ทำไมถึงยากกว่าโครงการอะพอลโลมากมายขนาดนั้นมาดูกัน
1. โอไรออน จะเพิ่มขนาดของ crew module บรรจุเป็น 4 คน จากสมัยอะพอลโลแค่3คน แต่จุดสำคัญไม่ใช่ตรงนั้น จุดสำคัญคือ การเพิ่มพื้นที่ที่ใหญ่กว่าเดิมมาก โดยสมัยอะพอลโล มีพื้นที่แค่ 6.2 ลูกบาศก์เมตร (คือแทบจะขยับตัวไม่ได้) แต่สำหรับโอไรออนจะเพิ่มเป็น 20 ลูกบาศก์เมตร คือ กว้างกว่ากันมากๆเลยครับ
2. เมื่อขนาดยานโอไรออนมีขนาดใหญ่ขึ้น น้ำหนักก็มากขึ้นด้วย เราจึงต้องพัฒนาระบบจรวดขึ้นมาใหม่ เพราะจรวดที่ทรงพลังที่สุดในอดีตอย่าง Saturn 5 ไม่สามารถส่งยานโอไรออนออกไปสู่ วงโคจรระดับสูงได้ เพราะน้ำหนักของภารกิจนี้มากกว่าสมัยอะพอลโลเยอะมากๆ ทางนาซ่าจึงได้ร่วมมือกับบริษัทเอกชน พัฒนาจรวด SLS ที่ทรงพลังที่สุด เพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ
** นอกจากต้องส่งยานโอไรออนแล้ว ในอนาคตยังต้องส่งลูน่าเกตย์เวย์ และ สตาร์ชิป ขึ้นไปด้วย ถ้าจรวดไม่ทรงพลังมากพอ ก็ส่งขึ้นไปไม่ได้ครับ **
3. โครงการ Artemis จะไม่นำตัวลูนาโมดูลไปลงจอดในดวงจันทร์แบบโครงการอะพอลโล แต่...จะเอาไปเชื่อมกับลูนาเกตเวย์ และ สตาร์ชิปที่โคจรรอบดวงจันทร์ (ที่เราทำแบบนี้ เพราะจะจำลองการขึ้นและลงจอดดาวอังคาร เนื่องจากตัวลูนาโมดูล ไม่มีแรงขับเคลื่อนมากพอที่จะหนีแรงโน้มถ่วงดาวอังคารได้)
** ในส่วนนี้ใครนึกภาพไม่ออก ให้ลองไปหาภาพยนตร์เรื่อง the martain มาดูครับ **
4. การลงจอด ในโครงการอะพอลโล จะลงจอดด้านที่หันหน้าเข้าหาโลก เพื่อใช้ติดต่อสื่อสาร และง่ายต่อการลงจอด แต่...โครงการArtemis จะลงจอดที่ขั้วใต้ดวงจันทร์ ตรงบริเวณรอยต่อด้านมืดและด้านสว่าง ที่สำรวจพบน้ำแข็ง และจะตั้งอาณานิคม+เจาะสำรวจที่บริเวณนี้
บริเวณไฮไลท์เหลือง คือ จุดจอดยานสมัยอะพอลโล แต่...สำหรับโครงการArtemis จะจอดยานและตั้งอาณานิคมที่จุดสีแดงด้านขั้วใต้ของดวงจันทร์
5. การจะส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร นักบินอวกาศจะต้องใช้ชีวิตในการเดินทางประมาณ 1-2 ปี ดังนั้นตัวยานอวกาศจะต้องปกป้องตัวนักบินจากรังสีต่างๆได้ ตัว crew module จึงต้องทำมาจากวัสดุที่มีอนุภาคน้อย แข็งแกร่งและน้ำหนักเบา ตัวยานจึงต้องสร้างมาจากวัสดุพิเศษ
นี่แหละครับ คือความยากมายมายมหาศาลในจุดใหญ่ๆ ของโครงการ Artemis คือ ต้องเริ่มตั้งแต่ต้นใหม่ทั้งหมด เพราะเป้าหมายครั้งนี้ไม่ใช่การสำรวจดวงจันทร์อีกแล้ว แต่เป็นการตั้งอาณานิคม การขุดเจาะน้ำแข็งบนดวงจันทร์ และ การก้าวไปสู่การส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร
ป.ล. ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่า ช่วงชีวิตมนุษย์ในยุคปัจจุบัน จะได้เห็นการส่งมนุษย์ไปดาวอังคารหรือไม่ จะช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่ที่ความสำเร็จของโครงการ Artemis นี่แหละ ก็เหมือนคำกล่าวที่เขาพูดกันไว้ว่า
"ช่วงชีวิตของเรา เกิดช้าเกินไปสำหรับการสำรวจโลก แต่ก็เกิดเร็วเกินไป สำหรับการสำรวจอวกาศ"
โครงการ Artemis โครงการแห่งการเริ่มต้นสำรวจอวกาศห้วงลึกที่ยากกว่า อะพอลโลเป็นสิบเท่า
1. โอไรออน จะเพิ่มขนาดของ crew module บรรจุเป็น 4 คน จากสมัยอะพอลโลแค่3คน แต่จุดสำคัญไม่ใช่ตรงนั้น จุดสำคัญคือ การเพิ่มพื้นที่ที่ใหญ่กว่าเดิมมาก โดยสมัยอะพอลโล มีพื้นที่แค่ 6.2 ลูกบาศก์เมตร (คือแทบจะขยับตัวไม่ได้) แต่สำหรับโอไรออนจะเพิ่มเป็น 20 ลูกบาศก์เมตร คือ กว้างกว่ากันมากๆเลยครับ
2. เมื่อขนาดยานโอไรออนมีขนาดใหญ่ขึ้น น้ำหนักก็มากขึ้นด้วย เราจึงต้องพัฒนาระบบจรวดขึ้นมาใหม่ เพราะจรวดที่ทรงพลังที่สุดในอดีตอย่าง Saturn 5 ไม่สามารถส่งยานโอไรออนออกไปสู่ วงโคจรระดับสูงได้ เพราะน้ำหนักของภารกิจนี้มากกว่าสมัยอะพอลโลเยอะมากๆ ทางนาซ่าจึงได้ร่วมมือกับบริษัทเอกชน พัฒนาจรวด SLS ที่ทรงพลังที่สุด เพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ
** นอกจากต้องส่งยานโอไรออนแล้ว ในอนาคตยังต้องส่งลูน่าเกตย์เวย์ และ สตาร์ชิป ขึ้นไปด้วย ถ้าจรวดไม่ทรงพลังมากพอ ก็ส่งขึ้นไปไม่ได้ครับ **
3. โครงการ Artemis จะไม่นำตัวลูนาโมดูลไปลงจอดในดวงจันทร์แบบโครงการอะพอลโล แต่...จะเอาไปเชื่อมกับลูนาเกตเวย์ และ สตาร์ชิปที่โคจรรอบดวงจันทร์ (ที่เราทำแบบนี้ เพราะจะจำลองการขึ้นและลงจอดดาวอังคาร เนื่องจากตัวลูนาโมดูล ไม่มีแรงขับเคลื่อนมากพอที่จะหนีแรงโน้มถ่วงดาวอังคารได้)
** ในส่วนนี้ใครนึกภาพไม่ออก ให้ลองไปหาภาพยนตร์เรื่อง the martain มาดูครับ **
4. การลงจอด ในโครงการอะพอลโล จะลงจอดด้านที่หันหน้าเข้าหาโลก เพื่อใช้ติดต่อสื่อสาร และง่ายต่อการลงจอด แต่...โครงการArtemis จะลงจอดที่ขั้วใต้ดวงจันทร์ ตรงบริเวณรอยต่อด้านมืดและด้านสว่าง ที่สำรวจพบน้ำแข็ง และจะตั้งอาณานิคม+เจาะสำรวจที่บริเวณนี้
บริเวณไฮไลท์เหลือง คือ จุดจอดยานสมัยอะพอลโล แต่...สำหรับโครงการArtemis จะจอดยานและตั้งอาณานิคมที่จุดสีแดงด้านขั้วใต้ของดวงจันทร์
5. การจะส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร นักบินอวกาศจะต้องใช้ชีวิตในการเดินทางประมาณ 1-2 ปี ดังนั้นตัวยานอวกาศจะต้องปกป้องตัวนักบินจากรังสีต่างๆได้ ตัว crew module จึงต้องทำมาจากวัสดุที่มีอนุภาคน้อย แข็งแกร่งและน้ำหนักเบา ตัวยานจึงต้องสร้างมาจากวัสดุพิเศษ
นี่แหละครับ คือความยากมายมายมหาศาลในจุดใหญ่ๆ ของโครงการ Artemis คือ ต้องเริ่มตั้งแต่ต้นใหม่ทั้งหมด เพราะเป้าหมายครั้งนี้ไม่ใช่การสำรวจดวงจันทร์อีกแล้ว แต่เป็นการตั้งอาณานิคม การขุดเจาะน้ำแข็งบนดวงจันทร์ และ การก้าวไปสู่การส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร
ป.ล. ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่า ช่วงชีวิตมนุษย์ในยุคปัจจุบัน จะได้เห็นการส่งมนุษย์ไปดาวอังคารหรือไม่ จะช้าหรือเร็ว ก็ขึ้นอยู่ที่ความสำเร็จของโครงการ Artemis นี่แหละ ก็เหมือนคำกล่าวที่เขาพูดกันไว้ว่า "ช่วงชีวิตของเรา เกิดช้าเกินไปสำหรับการสำรวจโลก แต่ก็เกิดเร็วเกินไป สำหรับการสำรวจอวกาศ"