‘ไบเดน’ ถึงเขมร ร่วมถกอาเซียนซัมมิท ก่อนมุ่งหน้าเจอ ‘สี จิ้นผิง’ ที่บาหลี หวังกดดันจีนคุมโสมแสง
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3669496
 
 
‘ไบเดน’ ถึงเขมร ร่วมถกอาเซียนซัมมิท ก่อนมุ่งหน้าเจอ ‘สี จิ้นผิง’ ที่บาหลี หวังกดดันจีนคุมโสมแสง
 
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา เดินทางถึงกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนแล้วในวันเสาร์(12 พ.ย.)นี้
 
โดยผู้นำสหรัฐจะพบปะหารือกับผู้นำชาติอาเซียน รวมถึงผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ก่อนประธานาธิบดีไบเดนจะมุ่งหน้าต่อไปยังเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มจี 20 ในสัปดาห์หน้า ที่เขาให้คำมั่นว่าจะผลักดันให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ใช้อิทธิพลคุมเกาหลีเหนือ ในระหว่างการพบปะกันแบบเจอหน้ากันเป็นครั้งแรก
 
นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในการหารือทวิภาคีนอกรอบการประชุมกลุ่มจี 20 ที่เกาะบาหลี ในวันจันทร์(14 พ.ย.)นี้ ประธานาธิบดีไบเดนจะบอกกับนายสีว่า จีน ซึ่งเป็นพันธมิตรใหญ่ที่สุดของเกาหลีเหนือ มีผลประโยชน์ในการแสดงบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในการสกัดยับยั้งแนวโน้มเลวร้ายที่สุดของเกาหลีเหนือ

ผู้นำสหรัฐยังจะบอกกับนายสีว่าหากการสร้างขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือยังดำเนินต่อไปตามเส้นทางนี้ นั่นจะหมายถึงการยกระดับการดำรงอยู่ทางทหารและด้านความมั่นคงของสหรัฐในภูมิภาคนี้
 
อย่างไรก็ดี นายซัลลิแวน กล่าวว่า ประธานาธิบดีไบเดนจะไม่เรียกร้องจีน แต่จะให้มุมมองของตนเองที่มีกับนายสีแทน นั่นคือเกาหลีเหนือไม่เพียงเป็นตัวแทนของภัยคุกคามต่อสหรัฐอเมริกา ต่อเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพทั่วทั้งภูมิภาคด้วย ส่วนจีนต้องการที่จะเพิ่มความกดดันต่อเกาหลีเหนือหรือไม่นั้น แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับพวกเขาเอง
 
ทั้งนี้การจะพบปะกันแบบเจอตัวเป็นครั้งแรกของผู้นำสองชาติมหาอำนาจโลกอย่างนายไบเดนและนายสีครั้งนี้ หลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นั้น เป็นที่จับตาของประชาคมโลก ท่ามกลางการมีประเด็นข้อพิพาทขัดแย้งกันหลายเรื่อง ตั้งแต่ด้านการค้า ไปจนถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนในมณฑลซินเจียง และสถานะของไต้หวัน
 
ด้านนายอันโตนิอู กุแตร์เรซ เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเรียกร้องให้ผู้นำทั้งสองชาติทำงานร่วมกัน โดยเตือนเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า มีความเสี่ยงมากขึ้นที่เศรษฐกิจโลกจะถูกแบ่งแยกเป็น 2 ส่วนที่นำโดยเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก 2 แห่ง นั่นคือ สหรัฐและจีน
 
ขณะที่ก่อนเข้าร่วมการประชุมจี 20 ที่เกาะบาหลี ประธานาธิบดีไบเดนจะผลักดันความมุ่งมั่นของสหรัฐที่มีต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในระหว่างการประชุมกับผู้นำชาติอาเซียน เพื่อหาทางตอบโต้อิทธิพลของจีนในภูมิภาค
 

---

“สุทิน” เตือน 2 ป. สร้างดาวคนละดวงไม่แปลกแต่อย่าทำลายระบบประชาธิปไตย
https://www.thairath.co.th/news/politic/2551160
 
ประธานวิปฝ่ายค้าน เตือน บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่ แยกกันเดิน อย่าสร้างดาวมาทำลายระบบประชาธิปไตย บอกประกาศคุมเข้มกัญชาห้ามขายออนไลน์ ยังมีช่องโหว่ เด็กอาจปลูกแล้วเสพเองได้
 
วันที่ 12 พ.ย. 2565 นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้านให้สัมภาษณ์กรณีกระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศควบคุมกัญชาเข้มขึ้น โดยห้ามขายออนไลน์และผ่านตู้อัตโนมัติ ว่าการห้ามขายถือว่าโอเค แต่ไม่ได้เป็นมาตรการป้องกันการเสพที่ได้ผล เพราะเด็กที่เสพอาจจะไปปลูก หรือครอบครัวปลูกแล้วเสพเอง เขาไม่ได้ซื้อสูบแต่ปลูกเสพเองในครอบครัว ถือเป็นช่องว่างสำคัญ ถ้าจะใช้เพื่อการแพทย์จริงๆ ควรนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดเหมือนเดิม แล้วเอาประกาศกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 63 มาใช้แทน ที่อนุญาตให้นำมาใช้ทางการแพทย์ได้
 
เมื่อถามว่านายอนุทิน ระบุอย่าใช้เรื่องนี้เป็นเกมการเมืองหวั่นกระทบนักลงทุน นายสุทิน กล่าวว่า อย่าอ้างคำว่าการเมืองมาปิดปากเราทุกเรื่อง ให้คิดบ้างว่าบางเรื่องที่เราทำเป็นเจตนาบริสุทธิ์ที่จะปกป้องประชาชนและประเทศชาติ และเรื่องนี้การเมืองหรือไม่ข้อพิจารณาก็คือ การออกมาท้องติงเป็นเฉพาะนักการเมืองหรือเปล่า หรือมีภาคประชาชนภาคประชาสังคมออกมาท้วงติงด้วย ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขควรเปิดใจกว้างรับฟังมากๆ ความเห็นต่างทางสังคมเป็นเรื่องปกติธรรมดา อย่าเกรี้ยวกราดและโยงเป็นการเมืองทุกเรื่องไป ส่วนที่อ้างนักลงทุนนั้น ถ้าเป็นกัญชาทางการแพทย์เขาก็ลงทุนได้เหมือนเดิมเราไม่เคยขวาง โดยให้ปลูกและส่งเสริมให้มีการสกัดเป็นเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ แต่ถ้าส่งเสริมให้ลงทุนเพื่อเอาผลิตผลให้เสพเพื่อสันทนาการเราไม่เห็นด้วย

นอกจากนี้ นายสุทิน ยังให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯที่มีกระแสข่าวหน้าหูถึงการแยกกันเดินว่า มันชัดเจนเรื่อยๆ ว่าสองลุงจะหันหน้าคนละทาง สร้างดาวคนละดวง ซึ่งไม่แปลกเพราะเป็นสิทธิของแต่ละคน เพียงแต่การสร้างดวงดาวอย่ามาทำลายระบบและวิถีประชาธิปไตย โดยการปั่นตลาดนักการเมือง เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร มั่นใจว่า ส.ส.เหนียวแน่นไม่มีใครคิดไปไหน นายสุทิน กล่าวว่า เป็นความเชื่อมั่นของพล.อ.ประวิตร ที่อาจยังไม่ตรวจสอบดีพอ แต่อนาคตอันใกล้นี้คำตอบอาจไม่เป็นเช่นนั้น
 

---

  
'เพื่อชาติ' บี้รัฐหนุนให้คนไทย 'ดูบอลโลก' ฟรีทุกคู่ แนะดึงเอกชนร่วม
https://voicetv.co.th/read/mLpBIfnMY

'หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ' ย้ำรัฐต้องส่งเสริมให้คนไทยได้ดูบอลโลกฟรีทุกคู่ ครั้งนี้เป็นบทเรียน แนะควรเปิดกว้างจูงใจให้เอกชนมาช่วยอุดหนุนค่าลิขสิทธิ์
 
วันที่ 11 พ.ย. ปวิศรัฐฐ์ ติยะไพรัช หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ และประธานสโมสรเชียงรายยูไนเต็ด ได้กล่าวถึงประเด็นที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในสังคมเรื่องสิทธิในการชมฟุตบอลโลกของคนไทย โดยระบุว่า กีฬา เป็นเทรนด์ของโลกในยุคนี้ ซึ่งสร้างทั้งความสุข แรงบันดาลใจ รวมถึงรายได้มหาศาลทั่วโลก ในความเห็นของฮาย รัฐจึงต้องส่งเสริมและผลักดันด้านนี้อย่างจริงจัง โดยคนไทยควรต้องได้ดูฟุตบอลโลกฟรีทุกคู่ 
 
ดังนั้น รัฐต้องรีบสรุปสัญญา และต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์ คู่สัญญา รวมถึงคนกลางในสัญญาทั้งหมดต่อสาธารณะ เพราะการเปิดเผยข้อมูลเป็นเครื่องมือเริ่มต้นในการสร้างความโปร่งใสให้กับทั้งเรื่องนี้ และสัญญาทุกประเภทที่รัฐเข้าเป็นคู่สัญญา และการใช้เงินภาษีของประชาชน
นอกจากนี้ การเข้าเจรจาสัญญาต้องนำไปสู่การใช้งบประมาณอย่างเหมาะสม ไม่สูงเกินกว่าเหตุ อาจเปรียบเทียบกับที่อื่นซึ่งช่องทางการเผยแพร่และจำนวนผู้ชมใกล้เคียงกัน เพื่อกันข้อครหาเรื่องค่าคอมมิชชั่นหรือใต้โต๊ะ
 
“ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญ และในครั้งหน้ารัฐต้องวางแผนล่วงหน้า ดำเนินการให้รวดเร็วและเปิดเผย แก้ไขปรับปรุงกฎเกณฑ์โดยจูงใจและเปิดโอกาสให้เอกชน เข้ามาลงทุน ซื้อลิขสิทธิ์หรือซื้อเฉพาะโฆษณาร่วมกับหน่วยงานรัฐ ตลอดจนให้หน่วยงานที่ได้รับงบประมาณสูง เช่น สสส. หรือหน่วยงานอื่นๆ ที่จะช่วยอุดหนุนได้ มาร่วมแชร์ค่าลิขสิทธิ์ หรือซื้อโฆษณา ทั้งนี้ต้องสมควรแก่จุดประสงค์และจำนวนงบประมาณที่ใช้” ปวิศรัฐฐ์ กล่าว