ความรู้สึกของคนที่กำลังจะถูกธนาคารยึดบ้าน

กระทู้คำถาม
บ้านกำลังจะถูกยึด ความรู้สึกตอนนี้เสียใจและเศร้ามากๆ เงินเก็บที่มีก้อเอาลงที่บ้านหลังนี้ สุดท้ายโชคชะตาก้อกลั่นแกล้ง รายได้ไม่พอสำหรับผ่อนบ้าน จากที่กู้แบวค์มา 3.5 ล้าน เวลาผ่านไป 8 เกือบ 9 ปี เป็นหนี้ 4.5 ล้าน และวันนี้ก้อมีหมายศาลมาแล้ว เดินต่อไม่ถูก ไม่รู้จะทำยังไง ที่ซุกหัวนอนก้อยังไม่มี อยากจบชีวิตตัวเองลงแต่ก้อยังนึกถึงคนข้างหลัง ทำไมชีวิตทันช่างยากเย็นแบบนี้ ตกงาน หาสมัครงาน อายุ 42 ไปสมัครงาน ก้อไม่รับ บอกว่าอายุมาก งงมาก อายุมากแล้วไง คือตอนนี้ทุกช่องทางมันตันไปหมด ไม่มีหนทางออก คิดแล้วเศร้า
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
พ่อผมเอาร้านที่ทำธุรกิจการค้าเข้าธนาคารทำOD
โดยมีพี่ผมเป็นคนดำเนินธุรกิจ

พอปี40เจอวิกฤติเศรษฐกิจ

กลายเป็นหนี้NPL 18ล้านบาท

พี่ผมก็ติดหนี้สินการค้ามากมายหลายเจ้า  จนอยู่ไม่ได้ เพราะทรัพย์สินที่มีเคลียร์ไม่หมด

จนผมต้องเข้ามาทำแทน

ช่วงนั้น ทำไปแบบไม่มีความหวัง


ความคิดในตอนนั้น ทำเพียงแค่ให้มีรายได้เลี้ยงปากท้อง


การค้าก็ซบเซา ต้องบนบานหลวงพ่อโสธร ขอให้การค้าดี จะนำไข่ต้มมาถวายทุก3เดือน เพื่อสร้างที่พึ่งขวัญกำลังใจ



ระหว่างนี้ เจอเจ้าหนี้มาทวงนับสิบราย จนเป็นที่เลื่องลือในแวดวง



และในห้วงเวลานั้น ผมไม่อยากเปิดร้านวันศุกร์เลย

เพราะมักจะเป็นวันที่บรรดาเจ้าหนี้มาพร้อมกับทนายและจนท.พิทักษ์ทรัพย์เข้ามาแสดงตัว เพราะคดีถึงที่สุดแล้ว



และถ้าหากเจอลูกหนี้ในวันนี้
ก็จะได้นำตัวเข้าห้องขัง

ติดวันเสาร์ อาทิตย์ ประกันตัวไม่ได้

แต่ถ้าไม่เจอ ก็จะดำเนินการยึดทรัพย์ต่อไป

ในที่สุด ผมก็ต้องเจรจาขอชดใช้หนี้แทนพี่
ด้วยการเขียนเช็คผ่อนจ่ายเป็นงวดไป

ซึ่งเท่ากับเปลี่ยนสถานะจากลูกหนี้ซึ่งเป็นพี่ กลายเป็นผมแทน


ซึ่งผมจำเป็นต้องทำแบบนี้

เพราะสิ่งของที่เจ้าหนี้จะมายึดเหล่านั้น มันคือสินค้าต้นทุนที่ผมจะต้องดำเนินกิจการต่อไปให้ได้



โดยที่เขาไม่ฟังหรอกว่า สินค้าเหล่านั้นเป็นของผมสั่งซื้อเข้ามาเอง

เขาจะต้องยึดไปก่อน

แล้วให้ผมไปแถลงต่อศาลอีกที

แล้วผมจะไปทำแบบนั้นทำไมให้เสียเครดิตและเวลาของผม
ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาเป็นปีๆ

สู้เอาเงินจ่ายมันไปซะ




แล้วสุดท้ายก็มาถึงการขายทอดตลาดในที่สุด จนได้เจ้าของใหม่ในปี47

เขาก็เข้ามาแสดงตัว


เจ้าของใหม่ ยื่นข้อเสนอ

ถ้าจะสู้คดีต่อ ก็สู้ได้ เพราะเป็นสิทธิขิงคุณ

แต่ถ้าไม่สู้ ผมให้เช่าอยู่ต่อ


ซึ่งผมก็เลือกขอเช่าอยู่ต่อ เพื่อดำเนินธุรกิจต่อไป


ก็อยู่ไปได้อีก8ปี เจ้าของใหม่ก็ขอที่คืนละ

โดยแจ้งล่วงหน้า1ปี

ตั้งแต่นั้นมา ก็นับวันถอยหลัง

เหลือ10เดือน เหลือ8เดือน เหลือ5เดือน


ช่างเหมือนกับสมัยเรียนมิผิดเพี้ยน ที่ตอนนั้น
ทางพ่อบอกว่าเรียนแค่ปีนี้ปีเดียวนะ

ปีหน้าต้องออกมาทำงานแล้ว





ที่เล่ามา ก็ตามที่จขกท.ถามแหละครับว่ารู้สึกยังไง


แนะนำได้เพียงแค่เข้าไปคุยกับธนาคารประนอมหนี้กันไป

สู้ให้ได้ถึงที่สุด


ฟ้าไม่ได้มืดตลอด พรุ่งนี้ก็สว่างแล้ว

เริ่มต้นชีวิตใหม่ เปลี่ยนการใช้ชีวิตแบบใหม่

จากที่เคยฟุ่มเฟือย ก็ลดให้น้อยลง

จากที่เคยขี้เกียจก็ขยันให้มากกว่าเดิม


อย่าไปสนใจสังคมว่าเขาจะมองเราว่ากระจอก

เพราะไม่มีใครยินดีกับเราอย่างแท้จริงในวันที่เรามีกินมีใช้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่