ายอย่างปลอดภัยก่อนแล้วค่อยออกตัวหรือไม่ ยิ่งคนแก่ๆที่ไม่ได้มีความคล่องแคล่วในการก้าวขึ้นลงบันไดเหมือนคนหนุ่มสาวก็ยิ่งแล้วใหญ่บางทีอาจพลาดเหยียบถึงพื้นไม่ทันรถเมล์ออกตัวล้มหรือเกิดอุบัติเหตุได้
-คนขับรถมีการตรวจหาสารเสพติดเป็นประจำหรือไม่ เพราะพฤติกรรมในการขับรถของคนขับ ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าคุณพี่ไปโดนตัวไหนมา แล้วคุณพี่ได้ใบอนุญาตขับรถขนส่งสาธาณะมาได้อย่างไรในเมื่อพฤติกรรมในการขับขี่ การใช้รถใช้ถนนร่วมกับผู้อื่นค่อนไปในทางแย่มาก
 ทุกวันนี้ไม่ต้องเก็นเงินไปเที่ยวสวนสนุกแล้วเพราะเหมือนได้นั่งรถไฟเหาะทุกวันที่ขึ้นรถเมล์ ขึ้นไปทีไรกำพระแน่นจนพระท่านหายใจไม่ออก มองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นอาม่ากวักมือเรียกหยอยๆให้ไปอยู่ด้วยกัน เหมือนเป็นบททดสอบว่าคนดวงแข็งเท่านั้นที่จะรอดไปจากรถเมล์ได้
สุดท้ายขอฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลสอดส่องพฤติกรรมของคนขับรถโดยสาร เรื่องพฤติกรรมในการขับขี่ และมารยาทบนท้องถนนที่พึงมี เพื่อให้ผู้โดยสารทุกคนไม่ต้องห่วงว่าวันไหนจะเสียหลักมุดไปอยู่ใต้ท้องรถเมล์ หรือโดนมอไซต์ที่แซงมาชนเพราะว่ารถเมล์ไม่ได้จอดเทียบป้าย
**ขึ้นรถเมล์สาย 64 ประมาณ 8:00 ถึงหน้า มจพ ประมาณ 8:05
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่