"ณัฐวุฒิ" สับ "ประยุทธ์" ทอดทิ้งเหยื่อหนองบัวลำภู
https://www.innnews.co.th/news/news_443811/
“ณัฐวุฒิ”สับ”ประยุทธ์” ทอดทิ้งเหยื่อหนองบัวลำภู เมินเยียวยาญาติผู้เสียชีวิต จี้ปัญหายาเสพติด ต้องเอาจริงอย่าทำสร้างภาพ เชื่อทั่วโลกมองไทยไม่จริงใจปราบยาเสพติด
นาย
ณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี ส.ส. หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากเหตุการณ์กราดยิงศูนย์เด็กเล็กที่องค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู เหตุการณ์ครั้งนั้นก่อให้เกิดความเศร้าสะเทือนใจอย่างยิ่งให้กับประชาชนทั่วประเทศและสร้างความตื่นตกใจให้กับชาวโลก เพราะผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก ดังนั้นทั่วโลกจึงจับตามองว่าจากเหตุการณ์นี้ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีมาตราการในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร
ทั้งนี้คนในพื้นที่และคนนอกพื้นที่ทราบเป็นอย่างดีว่าปัญหาที่เกิดขึ้น สาเหตุมาจากปัญหายาเสพติด จากข้อมูลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ปปส. พบว่าในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู จะมีปัญหาเรื่องยาเสพติดสูงมากถึง 1 ใน 3 ส่วนของพื้นที่ทั้งหมดในจังหวัด ซึ่งถ้าหากปล่อยปละละเลยไว้นานปัญหาอื่นๆ ก็จะทยอยตามมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาชญากรรม
ปัญหาครอบครัว ปัญหาอนาคตของลูกหลาน ปัญหาการใช้ความรุนแรงที่อาจนำมาซึ่งโศกนาฏกรรม ภายหลังการเกิดเหตุการณ์ รัฐบาลให้ประกาศให้พื้นที่หนองบัวลำภูเป็นพื้นที่สีขาวปลอดยาเสพติด แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากการประกาศนั้นเพราะทุกวันนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นทุกอย่างเหมือนเดิม ยาบ้ากลับมาขายในพื้นที่ หนักสุดคือมีการใช้เด็กเยาวชนเป็นคนส่งยา โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนรู้เห็นเป็นใจ
นาย
ณัฐวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.
ประยุทธ์ ต้องจริงจังและจริงใจในการแก้ปัญหายาเสพติด ไม่ควรสร้างภาพเพื่อนัยยะทางการเมือง แต่ไม่ทำอะไร ทั้งๆที่มีอำนาจมากมาย แต่กลับเกรงใจใครอยู่หรือเปล่า แทนที่จะจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจโดยใช้เจ้าหน้าที่ กอรมน.ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ปปส. ขึ้นมาทำงานจับกุมปราบปราม เฝ้าระวังตรวจตราจัดเวรยามและให้อำนาจพิเศษ ในการจัดการเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วน 24 ชั่วโมง จริงจังในการจับกุมผู้กระทำผิด ผู้ขายมาลงโทษโดยไม่มีข้อละเว้น แม้แต่เจ้าหน้าที่พร้อมเผาทำลายยาเสพติดทันทีหลังจากเก็บข้อมูลตรวจพิสูจน์หลักฐานเรียบร้อย เพราะชาวบ้านกังขาว่ายาบ้าที่จับยึดได้นำไปไหน กลัวจะถูกนำกลับมาขายในพื้นที่อีกครั้ง
ซึ่งน่าประหลาดใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคณะรัฐมนตรีนำโดยพล.อ.
ประยุทธ์ ลงพื้นที่เพื่อไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจญาติผู้เสียชีวิต ถ่ายรูปสร้างภาพ พร้อมประกาศเร่งเยียวยาให้เร็วที่สุด โดยผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยา ไม่เกินครอบครัวละ 1.1 ล้านบาท จนถึงวันนี้เหตุการณ์ผ่านมานาน 1 เดือนเงินเยียวยามาช้ามาก ทั้ง 37 ชีวิตได้รับเงินเยียวยาครอบครัวละไม่ถึง 300,000 บาท น่าเสียใจที่พล.อ.
ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีไปถ่ายรูปเอาหน้าจากเหตุการณ์ที่มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่ดูแลญาติผู้เสียชีวิต หรือชีวิตประชาชนคนจนไม่สำคัญสำหรับรัฐบาลทหาร
"จิรายุ" โวย "มนัญญา" แฉซ้ำใครเปิดดิวที่ซิดนี่ ท้าแจง 11 พ.ย.สังคมจะได้เคลียร์ จองกฐินซักฟอกม.152 ซ้ำ
https://siamrath.co.th/n/397230
วันที่ 7 พ.ย.65 นาย
จิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาฯ ตอบโต้ น.ส.
มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวกรณีที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมจะปล่อยให้องค์การส่งเสริมโคนมฯ อ.ส.ค.ขายแบรนด์สินค้าของรัฐบาลไทย ภายใต้โลโก้สัญลักษณ์ รูป “
วัวแดง” ของนมยี่ห้อ ไทย-เดนมาร์ก โดยองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย กล่าวหาฉกฉวยมาโจมตีกัน และไม่แมนเลยว่า ยืนยันว่าตนแมนทั้งแท่ง และอยู่ดีๆ คณะกรรมาธิการกิจการศาลฯ รู้ได้ยังไง ว่ามีการวางแผนจะขายยี่ห้อของเกษตรกรไทย ของประเทศไทย ที่เกษตรกรทำกันมาเกือบร้อยปีไปให้ต่างชาติ เพื่อแลกผลประโยชน์หรือไม่ และตนก็ไม่รู้ว่ามีคนเดินทางไป เปิดดิวที่ซิดนีย์จริงหรือไม่ ตนสนิทกับพี่ชายท่านรัฐมนตรีมากไม่อยากจะตอบโต้ แต่ถ้ารัฐมนตรี
มนัญญา จะช่วยกรุณาทำหน้าที่รัฐมนตรีเพื่อประชาชน ในการชี้แจงข้อร้องเรียน ก็ขอเชิญวันพฤหัสที่ 11 พ.ย.นี้ ที่กมธ. เพื่อสังคมจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เห็นต้องออกมาให้ร้ายตน
นาย
จิรายุ กล่าวต่อว่า ไม่ใช่ตนอยู่ดีๆ จะฝันแล้วตื่นขึ้นมาทำเรื่องนี้ เพราะมีกลุ่มเกษตรผู้เลี้ยงโคนม ได้มาร้องเรียนต่อกรรมาธิการฯ มีเอกสารลับจำนวนมาก และพบว่ามีความไม่ปกติ พยายามใช้แทคติกทางกฎหมาย ที่จะนำสัญลักษณ์ วัวแดง ไทย-เดนมากค์ ไปประเคนให้กับบริษัทเอกชน ต่างชาติที่ไม่ใช่ของประเทศเดนมาร์กเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งสหภาพแรงงานของ อ.ส.ค.ยังได้เห็นความผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตเอื้อประโยชน์เอกชน โดยหวังเงินทอนหรือมีฝ่ายการเมืองไปแทรกแซงจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ถ้ารัฐมนตรี มาชี้แจงด้วยตนเอง
"
ผมเชื่อว่าประชาชนจะชื่นชมที่มาตอบข้อกังขาให้สิ้นกระแสความได้ ผมได้เตรียมเรื่องนี้เข้าบรรจุไว้ในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต้นเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งจะได้เห็นชัดๆ ว่ามีความพยายามทำเช่นนั้นจริงหรือไม่ มือดิว คือใครและมีใครบ้างเกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่ระดับชาติครั้งนี้" นาย
จิรายุกล่าว
ศาลอาญา ยกฟ้อง 8 แอดมินเพจ “เรารักประยุทธ์” ตัดต่อภาพข้อความชวนลอยกระทงปี 59 ชี้ ไร้เจตนาให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย
https://www.innnews.co.th/news/news_443853/
วันนี้ (7 พ.ย.) ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำ อ.3036/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นาย
ศุภชัย สายบุตร กับพวก รวม 8 คน แอดมินเพจฟซบุ๊ก ในความผิดฐานร่วมกันก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องขึ้นในหมู่ประชาชนหรือขนาดก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
จากกรณีที่จำเลยทั้งแปด กับพวกที่หลบหนีร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำเปิดเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า “
เรารักพลเอกประยุทธ์” มีเนื้อหาการทำงานรัฐบาลพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างเดือนพ.ย.58 ถึงวันที่ 7 เม.ย.59 จำเลยทั้งแปดร่วมกันโพสต์ภาพใบหน้าพลเอก
ประยุทธ์ และพลเอก
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม(ขณะนั้น) ตัดต่ออยู่บนกระทง พร้อมข้อความที่ไม่เหมาะสม
ในวันนี้ จำเลยทั้ง 7 คนเดินทางมาศาล หลังได้รับการประกันตัว ส่วน น.ส.
ณัฏฐิกา หรือ
นัท ได้ลี้ภัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าภาพและข้อความที่โพสต์ลงในเพจดังกล่าวเป็นการเชิญชวนประชาชนไปร่วมลอยกระทง การกระทำดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่ตัวบุคคลไม่ใช่เป็นการล้มล้างการบริหารประเทศ และในวันดังกล่าว มีประชาชนมาร่วมชุมนุมโดยสงบเป็นสิทธิเสรีภาพการแสดงออก ที่ถูกต้องและสมควรตามธรรมเนียมทางการเมือง
บุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพึงรับฟัง และในวันที่เชิญชวนไม่มีเหตุภายในบ้านเมืองจนก่อให้เกิดความไม่สงบ แม้ภาพที่เผยแพร่อาจมีความไม่เหมาะสมแต่ก็หาใช่เหตุที่จำเลยมีเจตนาพิเศษให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายและเกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องพิพากษายกฟ้อง
JJNY : สับทอดทิ้งเหยื่อหนองบัวลำภู| "จิรายุ"โวย"มนัญญา"| ยกฟ้อง 8 แอดมินเพจ “เรารักประยุทธ์”| คดีไซเบอร์พุ่ง 1 แสนคดี!
https://www.innnews.co.th/news/news_443811/
“ณัฐวุฒิ”สับ”ประยุทธ์” ทอดทิ้งเหยื่อหนองบัวลำภู เมินเยียวยาญาติผู้เสียชีวิต จี้ปัญหายาเสพติด ต้องเอาจริงอย่าทำสร้างภาพ เชื่อทั่วโลกมองไทยไม่จริงใจปราบยาเสพติด
นายณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี ส.ส. หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากเหตุการณ์กราดยิงศูนย์เด็กเล็กที่องค์การบริหารส่วนตำบลอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู เหตุการณ์ครั้งนั้นก่อให้เกิดความเศร้าสะเทือนใจอย่างยิ่งให้กับประชาชนทั่วประเทศและสร้างความตื่นตกใจให้กับชาวโลก เพราะผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก ดังนั้นทั่วโลกจึงจับตามองว่าจากเหตุการณ์นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีมาตราการในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร
ทั้งนี้คนในพื้นที่และคนนอกพื้นที่ทราบเป็นอย่างดีว่าปัญหาที่เกิดขึ้น สาเหตุมาจากปัญหายาเสพติด จากข้อมูลของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ปปส. พบว่าในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู จะมีปัญหาเรื่องยาเสพติดสูงมากถึง 1 ใน 3 ส่วนของพื้นที่ทั้งหมดในจังหวัด ซึ่งถ้าหากปล่อยปละละเลยไว้นานปัญหาอื่นๆ ก็จะทยอยตามมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอาชญากรรม
ปัญหาครอบครัว ปัญหาอนาคตของลูกหลาน ปัญหาการใช้ความรุนแรงที่อาจนำมาซึ่งโศกนาฏกรรม ภายหลังการเกิดเหตุการณ์ รัฐบาลให้ประกาศให้พื้นที่หนองบัวลำภูเป็นพื้นที่สีขาวปลอดยาเสพติด แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากการประกาศนั้นเพราะทุกวันนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นทุกอย่างเหมือนเดิม ยาบ้ากลับมาขายในพื้นที่ หนักสุดคือมีการใช้เด็กเยาวชนเป็นคนส่งยา โดยมีเจ้าหน้าที่รัฐบางคนรู้เห็นเป็นใจ
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องจริงจังและจริงใจในการแก้ปัญหายาเสพติด ไม่ควรสร้างภาพเพื่อนัยยะทางการเมือง แต่ไม่ทำอะไร ทั้งๆที่มีอำนาจมากมาย แต่กลับเกรงใจใครอยู่หรือเปล่า แทนที่จะจัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจโดยใช้เจ้าหน้าที่ กอรมน.ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ปปส. ขึ้นมาทำงานจับกุมปราบปราม เฝ้าระวังตรวจตราจัดเวรยามและให้อำนาจพิเศษ ในการจัดการเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วน 24 ชั่วโมง จริงจังในการจับกุมผู้กระทำผิด ผู้ขายมาลงโทษโดยไม่มีข้อละเว้น แม้แต่เจ้าหน้าที่พร้อมเผาทำลายยาเสพติดทันทีหลังจากเก็บข้อมูลตรวจพิสูจน์หลักฐานเรียบร้อย เพราะชาวบ้านกังขาว่ายาบ้าที่จับยึดได้นำไปไหน กลัวจะถูกนำกลับมาขายในพื้นที่อีกครั้ง
ซึ่งน่าประหลาดใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคณะรัฐมนตรีนำโดยพล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่เพื่อไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจญาติผู้เสียชีวิต ถ่ายรูปสร้างภาพ พร้อมประกาศเร่งเยียวยาให้เร็วที่สุด โดยผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินเยียวยา ไม่เกินครอบครัวละ 1.1 ล้านบาท จนถึงวันนี้เหตุการณ์ผ่านมานาน 1 เดือนเงินเยียวยามาช้ามาก ทั้ง 37 ชีวิตได้รับเงินเยียวยาครอบครัวละไม่ถึง 300,000 บาท น่าเสียใจที่พล.อ.ประยุทธ์ และคณะรัฐมนตรีไปถ่ายรูปเอาหน้าจากเหตุการณ์ที่มีคนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่กลับไม่ดูแลญาติผู้เสียชีวิต หรือชีวิตประชาชนคนจนไม่สำคัญสำหรับรัฐบาลทหาร
"จิรายุ" โวย "มนัญญา" แฉซ้ำใครเปิดดิวที่ซิดนี่ ท้าแจง 11 พ.ย.สังคมจะได้เคลียร์ จองกฐินซักฟอกม.152 ซ้ำ
https://siamrath.co.th/n/397230
วันที่ 7 พ.ย.65 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาฯ ตอบโต้ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวกรณีที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เตรียมจะปล่อยให้องค์การส่งเสริมโคนมฯ อ.ส.ค.ขายแบรนด์สินค้าของรัฐบาลไทย ภายใต้โลโก้สัญลักษณ์ รูป “วัวแดง” ของนมยี่ห้อ ไทย-เดนมาร์ก โดยองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย กล่าวหาฉกฉวยมาโจมตีกัน และไม่แมนเลยว่า ยืนยันว่าตนแมนทั้งแท่ง และอยู่ดีๆ คณะกรรมาธิการกิจการศาลฯ รู้ได้ยังไง ว่ามีการวางแผนจะขายยี่ห้อของเกษตรกรไทย ของประเทศไทย ที่เกษตรกรทำกันมาเกือบร้อยปีไปให้ต่างชาติ เพื่อแลกผลประโยชน์หรือไม่ และตนก็ไม่รู้ว่ามีคนเดินทางไป เปิดดิวที่ซิดนีย์จริงหรือไม่ ตนสนิทกับพี่ชายท่านรัฐมนตรีมากไม่อยากจะตอบโต้ แต่ถ้ารัฐมนตรี มนัญญา จะช่วยกรุณาทำหน้าที่รัฐมนตรีเพื่อประชาชน ในการชี้แจงข้อร้องเรียน ก็ขอเชิญวันพฤหัสที่ 11 พ.ย.นี้ ที่กมธ. เพื่อสังคมจะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่เห็นต้องออกมาให้ร้ายตน
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ไม่ใช่ตนอยู่ดีๆ จะฝันแล้วตื่นขึ้นมาทำเรื่องนี้ เพราะมีกลุ่มเกษตรผู้เลี้ยงโคนม ได้มาร้องเรียนต่อกรรมาธิการฯ มีเอกสารลับจำนวนมาก และพบว่ามีความไม่ปกติ พยายามใช้แทคติกทางกฎหมาย ที่จะนำสัญลักษณ์ วัวแดง ไทย-เดนมากค์ ไปประเคนให้กับบริษัทเอกชน ต่างชาติที่ไม่ใช่ของประเทศเดนมาร์กเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งสหภาพแรงงานของ อ.ส.ค.ยังได้เห็นความผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตเอื้อประโยชน์เอกชน โดยหวังเงินทอนหรือมีฝ่ายการเมืองไปแทรกแซงจริงหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ถ้ารัฐมนตรี มาชี้แจงด้วยตนเอง
"ผมเชื่อว่าประชาชนจะชื่นชมที่มาตอบข้อกังขาให้สิ้นกระแสความได้ ผมได้เตรียมเรื่องนี้เข้าบรรจุไว้ในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ต้นเดือนธ.ค.นี้ ซึ่งจะได้เห็นชัดๆ ว่ามีความพยายามทำเช่นนั้นจริงหรือไม่ มือดิว คือใครและมีใครบ้างเกี่ยวข้องกับเรื่องใหญ่ระดับชาติครั้งนี้" นายจิรายุกล่าว
ศาลอาญา ยกฟ้อง 8 แอดมินเพจ “เรารักประยุทธ์” ตัดต่อภาพข้อความชวนลอยกระทงปี 59 ชี้ ไร้เจตนาให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมาย
https://www.innnews.co.th/news/news_443853/
วันนี้ (7 พ.ย.) ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก อ่านคำพิพากษา ในคดีหมายเลขดำ อ.3036/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายศุภชัย สายบุตร กับพวก รวม 8 คน แอดมินเพจฟซบุ๊ก ในความผิดฐานร่วมกันก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องขึ้นในหมู่ประชาชนหรือขนาดก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักรอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
จากกรณีที่จำเลยทั้งแปด กับพวกที่หลบหนีร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำเปิดเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า “เรารักพลเอกประยุทธ์” มีเนื้อหาการทำงานรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อระหว่างเดือนพ.ย.58 ถึงวันที่ 7 เม.ย.59 จำเลยทั้งแปดร่วมกันโพสต์ภาพใบหน้าพลเอกประยุทธ์ และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม(ขณะนั้น) ตัดต่ออยู่บนกระทง พร้อมข้อความที่ไม่เหมาะสม
ในวันนี้ จำเลยทั้ง 7 คนเดินทางมาศาล หลังได้รับการประกันตัว ส่วน น.ส.ณัฏฐิกา หรือนัท ได้ลี้ภัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าภาพและข้อความที่โพสต์ลงในเพจดังกล่าวเป็นการเชิญชวนประชาชนไปร่วมลอยกระทง การกระทำดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่ตัวบุคคลไม่ใช่เป็นการล้มล้างการบริหารประเทศ และในวันดังกล่าว มีประชาชนมาร่วมชุมนุมโดยสงบเป็นสิทธิเสรีภาพการแสดงออก ที่ถูกต้องและสมควรตามธรรมเนียมทางการเมือง
บุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพึงรับฟัง และในวันที่เชิญชวนไม่มีเหตุภายในบ้านเมืองจนก่อให้เกิดความไม่สงบ แม้ภาพที่เผยแพร่อาจมีความไม่เหมาะสมแต่ก็หาใช่เหตุที่จำเลยมีเจตนาพิเศษให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายและเกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง พยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้องพิพากษายกฟ้อง