พรรคสลิ่มรักชาติรับเงินสีเทาจากจีนมาขายชาติทำไมสื่อสลิ่มและสลิ่มรักชาติไม่ต่อต้านครับ

กระทู้คำถาม
.
ชูวิทย์ แฉทุนจีนสีเทาถือหุ้นบริษัท100% กวาดงานรัฐ 1.5 พันล้าน
วันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 - 18:00 น.
นายชูวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องมีสาระ คือประเด็นกลุ่มชาวจีนที่ทำธุรกิจสีเทา 5 กลุ่มซึ่งนายสันธนะอ้างว่ารู้จักนั้น กระจายการลงทุนอยู่ในหลายประเทศเช่น เวียดนาม กัมพูชา ลาวและไทย เพื่อฟอกเงิน เนื่องจากรัฐบาลจีน ปราบปรามการทุจริตอย่างหนัก โดยในเวียดนาม และกัมพูชา เช่น สีหนุวีล ต่างมีราคาที่ดินสูงขึ้นมหาศาล เฉพาะบ่อนพนันออนไลน์เดือนเดียวได้กำไร 2,000 ล้านบาท
อีกกลุ่มเป็นชาวจีนใส่สูทปล้น เป็นกลุ่มบริษัทและโรงงานจีนในไทย โดยตนเรียกว่ากลุ่มบริษัทศูนย์ๆๆ เหรียญ เหมือนทัวร์ศูนย์เหรียญและผับศูนย์เหรียญที่ตำรวจเพิ่งปราบไป กลุ่มนี้เป็นเหมือนเพลี้ยที่เข้าไปสูบทรัพยากรจนแห้ง เมื่อไร้ผลประโยชน์ก็บินไปที่อื่น ซึ่งบริษัทเหล่านี้ มี 2 กลุ่ม คือบริษัทไทย กฎหมายกำหนดให้มีสัดส่วนคนไทยถือหุ้น 51% และบริษัทต่างชาติ ให้ถือหุ้นในสัดส่วน 49% ซึ่ง พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง ประกอบกับ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ระบุว่า บริษัทต่างด้าวห้ามประกอบธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความสามารถพร้อมจะแข่งขัน เช่น การสีข้าว การทำประมง การผลิตปูนขาว สถาปัตยกรรม การทำกิจการทางวิศวกรรม เป็นต้น แต่มีบริษัทอักษรย่อ H กรุ๊ป(ประเทศไทย) จดทะเบียนเมื่อปี 2543 ทุนเริ่มต้น 20 ล้านบาท และยังมีผู้ถือหุ้นชาวไทย แต่ปัจจุบันกลับเป็นชาวต่างชาติถือหุ้นร้อยเปอร์เซนต์ และทุนจดทะเบียนกว่า 80 ล้านบาท ซึ่งปีนี้บริษัทนี้ เพิ่งประมูลงานติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้าของรัฐ ด้วยงบ 1,500 ล้านบาท และจะสั่งซื้อสินค้ามาจากจีนโดยตรง ซึ่งเรื่องนี้รัฐจะไม่รับรู้ไม่ได้ คาดว่า ใน 2-3 สัปดาห์นี้ อาจมีหมายจับรายใหญ่ ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เอกสารที่นายชูวิทย์นำมาเผยแพร่ มีผลประกาศการจัดซื้อจัดจ้างมิเตอร์ไฟฟ้าของหน่วยงานรัฐแห่งหนึ่ง(การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) ผ่านระบบ อีอ๊อกชั่น ในปี 2560 ซึ่งมีรายชื่อผู้เสนอราคา 4 บริษัท โดยบริษัท H กรุ๊ป ชนะการประมูลด้วยราคาต่ำสุดที่วงเงิน 90 ล้านบาท ส่วนบริษัทที่เสนอราคาสูงสุด อยู่ที่ 100 ล้านบาท
ถัดมาเป็นปี 2561 มีรายชื่อผู้เสนอราคา 3 ราย และบริษัท H กรุ๊ป ยังคงเสรอราคาต่ำที่สุดและชนะการประมูล โดยหลักเกณฑ์การพิจารณาของการประมูลทั้ง 2 ครั้ง ระบุตอนหนึ่งว่า พัสดุต้องผลิตจากโรงงานที่ได้รับรองระบบคุณภาพที่ทำในประเทศไทยเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีเอกสารรายชื่อผู้ถือหุ้นบริษัทลงวันที่ 19 ส.ค.2543 มีชาวไทย 6 คน ต่างด้าว 6 คน มีกรรมการบริษัท 2 คน เป็นต่างชาติรายหนึ่งและชาวไทยอีกหนึ่ง ทุนจดทะเบียน 16,000,000 บาท แต่ถัดมาเพียงปีเดียว เอกสารลงวันที่ 30 เม.ย.2544 มีรายชื่อผู้ถือหุ้นเป็นชาวจีนทั้งหมด 7 คน และรายชื่อกรรมการบริษัทสลับสับเปลี่ยนเรื่อยมาจนไม่มีกรรมการเป็นชาวไทย พร้อมกับทุนจดทะเบียนที่เพิ่มสูงขึ้นจดถึง 80,000,000 บาท

https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3662598
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่