iPhone 14 กับ Crash detetcion ที่ระบบดีแต่ดูจะไร้ประโยชน์มากในประเทศไทย

ไม่คิดว่าส่วนตัวจะได้ใช้ ฟีเจอร์ใหม่ใน iPhone 14 ไวขนาดนี้ แล้วไม่คิดว่าจะได้ใช้มันด้วย (มันขึ้นมาอัตโนมัติ)

เนื่องด้วยวันนี้เกิดอุบัติเหตุรถชน (ไม่ร้ายแรง) แล้วเจ้า iPhone 14 ที่อยู่ในกระเป๋าสะพาย ได้ส่ง SOS ไปยังเบอร์ฉุกเฉินท้องถิ่น และ เบอร์ฉุกเฉินที่ตั้งค่าไว้



ณ ตอนที่โทรศัพท์กำลังโทรคือ หลัง 20 วินาที หลังจากเกิดอุบัติเหตุแล้วเราไม่ได้ปิดมัน (กรณีร้ายแรงคงไม่สามารถปิดได้ เช่น หมดสติ)

แล้วเบอร์ฉุกเฉินท้องถิ่นที่ iPhone โทรไปคือ 191 เป็นเวลา 25 วินาที (มาเห็นทีหลัง) คือ ปกติแล้วตามข่าวต่าง ๆ ถ้าเป็นต่างประเทศ หรือ ในข่าวที่ออกกันบ่อย ๆ ด้วยระบบนี้ เจ้าหน้าที่เค้าจะมากันแล้วถ้าไม่มีการตอบกลับ ตอบรับสายของเจ้าหน้าที่ ขณะที่โทรไปแล้วไม่ได้รับการตอบรับ



แล้วหลังจากนั้นโทรศัพท์จะส่ง SMS ไปที่เบอร์ฉุกเฉินที่เราตั้งไวทั้งหมด พร้อมแผนที่



ด้วยความสงสัยหลังจากเห็นโทรศัพท์โทรไปยัง 191 เองแล้ว (มาเห็นหลังจากที่ประกันเคลียร์กับคู่กรณีเรียบร้อยหมดแล้ว ประมาณ 30 นาที)

ไม่มีการติดต่อมาจากเจ้าหน้าที่กลับมาแต่อย่างใด ไม่ได้คาดหวังว่าระบบนี้ที่ไทยจะใช้ได้เหมือน แคนาดา หรือ สหรัฐฯ ที่ส่งสัญญาณปุ้บตำรวจมาปั้บ

แต่ในเมื่อเทคโนโลยีทำมาให้ได้แบบนี้แล้ว ระบบภายในไทยนี่ควรจะปรับปรุงด้วยหรือเปล่าครับ ไม่ใช่แค่ว่าพอได้รับสายที่โทรเข้าไปหา 191 แล้วพอไม่มีคนพูดก็วางสาย ไม่มีการติดต่อกลับมาหาใด ๆ ทั้งสิ้น

ถ้าเป็นกรณีร้ายแรง เช่น รถชนแล้วหมดสติ รถคว่ำ ไม่สามารถพูดได้ ก็คือไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ยกเว้นให้ญาติหรือบุคคลที่ได้รับข้อความหลังจากได้รับ SMS ติดต่อหากู้ภัย หรือ รถพยาบาลเอาเองสินะครับ ไหน ๆ เทคโนโลยีมันไปถึงขั้นนี้แล้ว คิดว่าควรปรับปรุงได้แล้วครับ

ทุกวันนี้ก็กว่าจะได้รับแจ้งเหตุกัน บางเคสคือสายเกินไปแล้วก็มี แล้ววันนี้พอเกิดกับตัวเอง ถึงแม้จะไม่ได้ร้ายแรงมากแต่ถ้าสมมติมันร้ายแรงจริง ๆ ก็แย่ครับ

สรุปโดยรวม ฟีเจอร์นี้ที่ให้มาใน iPhone14 ถือว่าโอเคดีครับ เพราะรถชนจริง ๆ มันถึงเด้งขึ้นมา แล้วโทรหาฉุกเฉิน พร้อมส่งข้อความไปหาครอบครัว แต่ที่สะเทือนใจคือ มันจะดีกว่านี้ถ้าฉุกเฉินเป็น 1669 แทนที่จะเป็น 191 จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ 191 คือค่อนข้างแย่เลยครับ

และอยากสอบถามเพื่อน ๆ ว่าจริง ๆ ระบบมันควรจะใช้ได้ดีกว่านี้ ถ้าหน่วยงานต่าง ๆ อัพเดต หรือ ให้ความสำคัญกับอะไรตรงนี้มากกว่านี้มั้ยครับ ?

หวังว่าจะไม่ได้เห็นใครอีกที่ได้ใช้ฟีเจอร์นี้นะครับ เดินทางปลอดภัยกันนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่