Cr: อ.กามล แสงวงศ์
ที่วัดราชนัดดานั้นจะมีส่วนด้านนอกแถบหนึ่งที่จัดไว้ให้เซ้งขายเครื่องรางรูปเคารพต่างๆ
ห้องเล็กๆเท่าแมวดิ้นตายมีค่าเซ้งอยู่ที่ล้านสี่แสน
มีอยู่เจ้าหนึ่ง ชื่อร้านเจ๊แดง แกเซ้งแบบสี่ห้องติดกัน เพราะข้าวของๆแกเยอะมาก เรียกว่าอะไรที่เราคิดอยากจะได้เพื่อเอาไปปลุกเสกหรือเคารพเองมีหมด ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป รูปปั้นพระเกจิ รูปปั้นเทพเจ้าของประเทศต่างๆไทยจีนฮินดู ขนาดพระแม่คงคายังมี จี้ห้อยคอ ปลัดขิก นางกวัก กุมารทอง ผ้าประเจียด ธูปเทียนกำยาน ซีดีเพลงสวด เรียกว่ามาที่นี่จบ ไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว
แกรวยจากกิจการนี้มาหลายปีแล้วนะครับ ผมก็เลยมาแอบดูซิ ว่าแกทำอะไร กิจการถึงได้เจริญขึ้นเรื่อยๆ
ลองเดินรอบๆร้านด้วยคิดว่าแกจะตั้งโต๊ะหมู่บูชาอะไรใหญ่โต ซึ่งถ้าจะบูชาให้ครบทั้งหมดก็คงจะตั้งโต๊ะหมู่ยาวจากนี่ไปถึงอุดร แต่ก็ไม่เห็นเลยสักที่
ส่วนพระพุทธรูปแกก็ยัดๆซ้อนๆกันไว้ที่ช่องข้างล่างตรงใกล้ๆตีนเรานั่นแหละ คนทำแบบนี้ทางบ้านเราเห็นนี่คงตบอกร้องอุทานออกมาว่าอกอีแป้นแหก
เทพเจ้าทั้งหลายนี่แกเอามาตั้งเรียงรายอยู่ข้างร้านติดกับพื้นไม่มีหรอกที่จะติดแอร์ให้ท่านสบายบ้าง ใจร้ายจริงๆ
ปลัดขิกนี่ห้อยเหนือหัวเลย เหนือหัวเทพเหนือหัวพระ แกบอกว่าคนเห็นง่ายเลยขายง่าย
มิหนำซ้ำ ของศักดิ์สิทธิ์ที่ถือนักถือหนาว่าห้ามหยิบห้ามแตะอะไรวุ่นวาย ที่นี่ผู้หญิงเป็นคนหยิบขาย... จะเอารึไม่เอาล่ะพี่
แต่ที่เห็นกลยุทธของแกก็คือ แกอยู่ถูกที่ ตรงนี้คนรู้ว่ามีของแบบนี้ขาย อยากได้ก็จะมาตรงนี้ แกมีของครบ มีของเยอะเลยง่ายต่อการมาซื้อแบบครั้งเดียวจบ แกทักชาวบ้านว่าเกิดปีอะไร ชงนี่นาเอาอันนี้ไปบูชาสี่ร้อย ธูปเทียนมียัง กำยานล่ะ อ้อจุดกำยานต้องมีที่วาง แกบอกไปหยิบไปเรื่อยๆไปๆมาๆหมดไปหลายพัน
ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มองทุกอย่างเป็นแค่วัตถุสิ่งของ ไม่มีพิธีรีตองอะไร กลับขายดีรวยเอารวยเอา
ต่างจากเพื่อนผม ที่มันต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้าเพื่อมาจัดข้าวของขนมนมเนย ผลไม้เพื่อไหว้บูชาเทพเจ้าที่มันเคารพ เรื่องดอกไม้นี่ต้องร้อยเองเลยนะครับ ท่านจะได้พอใจ หลังจากนั้นต้องอาบน้ำให้สะอาดท่านชอบคนสะอาด ต้องสวดบูชาให้ถูกจังหวะอักขระ
โต๊ะหมูเทพเจ้าเองก็ต้องหันให้ถูกทิศต้องจัดวางให้ถูกต้อง ท่านจะได้พอใจ
จะกินจะห้อยอะไรก็ต้องมีพิธีรีตอง เห็นแล้วยุ่งยากและเหนื่อยใจเป็นยิ่งนัก
ผ่านมาห้าหกปี ชีวิตมันก็ยังบ่นว่าเจ้านายชัง เพื่อนแกล้ง เบื่องาน ทำมาหาไม่พอกิน เมียทิ้ง ญาติไม่คบโอ้ยเยอะ .. จะเยอะไปถึงไหน
มันเป็นเพราะอะไร? เทพเจ้าที่เต็มบ้านมันไม่ศักดิ์สิทธิ์เหรอ?
ผมว่าไม่ใช่นะครับ เทพท่านก็ศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั่นแหละครับ
ผมว่าเป็นเพราะมันไม่ทำในสิ่งที่ควรทำครับ
ถ้ามันเข้าใจความต้องการของเจ้านายของเพื่อนร่วมงานและญาติๆมากเท่ากับที่มันรู้เรื่องเทพเจ้าของมัน
ถ้ามันคอยดูแลเอาใจใส่เขาเหล่านั้นเหมือนที่มันทำกับเทพ ถ้ามันพูดจาดีๆกับเขาเหมือนมันพูดกับเทพ ถ้ามันอ่อนน้อมอ่อนโยนระมัดระวังท่าทีของมันต่อคนอื่นเหมือนทำกับเทพ
ขวยขวายรับใช้บริการเขาอย่างสุกลิ่มทิ่มประตูเหมือนทำกับเทพ
ผมว่าป่านนี้มันร่ำรวย มีเสน่ห์ เจริญก้าวหน้าไปแล้ว
แต่ที่ผมเห็นนี่มันมีแต่ความแข็งกระด้าง โอหัง อหังการ ยกตนเหนือคนอื่นด้วยความเชื่อว่ามีเทพหนุนหลัง จนในที่สุดก็อยู่กับใครไม่ได้ นี่ยังโชคดีอยู่ที่มันพอมีฝีมือในการทำงานอยู่บ้าง
ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะอยู่ได้ที่เดียวและคนเดียว กับบ้านที่เต็มไปด้วยรูปเคารพของมัน
คนแบบนี้ผมมองว่าเป็นคนที่รู้จักแต่เคารพ แต่ไม่เคยเอามาน้อมนำใส่เข้าไปในใจในความประพฤติ จึงไม่เคยได้รับความศักดิสิทธิ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายครับ
เทพเจ้า
ที่วัดราชนัดดานั้นจะมีส่วนด้านนอกแถบหนึ่งที่จัดไว้ให้เซ้งขายเครื่องรางรูปเคารพต่างๆ
ห้องเล็กๆเท่าแมวดิ้นตายมีค่าเซ้งอยู่ที่ล้านสี่แสน
มีอยู่เจ้าหนึ่ง ชื่อร้านเจ๊แดง แกเซ้งแบบสี่ห้องติดกัน เพราะข้าวของๆแกเยอะมาก เรียกว่าอะไรที่เราคิดอยากจะได้เพื่อเอาไปปลุกเสกหรือเคารพเองมีหมด ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธรูป รูปปั้นพระเกจิ รูปปั้นเทพเจ้าของประเทศต่างๆไทยจีนฮินดู ขนาดพระแม่คงคายังมี จี้ห้อยคอ ปลัดขิก นางกวัก กุมารทอง ผ้าประเจียด ธูปเทียนกำยาน ซีดีเพลงสวด เรียกว่ามาที่นี่จบ ไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว
แกรวยจากกิจการนี้มาหลายปีแล้วนะครับ ผมก็เลยมาแอบดูซิ ว่าแกทำอะไร กิจการถึงได้เจริญขึ้นเรื่อยๆ
ลองเดินรอบๆร้านด้วยคิดว่าแกจะตั้งโต๊ะหมู่บูชาอะไรใหญ่โต ซึ่งถ้าจะบูชาให้ครบทั้งหมดก็คงจะตั้งโต๊ะหมู่ยาวจากนี่ไปถึงอุดร แต่ก็ไม่เห็นเลยสักที่
ส่วนพระพุทธรูปแกก็ยัดๆซ้อนๆกันไว้ที่ช่องข้างล่างตรงใกล้ๆตีนเรานั่นแหละ คนทำแบบนี้ทางบ้านเราเห็นนี่คงตบอกร้องอุทานออกมาว่าอกอีแป้นแหก
เทพเจ้าทั้งหลายนี่แกเอามาตั้งเรียงรายอยู่ข้างร้านติดกับพื้นไม่มีหรอกที่จะติดแอร์ให้ท่านสบายบ้าง ใจร้ายจริงๆ
ปลัดขิกนี่ห้อยเหนือหัวเลย เหนือหัวเทพเหนือหัวพระ แกบอกว่าคนเห็นง่ายเลยขายง่าย
มิหนำซ้ำ ของศักดิ์สิทธิ์ที่ถือนักถือหนาว่าห้ามหยิบห้ามแตะอะไรวุ่นวาย ที่นี่ผู้หญิงเป็นคนหยิบขาย... จะเอารึไม่เอาล่ะพี่
แต่ที่เห็นกลยุทธของแกก็คือ แกอยู่ถูกที่ ตรงนี้คนรู้ว่ามีของแบบนี้ขาย อยากได้ก็จะมาตรงนี้ แกมีของครบ มีของเยอะเลยง่ายต่อการมาซื้อแบบครั้งเดียวจบ แกทักชาวบ้านว่าเกิดปีอะไร ชงนี่นาเอาอันนี้ไปบูชาสี่ร้อย ธูปเทียนมียัง กำยานล่ะ อ้อจุดกำยานต้องมีที่วาง แกบอกไปหยิบไปเรื่อยๆไปๆมาๆหมดไปหลายพัน
ไม่น่าเชื่อว่าคนที่มองทุกอย่างเป็นแค่วัตถุสิ่งของ ไม่มีพิธีรีตองอะไร กลับขายดีรวยเอารวยเอา
ต่างจากเพื่อนผม ที่มันต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้าเพื่อมาจัดข้าวของขนมนมเนย ผลไม้เพื่อไหว้บูชาเทพเจ้าที่มันเคารพ เรื่องดอกไม้นี่ต้องร้อยเองเลยนะครับ ท่านจะได้พอใจ หลังจากนั้นต้องอาบน้ำให้สะอาดท่านชอบคนสะอาด ต้องสวดบูชาให้ถูกจังหวะอักขระ
โต๊ะหมูเทพเจ้าเองก็ต้องหันให้ถูกทิศต้องจัดวางให้ถูกต้อง ท่านจะได้พอใจ
จะกินจะห้อยอะไรก็ต้องมีพิธีรีตอง เห็นแล้วยุ่งยากและเหนื่อยใจเป็นยิ่งนัก
ผ่านมาห้าหกปี ชีวิตมันก็ยังบ่นว่าเจ้านายชัง เพื่อนแกล้ง เบื่องาน ทำมาหาไม่พอกิน เมียทิ้ง ญาติไม่คบโอ้ยเยอะ .. จะเยอะไปถึงไหน
มันเป็นเพราะอะไร? เทพเจ้าที่เต็มบ้านมันไม่ศักดิ์สิทธิ์เหรอ?
ผมว่าไม่ใช่นะครับ เทพท่านก็ศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั่นแหละครับ
ผมว่าเป็นเพราะมันไม่ทำในสิ่งที่ควรทำครับ
ถ้ามันเข้าใจความต้องการของเจ้านายของเพื่อนร่วมงานและญาติๆมากเท่ากับที่มันรู้เรื่องเทพเจ้าของมัน
ถ้ามันคอยดูแลเอาใจใส่เขาเหล่านั้นเหมือนที่มันทำกับเทพ ถ้ามันพูดจาดีๆกับเขาเหมือนมันพูดกับเทพ ถ้ามันอ่อนน้อมอ่อนโยนระมัดระวังท่าทีของมันต่อคนอื่นเหมือนทำกับเทพ
ขวยขวายรับใช้บริการเขาอย่างสุกลิ่มทิ่มประตูเหมือนทำกับเทพ
ผมว่าป่านนี้มันร่ำรวย มีเสน่ห์ เจริญก้าวหน้าไปแล้ว
แต่ที่ผมเห็นนี่มันมีแต่ความแข็งกระด้าง โอหัง อหังการ ยกตนเหนือคนอื่นด้วยความเชื่อว่ามีเทพหนุนหลัง จนในที่สุดก็อยู่กับใครไม่ได้ นี่ยังโชคดีอยู่ที่มันพอมีฝีมือในการทำงานอยู่บ้าง
ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะอยู่ได้ที่เดียวและคนเดียว กับบ้านที่เต็มไปด้วยรูปเคารพของมัน
คนแบบนี้ผมมองว่าเป็นคนที่รู้จักแต่เคารพ แต่ไม่เคยเอามาน้อมนำใส่เข้าไปในใจในความประพฤติ จึงไม่เคยได้รับความศักดิสิทธิ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายครับ