ขอมาแชร์แนวทางการต่อประกันแบบประหยัด และสิ่งที่นายหน้าประกันภัยอาจจะไม่ได้บอก
ซึ่งใช้ได้กับรถยี่ห้อและรุ่นหลักๆ เกือบทุกคันในตลาดประเทศไทย
ตัวอย่างที่ยกมาจะเป็น Toyota Yaris Sport จดทะเบียนปี 2021 ประกันชั้น 1 ซ่อมศูนย์ ราคา 9,153 บาท

1. ทุนประกัน - 408,000 บ.จะเสนอจากปีของรถ และจำนวนไมล์ที่ใช้ของรถ
2. ซ่อมศูนย์หรือซ่อมอู่ - รถใหม่ส่วนใหญ่ เจ้าของก็อยากซ่อมศูนย์ แต่ถ้าใครวัดใจไปเลือกซ่อมเฉพาะอู่ เบี้ยก็จะถูกลงอีก 2,207 บาท

3. ค่าความเสียหายส่วนแรก หรือ ค่า Excess - ค่านี้คืออะไร สั้นๆ คือ "ถ้าเราขับชนและเป็นฝ่ายผิดหรือไม่มีคู่กรณี เราต้องรับผิดชอบไม่เกินกี่บาทต่ออุบัติเหตุ" ค่านี้ยิ่งระบุเยอะ เบี้ยประกันจะยิ่งถูกลง และถ้าเป็นฝ่ายถูกอยู่แล้ว ก็สามารถเคลมได้ตามปกติโดยไม่ต้องจ่ายค่ารับผิดชอบส่วนแรกอยู่ดี
ประเด็นนี้ผมจึงมีเกร็ดฉุดคิดมาฝาก คือ ถ้าเราเลือกรับผิดที่ 5,000 บาท เบี้ยประกันจะถูกลงกว่า 8,337 บาท หมายความว่า ในปีๆ นึง เราชนฝ่ายผิดได้ 1 อุบัติเหตุ ก็ยังถือว่าราคาถูกกว่าการไม่ระบุค่านี้เลย ซึ่งคนเราปีนึงจะเป็นฝ่ายชนผิด มากกว่า 1 อุบัติเหตุกันขนาดไหนเชียว ส่วนตัวขับมา 10 ปียังไม่เคยชนเป็นฝ่ายผิดเลย เลยคิดว่ารับได้ครับ แถมจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เวลาเคลมรอบคันไม่มีคู่กรณี บ.ประกันก็คิดค่า Excess เราอยู่ดี ต่อให้เราระบุ 0 บาท.... สามารถศึกษาข้อมูลค่า Excess เพิ่มเติมได้ ที่นี่

4. ระบุชื่อคนขับ : บ.ประกันอาจให้ระบุได้ถึง 3-4 ชื่อ ในปีๆ นึง เคสนี้ถ้าเราแบ่งรถกันขับไม่เกิน 4 ชื่อ ยังไงก็ควรระบุ เพื่อประหยัดไปอีก 2,158 บาท

5. ส่วนลดติดกล้องหน้ารถ 5-10% : เป็นสิทธิตาม "คำสั่ง คปภ." ขอย้ำว่าเป็นคำสั่งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เอกสารอ้างอิง ซึ่งรถสมัยนี้ก็ติดกล้องกันอยู่แล้ว และส่วนลดนี้ถ้าไม่ทวงถาม นายหน้าก็อาจจะไม่ได้ทำลดให้ ถ้าใครกังวลว่าถ้าชนแล้วกล้องใช้ไม่ได้จริงๆ จะเป็นยังไง สำหรับเคสสัญญาประกันของผมเอง ก็ยังเคลมได้แต่จะเสียค่าเสียหายส่วนแรกเพิ่มขึ้น 1,000 บาทเท่านั้น

6. ค่าส่วนลดประวัติดี : ส่วนลดนี้ก้อนใหญ่มาก สูงถึง 50% ซึ่งเราสามารถเอาใบเสนอราคาของ บ.ประกันเจ้าปัจจุบัน ไปใช้อ้างอิง เพื่อทำส่วนลดต่อเนื่องได้ ซึ่งบ.ประกันภัยส่วนใหญ่ จะนำเอาส่วนลดเสนอจากที่เดิม มาพิจารณาเพื่อให้แข่งขันราคาเบี้ยประกันได้
ตัวอย่างใบเสนอราคาที่ปัจจุบันที่มีการระบุส่วนลดประวัติดีดังนี้

7. ค่าช่วยเหลือฉุกเฉิน : บริการนี้อาจจะซ้ำกับบริการที่ติดมากับรถออกใหม่ หรือ บัตรเครดิตบางหน้าบัตร

8. ค่ามีรถใช้ทดแทน : ทราบไหมว่ากรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วเราเป็นฝ่ายถูก เราสามารถหารือกับบริษัทประกันของเรา เพื่อไปหาเช่ารถใช้ระหว่างซ่อมแล้วนำค่าเช่ารถไปรวมเคลมเป็นค่าขาดประโยชน์กับฝ่ายผิดได้ ดังนั้นจะไม่จำเป็นนักสำหรับผู้ขับรถประวัติดี

9. งวดชำระเบี้ย : จ่ายเป็นรายปี จะถูกกว่าจ่ายเป็นรายเดือน ถ้าจำเป็นต้องแบ่งชำระจริงๆ แนะนำว่าให้ลองไปดูอัตราพิเศษของบัตรเครดิตที่เอายอดใช้จ่ายไปทำรายการผ่อนได้ ดอกเบี้ยอาจจะถูกกว่า หรือ 0% เลยสำหรับบางธนาคารผู้ออกบัตร เช่น TTB, FirstChoice ฯลฯ

10. ความคุ้มครองอื่นๆ : เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยทรัพย์สินของผู้อื่น ความน่าจะเป็นในการใช้ไม่สูง แต่ต้องมีไว้ตามสมควร
ตัวอย่างที่เลือกมาเป็นขั้นต่ำที่ระบบจะเลือกได้ แต่ก็ปรับแต่งเพิ่มได้ ซึ่งก็ต้องจ่ายเบี้ยเพิ่มเติมครับ


11. บริษัทรับประกัน : ในเคสนี้คือ Roojai (รู้ใจ) เป็นนายหน้าประกันภัย ที่มีแบบประกันที่ปรับแต่งได้ตามใจ เป็นขั้นตอนง่ายๆ และเห็นจำนวนเบี้ยประกันที่ต้องชำระได้ทันที โดยรู้ใจจะมี บ.กรุงไทยพานิชในเครือธนาคารกรุงไทยเป็นผู้รับประกัน และก็มีศูนย์และอู่อยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วๆ ไป ค้นหาศูนย์ หรือ อู่

ถ้าคิดว่าข้อมูลผมมีประโยชน์และน่าสนใจ อย่างน้อยๆ มาลองกดดูราคาได้ที่ลิ้งค์นี้
https://roojai.page.link/ayoG
ซึ่งผมจะได้ค่าแนะนำเช่นกัน ดังนั้นถ้ามีข้อสงสัยอะไร สอบถามได้เลยนะครับ