วันที่ 28 พฤศจิกายน 65 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏข่าวเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย โดยปรากฏสำเนาเอกสารประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนพิเศษ 245 ง ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557 ระบุชื่อบุคคลลำดับที่ 35 นายหาวเจ๋อ ตู้ เอกสารหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทย ลงวันที่ 26 มกราคม 2558 ของ นายหาวเจ๋อ ตู้ และปรากฏข้อความระบุว่า....👇
“อนุพงษ์ เผ่าจินดา คือ ผู้ที่ให้สัญชาติไทยแก่ตู้ห่าว”
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า นายหาวเจ๋อ ตู้ แต่เดิมเป็นบุคคลสัญชาติจีน มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในพื้นที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ได้ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ต่อกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2554 ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ กรณีเป็นสามีของบุคคลสัญชาติไทย และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณา
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ทำการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐานและคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอฯ และนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย การขอถือสัญชาติไทยตามสามี และการขอกลับคืนสัญชาติไทย ในการประชุมครั้งที่ 2/2556 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2556 ซึ่งมีรองอธิบดีกรมการปกครองเป็นประธาน ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนกรมการกงสุล ผู้แทนกรมการจัดหางาน ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นอนุกรรมการ
และได้นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติ ในการประชุมครั้งที่ 3/2556 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2556 ซึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกระทรวงแรงงาน ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นคณะกรรมการตามกฎหมาย เพื่อเสนอแนะและให้ความเห็นประกอบการใช้ดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ต่อมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้ใช้ดุลพินิจตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ พิจารณาอนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยได้ แล้วแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ทำพิธีปฏิญาณตน และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติครั้งดังกล่าว มีมติเห็นควรเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยใช้ดุลพินิจอนุญาตให้คนต่างด้าวแปลงสัญชาติเป็นไทยได้ จำนวน 12 ราย เพราะเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนของการได้สัญชาติไทยตามที่กฎหมายกำหนด คือ....👇
1) บรรลุนิติภาวะแล้วตามกฎหมายไทยและกฎหมายที่บุคคลนั้นมีสัญชาติ
2) มีความประพฤติดี
3) มีอาชีพเป็นหลักฐาน
4) มีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
5) มีความรู้ภาษาไทยตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
และนายหาวเจ๋อ ตู้ เป็นสามีของผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งการพิจารณาฯ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ เพราะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นได้ใช้ดุลพินิจพิจารณาอนุญาตให้ นายหาวเจ๋อ ตู้ เป็นผู้ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นไทยได้เมื่อปี 2556
“ส่วนในขั้นตอนการลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การได้สัญชาติไทย ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557 ซึ่งประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนพิเศษ 245 ง ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557 ซึ่งปรากฏชื่อ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับดังกล่าวนั้น เป็นเพียงขั้นตอนสุดท้ายในการปฏิบัติให้ครบถ้วนตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ เท่านั้น
เพราะพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2557 มีหน้าที่ต้องลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต้องเป็นผู้ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย ไม่มีสิทธิ์ในการใช้ดุลพินิจที่จะเลือกว่าจะลงนามหรือไม่ลงนาม
ดังนั้น พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงไม่ใช่ผู้ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้นายหาวเจ๋อ ตู้ แปลงสัญชาติเป็นไทยได้ แต่อย่างใด ข่าวดังกล่าวจึงถือว่าเป็นเข้าใจข้อมูลที่คลาดเคลื่อน” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
https://siamrath.co.th/n/403280
งามหน้าจริงๆค่ะ คนพรรคนี้ พวกมัมมี่แม้ว ดูแต่ละเรื่องที่ทำมรดกบาปไว้ให้ประเทศไทย อนุญาตให้จีนเทามาใช้สัญชาติไทยบ้างละ ขายชาติบ้างละ
ยังลอยหน้าจะแลนด์สไลด์ จะกลับมาสร้างมรดกบาปอีก
ยุคลุงตู่ต้องมาแก้ไขอะไรเยอะแยะ จากคนพรรคนี้
💗มาลาริน💗ชัดเจน! รมว.มหาดไทยยุคยิ่งลักษณ์ได้ขอนุญาตให้ นายหาวเจ๋อ ตู้ เป็นผู้ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นไทยได้เมื่อปี2556
วันที่ 28 พฤศจิกายน 65 นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ตามที่ได้ปรากฏข่าวเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดีย โดยปรากฏสำเนาเอกสารประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนพิเศษ 245 ง ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557 ระบุชื่อบุคคลลำดับที่ 35 นายหาวเจ๋อ ตู้ เอกสารหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทย ลงวันที่ 26 มกราคม 2558 ของ นายหาวเจ๋อ ตู้ และปรากฏข้อความระบุว่า....👇
“อนุพงษ์ เผ่าจินดา คือ ผู้ที่ให้สัญชาติไทยแก่ตู้ห่าว”
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า นายหาวเจ๋อ ตู้ แต่เดิมเป็นบุคคลสัญชาติจีน มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในพื้นที่แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ได้ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ต่อกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2554 ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ กรณีเป็นสามีของบุคคลสัญชาติไทย และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณา
ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้ทำการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารหลักฐานและคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขอฯ และนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย การขอถือสัญชาติไทยตามสามี และการขอกลับคืนสัญชาติไทย ในการประชุมครั้งที่ 2/2556 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2556 ซึ่งมีรองอธิบดีกรมการปกครองเป็นประธาน ผู้แทนกองบัญชาการตำรวจสันติบาล ผู้แทนสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนกรมการกงสุล ผู้แทนกรมการจัดหางาน ผู้แทนกรมสอบสวนคดีพิเศษ และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นอนุกรรมการ
และได้นำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติ ในการประชุมครั้งที่ 3/2556 เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2556 ซึ่งมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน ผู้แทนกระทรวงกลาโหม ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ผู้แทนกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนกระทรวงยุติธรรม ผู้แทนกระทรวงแรงงาน ผู้แทนสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนกองอำนวยการรักษาความมั่นคงในราชอาณาจักร และผู้ทรงคุณวุฒิเป็นคณะกรรมการตามกฎหมาย เพื่อเสนอแนะและให้ความเห็นประกอบการใช้ดุลพินิจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ต่อมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้ใช้ดุลพินิจตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ พิจารณาอนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทยได้ แล้วแจ้งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเพื่อนำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ทำพิธีปฏิญาณตน และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติครั้งดังกล่าว มีมติเห็นควรเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยใช้ดุลพินิจอนุญาตให้คนต่างด้าวแปลงสัญชาติเป็นไทยได้ จำนวน 12 ราย เพราะเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนของการได้สัญชาติไทยตามที่กฎหมายกำหนด คือ....👇
1) บรรลุนิติภาวะแล้วตามกฎหมายไทยและกฎหมายที่บุคคลนั้นมีสัญชาติ
2) มีความประพฤติดี
3) มีอาชีพเป็นหลักฐาน
4) มีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
5) มีความรู้ภาษาไทยตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
และนายหาวเจ๋อ ตู้ เป็นสามีของผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งการพิจารณาฯ ไม่ได้เลือกปฏิบัติ เพราะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นได้ใช้ดุลพินิจพิจารณาอนุญาตให้ นายหาวเจ๋อ ตู้ เป็นผู้ได้รับการแปลงสัญชาติเป็นไทยได้เมื่อปี 2556
“ส่วนในขั้นตอนการลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การได้สัญชาติไทย ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557 ซึ่งประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่ม 131 ตอนพิเศษ 245 ง ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2557 ซึ่งปรากฏชื่อ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับดังกล่าวนั้น เป็นเพียงขั้นตอนสุดท้ายในการปฏิบัติให้ครบถ้วนตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ เท่านั้น
เพราะพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2557 มีหน้าที่ต้องลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต้องเป็นผู้ลงนามในประกาศกระทรวงมหาดไทย ไม่มีสิทธิ์ในการใช้ดุลพินิจที่จะเลือกว่าจะลงนามหรือไม่ลงนาม
ดังนั้น พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงไม่ใช่ผู้ใช้ดุลพินิจอนุญาตให้นายหาวเจ๋อ ตู้ แปลงสัญชาติเป็นไทยได้ แต่อย่างใด ข่าวดังกล่าวจึงถือว่าเป็นเข้าใจข้อมูลที่คลาดเคลื่อน” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
https://siamrath.co.th/n/403280
งามหน้าจริงๆค่ะ คนพรรคนี้ พวกมัมมี่แม้ว ดูแต่ละเรื่องที่ทำมรดกบาปไว้ให้ประเทศไทย อนุญาตให้จีนเทามาใช้สัญชาติไทยบ้างละ ขายชาติบ้างละ
ยังลอยหน้าจะแลนด์สไลด์ จะกลับมาสร้างมรดกบาปอีก
ยุคลุงตู่ต้องมาแก้ไขอะไรเยอะแยะ จากคนพรรคนี้