เริ่มต้นจากยายของแฟนเราเข้าโรงบาล เราก็รักและผูกพันธ์กับท่านเหมือนกันเพราะเคยมาอยู่บ้านแฟนเป็นปีอยู่ เคยช่วยเหลือกัน ฝนตกช่วยเก็บผ้า กินข้าวด้วยกัน นั่งดูละครกัน เวลามือถือใช้ไม่ได้เราก็ช่วยดูให้ ตอนแฟนไม่อยู่เราก็ขับรถพาไปรับไปส่งอนามัย ไปไหนมาก็นึกถึงยายซื้อของซื้อขนมมาฝาก ไฟที่บ้านดับก็มานั่งกองอยู่ด้วยกันนั่งคุยนั่งอะไรกันไปตามภาษา จนมาววันนึงคุณยายเข้าโรงบาลเราก็พยายามช่วยมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คอยพูดให้ทุกคนสบายใจ หมั่นคอยถามอาการ ถามพัฒนาการของยายว่าดีขึ้นบ้างมั้ย วันนี้ฝึกหายใจไปกี่นาที มีอะไรดีขึ้นบ้าง จนถึงกระทั่งมึดค่ำก็ยังไปบนบานศาลกล่าวเพื่อให้คุณยายหายจากอาการเจ็บป่วย ซึ่งตอนนี้คุณยายอยู่icuโรงบาลรัฐแห่งหนึ่ง จะเข้าเยี่ยมได้เป็นเวลาคือเที่ยงถึงบ่าย เราจะเป็นคนที่เสร็จคนแรกๆของบ้าน 10โมงครึ่งไม่เกิน11เราจะมานั่งรอทุกคนแล้ว เพื่อที่จะได้ไปถึงโรงบาลก่อนเที่ยง พอเที่ยงจะได้เข้าเลย เพราะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเราเข้าใจดีไม่อยากให้เสียเวลาแม้แต่นิดเดียว แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมามีสิ่งนึงที่มันอยู่ในหัวเรา เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เราคิดถอดใจเลยก็ว่าได้ คือช่วงเยี่ยมผู้ป่วยของวันหนึ่งก่อนจะกลับบ้านวันนั้นคุณยายตอบสนองแล้วลืมตาถามอะไรพยักหน้ารู้เรื่อง เราก็อยากจะเข้าไปบอกคุณยายก่อนว่าเราจะกลับบ้านนะพรุ่งนี้จะมาหาใหม่ แต่จู่ๆแม่แฟนเราก็บอก ไม่ต้องเข้าไป ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่แฟนเราคนเดียวคนเดียวเท่านั้น คำๆนี้เหมือนจะบอกว่าเราเข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องเข้า ถ้าจะบอกว่ากลัวคุณยายเหนื่อยวันนึงเราเข้าแค่2รอบ คือตอนมากับตอนกลับ แต่คนอื่นๆเข้าไปได้ตลอดเข้าไปเป็นสิบรอบ เรารู้สึกเสียใจมากแต่ไม่อยากบอกให้แฟนกังวล ความรู้สึกตอนนี้เหมือนเราไม่ใช่ครอบครัวเค้ายังไงไม่รู้ จากวันนั้นผ่านมา2วันแล้วที่เราไม่เข้าไปเยี่ยมคุณยายอีกเลย เพราะกลัวที่จะเจอคำพูดแบบนั้นอีก จึงอยากถามทุกคนว่าเราคิดมากไปหรือเปล่า เราควรทำยังไงถึงจะปล่อยวางได้บ้าง ตอนนี้รู้สึกคับอกคับใจมาก
คำพูดแบบนี้คือเค้าตั้งใจจะว่าเราใช่ไหม