เล่ห์ดวงใจ (8)

.

                        8
          ___________________________________________

 
          “ค่ะพ่อ ขวัญสบายดีค่ะ ไม่ต้องห่วงขวัญนะคะ ขวัญดูแลตัวเองได้”
          “พ่อเองก็ดูแลตัวเองด้วย วันหยุดขวัญจะหาเวลากลับไปบ้านนะคะ คิดถึง รักพ่อที่สุดเลย พ่อคะ แค่นี้ก่อนนะคะ ขวัญขอตัวไปทำงานก่อน สวัสดีค่ะพ่อ”
          เพียงขวัญโทรศัพท์หาผู้เป็นบิดาแต่เช้า หล่อนไม่เคยห่างพ่อเลยตั้งแต่เด็ก นี่เป็นครั้งแรกที่ห่างกัน คนเป็นพ่อจึงค่อนข้างห่วงเธอมาก โทรศัพท์หาแทบทุกวัน 
          ปกติท่านจะไม่ห่วงขนาดนี้ พอมีเรื่องของอิชยะเข้ามา จึงทำให้ท่านห่วงเธอเป็นเท่าทวีคูณ กลัวว่าลูกสาวคนเดียวจะคิดมาก หารู้ไม่ว่า เธอคือผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สุดในปฐพี หล่อนไม่ได้แกล้งเข้มแข็งเพราะไม่อยากให้พ่อห่วง แต่หล่อนทำใจได้จริง ๆ
          ก่อนจะเดินไปขึ้นรถ เพียงขวัญมองไปยังห้องพักของการันต์ เห็นประตูปิดสนิท รถที่จอดอยู่ก็ไม่มี เขาคงกลับไปทำงานแล้ว “กลับแต่เช้าจริงแฮะ” บ่นอุบอิบให้เจ้าของห้อง กะว่าตื่นเช้ามาจะแวะขอบคุณเสียหน่อย กลับกลายเป็นว่าเขาตื่นเช้ากว่า และกลับไปทำงานก่อนแล้ว 
          เมื่อคืนหล่อนยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย เหตุการณ์มันฉุกละหุก ทำให้หล่อนยังไม่ได้เอ่ยคำขอบคุณออกไป อีกทั้งนทีด้วย ที่ยังไม่ได้รับคำขอบคุณ ถึงอย่างไรหล่อนก็จะหาเวลาขอบคุณเขาให้ได้ล่ะ โดยเฉพาะการันต์
 
 
          เช้านี้เพียงขวัญมาทำงานด้วยหัวใจตุ่ม ๆ ต่อม ๆ คิดว่าในที่ทำงานจะมีคนทราบเรื่องเมื่อคืนหรือไม่ นอกจากประภาวรินทร์กับนทีแล้ว ภาวนาอย่าให้มีใครรู้เลย ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนคนที่ตกน้ำคือเธอเอง ไม่อย่างนั้นเธอคงอายและเขินทั้งวัน มาถึงโต๊ะทำงาน วนารีก็ปรี่เข้ามาหาทันที 
          “ขวัญเป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนพลอยไปเดินงานลอยกระทง ได้ยินคนในงานพูดถึงเหตุการณ์วัยรุ่นทะเลาะกัน และชนคนที่มาลอยกระทงตกน้ำ พลอยไม่รู้ว่าเป็นขวัญ พึ่งมารู้เมื่อเช้านี้พี่รินทร์เล่าให้ฟัง” เพียงขวัญแทบอย่างจะร้องไห้ นึกค้อนประภาวรินทร์อยู่ในที ‘พี่รินทร์นะพี่รินทร์’ วนารีเป็นเพื่อนสนิทของเธอเพียงคนเดียวระหว่างทำงานอยู่ที่นี่ “บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” เจ้าหล่อนไม่เพียงแค่ถามเฉย ๆ จับตัวเธอหมุนไปหมุนมา 
 
          “พลอย… ขวัญไม่เป็นไรจ้า ตกน้ำเฉย ๆ ไม่เจ็บ ไม่จม แต่เขิน” เพียงขวัญพูดเหนียมอาย เขินที่มีคนรู้ “โชคดีที่คุณนทีกับพี่ชายของพี่รินทร์กระโดดลงไปช่วยทัน ไม่งั้นขวัญอาจจมน้ำไปแล้วก็ได้ พูดแล้วก็น่าโมโห” เพียงขวัญเล่า จากเขินอายเปลี่ยนเป็นเจ็บใจแทน เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน จากที่เธอจะได้เดินเที่ยวชมงานสนุก ๆ กลายเป็นว่าต้องกลับก่อนเวลาอันควร ครั้นจะกลับไปอีกรอบ ก็หมดอารมณ์ที่จะเที่ยวแล้ว 
          “พวกวัยรุ่นพ่อแม่สั่งสอนแล้วไม่จำเนี่ยนะ คิดว่าตัวเองเก่ง เก่งแต่สร้างปัญหาให้คนอื่น” เป็นทีของวนารีบ่นบ้าง เพียงขวัญยิ้มขำ วนารีนิสัยดี ซื่อ ๆ จริงใจเท่าที่หล่อนสัมผัสได้ ตั้งแต่ย้ายมาวันแรกที่ได้ทำความรู้จัก และเป็นเพื่อนกัน “อ้าวพี่รินทร์ สวัสดีค่ะ” วนารีมองเห็นรุ่นพี่กำลังเดินมาจึงเอ่ยทักทาย ประภาวรินทร์เดินตรงมายังโต๊ะทำงานของพวกเธอสองคน
          “สวัสดีค่ะพี่รินทร์” เพียงขวัญกล่าวทักทายอีกคน
          “สวัสดีทั้งสองคนเช่นกันจ้ะ น้องขวัญน้องพลอย” ประภาวรินทร์เอ่ยทักทายทั้งคู่ “นินทาใครอยู่เหรอ คุยด้วยบ้างสิ” ประภาวรินทร์แกล้งพูดขำขัน นึกถูกชะตากับเพียงขวัญเข้าแล้ว ส่วนวนารีก็เป็นคนซื่อ ๆ ทำงานด้วยกันมานาน ประภาวรินทร์ก็ถูกจริตเหมือนกัน จึงชอบแวะเวียนมาคุยด้วยตลอด
          “ไม่ได้นินทาใครค่ะ พลอยถามขวัญถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่พี่รินทร์เล่าให้ฟังแหละ” เพื่อนรุ่นพี่พยักหน้าหงึก ๆ
          “พี่รินทร์คะ ขวัญยังไม่ได้ขอบคุณผู้จัดการเลยเรื่องเมื่อคืน ขวัญฝากไปขอบคุณด้วยนะคะ” เพียงขวัญไม่ลืมที่จะฝากคำขอบคุณไปยังเจ้านาย ถ้าเจอกันอีกก็จะขอบคุณเขาอีกครั้งเช่นกัน 
          “ได้จ้ะ แต่พี่รับฝากแค่คนเดียวนะ ส่วนคนอื่นน่ะ น้องขวัญไปขอบคุณเอง” ประภาวรินทร์พูดเป็นนัย ๆ ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับเพียงขวัญ ก่อนจะขอตัวและดินไปยังโต๊ะทำงานของตน 
          สิ่งที่ประภารินทร์กล่าวไปเมื่อครู่ ทำให้วนารีสงสัยยิ่งนัก แต่เพียงขวัญก็บ่ายเบี่ยงและปฏิเสธไปจนได้ เมื่อถึงเวลาเริ่มงานทั้งคู่ก็แยกย้ายกันประจำที่ของใครของมัน มีเสียงซุบซิบดังแว่วให้ได้ยินว่า พวกเธอทั้งสองเด็กเส้นเพราะเห็นดูสนิทกับประภารินทร์ ผู้ซึ่งเป็นถึงภรรยาผู้จัดการแผนก เพียงขวัญกับวนารีก็ไม่สนใจ พวกเธอทำงานด้วยความสามารถทั้งนั้น
 
 
            ‘ขวัญทำอะไรครับ ผมคิดถึงขวัญนะ หายโกรธผมหรือยัง ผมขอโทษขวัญนะครับ’

          ‘ผมรักขวัญ ผมเลือกขวัญ ขวัญให้อภัยผมนะครับ ให้ผมทำอะไรก็ยอม แค่ขวัญหายโกรธผมก็พอ’

          ‘ผมรู้ว่าขวัญอ่านข้อความของผมอยู่ ขวัญให้อภัยผมนะ นะครับ ผมรักขวัญ’

          ขณะที่เพียงขวัญกำลังก้มหน้าก้มตาทำงาน อิชยะก็ส่งข้อความมาง้อซ้ำแล้วซ้ำเล่า หล่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นเปิดอ่าน ถอนหายใจ มันจุกในหัวใจไปหมด 
          หล่อนสามารถปิดกั้นการติดต่อเขาได้ แต่ไม่ทำ เพราะที่ผ่านมาหล่อนทำไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง อิชยะก็ยังหาทางติดต่อเธอได้สำเร็จ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ทำไมนะเขายังพยายาม 
          เพียงขวัญกลัวเหลือเกินว่าสักวันจะใจอ่อนกับการง้อของเขา ทว่าภาพที่เขากับผู้หญิงคนนั้นมันยังชัดเจนในใจ มันไม่เคยหายไปจากความจำของเธอ มันผุดขึ้นมาทุกคราวที่อิชยะเอ่ยคำขอโทษ และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาทำผิดกับเธอ เพียงครั้งนี้เธอรับมันไม่ได้อีกต่อไป ถึงได้หลบหน้าขอย้ายงานหนีมาที่นี่ แต่อิชยะก็ยังตามมาหลอกหลอนเธอด้วยเพียงคำว่า ‘รัก’ คำเดียว
          ภาพที่อิชยะอยู่บนเตียงกับผู้หญิงคนนั้น ภาพที่ทั้งสองคนกอดกันต่อหน้าต่อตาของเธอ ทำไมอิชยะถึงคิดว่าเธอจะให้อภัยเขา คำพูดที่โยนความผิดไปให้ผู้หญิงคนนั้น พวกเขาไม่ได้คิดอะไรกัน แต่นอนอยู่บนเตียงเดียวกัน คำพูดที่ผู้หญิงคนนั้นหยามเหยียดเธอว่าเป็นคนโง่เง่า ให้อิชยะสวมเขาอยู่ได้ ยิ่งนึกถึงเรื่องราววันนั้นเพียงขวัญยิ่งเจ็บปวด 
          หยาดน้ำตาค่อย ๆ เอ่อล้นลงมาที่แก้ม คราวนี้เธอจะปิดกั้นการติดต่อเขาอีกรอบ เพราะเธอกลัวหัวใจตัวเองเหลือเกิน กลัวว่าจะใจอ่อนให้อภัยกับเขา อย่างทุกครั้งที่ผ่านมา แม้รู้ว่าปิดกั้นไป อิชยะก็หาทางติดต่อกลับมาใหม่อีกครั้งก็ตาม บางทีรอบนี้เขาอาจจะเบื่อ และเลิกตื้อเธอไปเลยก็ได้
          เพียงขวัญจัดการปิดกั้นการติดต่อสื่อสารกับอิชยะอีกครั้ง ไม่รู้นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่เธอทำแบบนี้ พลันสายตาก็มองเห็นชื่อของใครคนหนึ่งในบัญชีรายชื่อเพื่อน ‘การันต์’ เขาเป็นเพื่อนกับเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ ทว่าก็ไม่แปลกหากเขาจะมีช่องทางการติดต่อเธอ เพราะในเอกสารสัญญาเช่ามีเบอร์โทรศัพท์ของเธอที่ลงไว้ บางทีเขาอาจจะเอามาจากในนั้น บันทึกไว้ จึงมีไลน์ในการติดต่อ
          เพียงขวัญคาดไม่ถึง ยิ้มขำทั้งน้ำตา รีบปาดน้ำตาที่อาบแก้มอยู่ออกโดยเร็ว ดีล่ะเธอจะได้ทักไปขอบคุณเขาเสียเลย ไม่ต้องรอให้ถึงวันเสาร์ อีกตั้งหลายวันกว่าจะถึง เพียงขวัญรีบกดเพิ่มเขาเข้ามาในรายชื่อผู้ติดต่ออีกคน

          ‘สวัสดีค่ะพี่รันต์ ขวัญเอง ไม่รู้เลยว่าพี่รันต์มีไลน์ขวัญด้วย’ เธอฝากข้อความไว้ ไม่คิดว่าปลายทางจะตอบกลับมาเร็วขนาดนี้
          ‘ครับ พอดีพี่บันทึกเบอร์ของลูกหอทุกคนเอาไว้ในโทรศัพท์น่ะครับ’ การันต์ตอบกลับมา
          เพียงขวัญหัวเราะให้กับข้อความ สลัดอารมณ์ขุ่นมัวเรื่องของอิชยะทิ้งไป ค่อนขอดให้ข้อความที่อ่าน จะปล่อยให้เธอหลงตัวเองหน่อยก็ไม่ได้ สำหรับการันต์ เธอรู้สึกว่ายิ่งคุยกับเขามันยิ่งรู้สึกสบายใจที่สุด ไม่อยากปฏิเสธเลยว่า เขาเป็นผู้ชายที่อยู่ใกล้แล้วอบอุ่น แต่ก็นั่นแหละ แรก ๆ อะไรก็เหมือนจะดีไปหมด เช่น อิชยะที่ทำให้เธอดูเป็นตัวอย่าง 
          ‘ขวัญทักมาเพราะอยากขอบคุณเรื่องเมื่อคืนค่ะ ขอบคุณพี่รันต์ที่ช่วยขวัญนะคะ เมื่อเช้าขวัญออกมาทำงานไม่เจอพี่รันต์เลย พี่รันต์กลับไปก่อน ไม่ได้ขอบคุณเลย’
          ‘ไม่เป็นไรครับ คุณขวัญโอเคมั้ย บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า’ 
          หนุ่มใหญ่เมื่อเห็นเพียงขวัญทักมาเช่นนี้ เข้าทางเขาล่ะ เขาเหยียดยิ้มอย่างมีเลศนัย ดีล่ะ เขาจะใช้โอกาสนี้ได้ใกล้ชิดเธออีกครั้ง เขารู้สึกพิเศษกับสาวเจ้าจริง ๆ ตั้งแต่แรกเห็น หล่อนคล้ายของที่ทำหายมานานแล้วหาเจอ 
 
          ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับหล่อน มันคล้ายว่าเคยเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว ใช่… มันเคยเกิดขึ้นกับอารยา เขาเคยมีความรู้สึกพิเศษเช่นนี้กับอารยา อดีตคนรักเก่าที่แต่งงานกันได้เพียงสองปีก็มีเหตุให้ต้องหย่า จากนั้นเขาก็ครองตัวเป็นโสด ทำตัวเสเพล คบใครก็คบ ๆ เลิก ๆ อยู่อย่างนั้น เพราะเขารู้สึกว่า ผู้หญิงที่ผ่านมาเหล่านั้นยังไม่ใช่ และเพื่อกลบเกลื่อนปมในใจที่เขาเคยผิดหวังมาแล้ว
 
          เขาไม่ใช่หมาที่อยากจะหยอกไก่เล่น แต่เขาจริงจัง….
 
          ‘ไม่ค่ะ ไม่มี’ หล่อนตอบ
          ‘คุณขวัญจะขอบคุณพี่แค่ตัวหนังสือหรือ พี่นี่รีบกระโดดลงไปช่วยเลยนะ กลัวน้องขวัญจมน้ำ’ 
          หนุ่มพิมพ์ไปยิ้มขำไป หาเหตุผลยกมาอ้าง เพื่อจะได้ใกล้ชิดเธออีก จะได้ทำความรู้จักกับเธอมากขึ้น นี่เขาเล่นอ้อนเป็นวัยรุ่นวุ่นรักขนาดนี้เลยหรือ ช่วยไม่ได้ เขารู้สึกกับเธอแบบนั้นจริง ๆ 
          ดีใจที่เธอไม่ปฏิเสธเขา เพราะอายุระหว่างเขากับเธอ มันต่างกันชนิดที่ใครหลายคนยากจะรับได้ แต่เธอกลับไดูม่ปฏิเสธตัดรอนเขาสักนิด ‘เพราะฉะนั้นความรักเป็นสิ่งที่ต้องลอง’
           ‘พี่รันต์จะให้ขวัญตอบแทนแบบไหนคะ’ คราวนี้หล่อนพิมพ์ตอบไปทั้งใจเต้น การันต์จะให้หล่อนทำอะไร ถึงอย่างนั้นก็ยังยิ้มให้ตัวหนังสือ คุยกับการันต์มีแต่รอยยิ้ม แม้จะเจอกันไม่กี่ครั้งก็ตาม อาจเป็นเพราะอิชยะถึงทำให้เธอคุยกับเขาแล้วรู้สึกดีก็ได้
          ‘เลี้ยงข้าวพี่มื้อนึง วันศุกร์เจอกันครับ’ การันต์กดส่งทั้งรอยยิ้ม ไม่นานสาวเจ้าก็ตอบตกลงกลับมา ทั้งสองคุยกันนาน ต่างคนต่างไม่อยากเอ่ยลา ราวกับว่ากำลังอยู่ในห้วงแห่งความรักแบบป๊อปปี้เลิฟ จนกระทั่งคนไข้ของการันต์มา และประภาวรินทร์นำงานมาให้เพียงขวัญทำ ทั้งสองจึงขอตัว ล่ำลากันในที่สุด
 
จบบทที่ 8
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่