“เฮงซัง” วิทยา เลาหกุล ประธานพัฒนาเทคนิค ชลบุรี เอฟซี ได้ออกมาเผยเหตุที่สองโค้ชชื่อดังอย่าง อากิระ นิชิโนะ และ มาโกโตะ เทกุระโมริ นั้นอยู่คุมทีมในเมืองไทยได้ไม่นาน เนื่องจากฟุตบอลไทยมองที่ผลการแข่งขันมากกว่าการพัฒนาเพื่ออนาคต รับเสียดายที่ผู้ฝึกสอนชาวไทยจะได้เรียนรู้แนวทางดีๆน้อยเกินไป
“โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ได้เผยว่า “การที่ อากิระ นิชิโนะ มาคุมทีมชาติไทย ในเวลาเพียง 2 ปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ด้าน มาโกโตะ เทกุระโมริ คุม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้เพียงแค่ 10 เดือน ก็ถูกปลดด้วย”
“เนื่องจากฟุตบอลไทยมองที่ผลการแข่งขัน หรือชัยชนะ มากกว่าการพัฒนาระยะยาว ทำให้ทั้งสองกุนซือ อยู่ไทยไม่รอด และเสียดายที่ผู้ฝึกสอนชาวไทยรวมไปถึงสโมสรต่างๆ อดเรียนรู้อะไรดีๆจากทั้งสองคน เนื่องจากไทยยังมีการปลูกฝังเรื่องเดิมๆ และยังมีความคิดแบบเดิมๆอยู่”
ชัยชนะช็อคโลก เหนืออดีตแชมป์โลกทั้ง "สเปน" และ "เยอรมัน" ของญี่ปุ่น ในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของดวง ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊คๆ แต่ญี่ปุ่นมีความแข็งแกร่งและวินัยในเรื่องการเล่นเกมรับ มีความเร็วและความฟิตเมื่อเล่นเกมโต้กลับ
ส่วนผู้บริหารฟุตบอลไทยก็คิดช้าเกินไป พอเห็นแนวทางของญี่ปุ่นที่ชนะทีมยักษ์ใหญ่ในฟุตบอลโลก มีกระแสญี่ปุ่นเอฟเฟกต์ ทำให้ผู้บริหารฟุตบอลไทยพึ่งตื่นตัวชวนระดมสมองพัฒนาทีมชาติไทย คิดได้เมื่อสายไปหรือไม่ เสียดายบุคลากรคุณภาพของญี่ปุ่น ที่ต้อง
นำชื่อเสียงมาทิ้งไว้กับการทำงานวิถีแบบไทยๆ
เรื่องจริงสุดๆ คำพูดของ“เฮงซัง” เผยการปลด"โค้ชญี่ปุ่น" ทีมไทยชอบมองที่ผลลัพธ์ มากกว่าการพัฒนาระยะยาว
“โค้ชเฮง” วิทยา เลาหกุล ได้เผยว่า “การที่ อากิระ นิชิโนะ มาคุมทีมชาติไทย ในเวลาเพียง 2 ปี แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ด้าน มาโกโตะ เทกุระโมริ คุม บีจี ปทุม ยูไนเต็ด ได้เพียงแค่ 10 เดือน ก็ถูกปลดด้วย”
“เนื่องจากฟุตบอลไทยมองที่ผลการแข่งขัน หรือชัยชนะ มากกว่าการพัฒนาระยะยาว ทำให้ทั้งสองกุนซือ อยู่ไทยไม่รอด และเสียดายที่ผู้ฝึกสอนชาวไทยรวมไปถึงสโมสรต่างๆ อดเรียนรู้อะไรดีๆจากทั้งสองคน เนื่องจากไทยยังมีการปลูกฝังเรื่องเดิมๆ และยังมีความคิดแบบเดิมๆอยู่”
ชัยชนะช็อคโลก เหนืออดีตแชมป์โลกทั้ง "สเปน" และ "เยอรมัน" ของญี่ปุ่น ในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องของดวง ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊คๆ แต่ญี่ปุ่นมีความแข็งแกร่งและวินัยในเรื่องการเล่นเกมรับ มีความเร็วและความฟิตเมื่อเล่นเกมโต้กลับ
ส่วนผู้บริหารฟุตบอลไทยก็คิดช้าเกินไป พอเห็นแนวทางของญี่ปุ่นที่ชนะทีมยักษ์ใหญ่ในฟุตบอลโลก มีกระแสญี่ปุ่นเอฟเฟกต์ ทำให้ผู้บริหารฟุตบอลไทยพึ่งตื่นตัวชวนระดมสมองพัฒนาทีมชาติไทย คิดได้เมื่อสายไปหรือไม่ เสียดายบุคลากรคุณภาพของญี่ปุ่น ที่ต้องนำชื่อเสียงมาทิ้งไว้กับการทำงานวิถีแบบไทยๆ