สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
พยายามย่อจากความทรงจำ อาจจะไม่เป๊ะ แต่ประมาณนี้
ตอนนั้นเงินบาทอยู่ที่ 25 บาท ต่อ 1 USD
ดอกเบี้ยต่างประเทศถูกกว่าไทย 5% กับ 15% มั้ง
แบงค์กู้เงินต่างประเทศมาปล่อยกู้ในประเทศเพื่อกินส่วนต่าง 10% ฟรี ๆ เพราะไม่มีความเสี่ยงว่าค่าเงินจะขึ้นหรือลง
พอหนี้ต่างประเทศเยอะ ก็ต้องซื้อเงิน US เพิ่มเยอะเพื่อไปจ่ายหนี้ ทำให้ความต้องการเงินบาทน้อยลง ค่าเงินบาทก็จะลดลง
ค่าเงินบาทจริงน่าจะจะอยู่ที่ 35 บาท แบงค์ชาติจ่ายส่วนต่างให้ 10 บาทต่อ 1 USD เพื่อคงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 25 บาท
โซรอสเห็นช่องทางทำกำไร ไปยืมเงินบาทเพียง 25 บาทแลกได้ 1 USD
เงินใครหมดก่อนแพ้ สุดท้ายเงินเราไม่พอ แบงค์ชาติไม่สามารถจ่ายส่วนต่าง 10 บาทได้อีกต่อไป ต้องยอมลอยตัวค่าเงิน
เงินบาทอ่อนค่าไปต่ำสุดที่ 50 บาท ต่อ 1 USD
โซรอส และกองทุนอื่น ๆ ที่ช่วยกันโจมตีค่าเงิน เมื่อพอใจก็ขายเงิน USD เพียง 0.5 USD ก็ได้ 25 บาทไปคืนคนที่ยืมมา ที่เหลือคือกำไร
พอเงิน USD ถูกขายเพื่อแลกคืนเป็นเงินบาทเพื่อมาคืนให้คนปล่อยยืม ทำให้ค่าเงินไหลขึ้นกลับมาที่ 45 บาท ต่อ USD
กลับมาที่เมืองไทย แบงค์และบริษัทที่กู้เงินต่างประเทศมา พอลอยตัวค่าเงิน ก็มีหนี้เพิ่มขึ้น 50-100%
ไม่มีเงินจ่ายค่างวดเขา ก็ล้มละลายกันไป
แบงค์ที่ง่อนแง่น คนขาดความมั่นใจก็ถอนเงิน หาเงินมาจ่ายคนถอนไม่ทัน แบงค์ชาติก็ไม่มีให้ยืมเพราะเอาไปสู้ค่าเงินหมดแล้ว
บริษัทหลายแห่ง ต้องประหยัด บ้างก็ล้มละลาย หรือขาดทุนมหาศาล ต้องปลดคน ระงับการลงทุน กระทบกันเป็นลูกโซ่ไป
คนตกงานเยอะ ไม่มีเงินไปซื้อของ ทำให้บริษัทอื่น ๆ กระทบไปด้วยต้องปรับลดคน ปรับลดการผลิต
คงประมาณนี้
ตอนนั้นเงินบาทอยู่ที่ 25 บาท ต่อ 1 USD
ดอกเบี้ยต่างประเทศถูกกว่าไทย 5% กับ 15% มั้ง
แบงค์กู้เงินต่างประเทศมาปล่อยกู้ในประเทศเพื่อกินส่วนต่าง 10% ฟรี ๆ เพราะไม่มีความเสี่ยงว่าค่าเงินจะขึ้นหรือลง
พอหนี้ต่างประเทศเยอะ ก็ต้องซื้อเงิน US เพิ่มเยอะเพื่อไปจ่ายหนี้ ทำให้ความต้องการเงินบาทน้อยลง ค่าเงินบาทก็จะลดลง
ค่าเงินบาทจริงน่าจะจะอยู่ที่ 35 บาท แบงค์ชาติจ่ายส่วนต่างให้ 10 บาทต่อ 1 USD เพื่อคงอัตราแลกเปลี่ยนที่ 25 บาท
โซรอสเห็นช่องทางทำกำไร ไปยืมเงินบาทเพียง 25 บาทแลกได้ 1 USD
เงินใครหมดก่อนแพ้ สุดท้ายเงินเราไม่พอ แบงค์ชาติไม่สามารถจ่ายส่วนต่าง 10 บาทได้อีกต่อไป ต้องยอมลอยตัวค่าเงิน
เงินบาทอ่อนค่าไปต่ำสุดที่ 50 บาท ต่อ 1 USD
โซรอส และกองทุนอื่น ๆ ที่ช่วยกันโจมตีค่าเงิน เมื่อพอใจก็ขายเงิน USD เพียง 0.5 USD ก็ได้ 25 บาทไปคืนคนที่ยืมมา ที่เหลือคือกำไร
พอเงิน USD ถูกขายเพื่อแลกคืนเป็นเงินบาทเพื่อมาคืนให้คนปล่อยยืม ทำให้ค่าเงินไหลขึ้นกลับมาที่ 45 บาท ต่อ USD
กลับมาที่เมืองไทย แบงค์และบริษัทที่กู้เงินต่างประเทศมา พอลอยตัวค่าเงิน ก็มีหนี้เพิ่มขึ้น 50-100%
ไม่มีเงินจ่ายค่างวดเขา ก็ล้มละลายกันไป
แบงค์ที่ง่อนแง่น คนขาดความมั่นใจก็ถอนเงิน หาเงินมาจ่ายคนถอนไม่ทัน แบงค์ชาติก็ไม่มีให้ยืมเพราะเอาไปสู้ค่าเงินหมดแล้ว
บริษัทหลายแห่ง ต้องประหยัด บ้างก็ล้มละลาย หรือขาดทุนมหาศาล ต้องปลดคน ระงับการลงทุน กระทบกันเป็นลูกโซ่ไป
คนตกงานเยอะ ไม่มีเงินไปซื้อของ ทำให้บริษัทอื่น ๆ กระทบไปด้วยต้องปรับลดคน ปรับลดการผลิต
คงประมาณนี้
แสดงความคิดเห็น
พี่พี่ๆๆช่วยอธิบายวิกฤตต้มยำกุ้งแบบเข้าใจง่ายๆๆหน่อยได้ไหมครับผมไม่เก่งเศรฐศาสตร์ผมอ่านและงงมากช่วยอธิบายแบบเข้าใจง่ายๆๆ