พ่อสนับสนุนแต่พี่ชาย ควรจัดการความรู้สึกหรือแก้ปัญหายังไงดีคะ

สวัสดีค่ะ จขกท. ขอรบกวนเพื่อนๆพี่ๆในพันทิปปรึกษาหน่อยค่ะ

คือจขกท. มีพี่ชาย 1 คน อายุห่างกัน 5 ปีค่ะ
ส่วนคุณพ่อคุณแม่เกษียณแล้ว แต่ยังพอมีรายได้อยูาบ้าจึง จขกท.และพี่ชายจึงไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้

ตัวจขกท.เอง โสด ทำงานรับราชการ มา 4 ปี ก็อย่างที่ทราบ เงินเดือนไม่มาก แต่ก็ต้องอยู่ เพราะพ่อแม่หวังสวัสดิการของราชการ ทั้งที่ถ้าจขกท.ออกไปทำงานเอกชน รายได้น่าจะมาขึ้นประมาณ 3 เท่า เพราะเงินเดือนราชการนี่น้อยมากค่ะ ประมาณ20k

ส่วนพี่ชายมีครอบครัวแล้ว ลูก 1 ทำธุรกิจเสริมสวย ก่อนหน้านี้ทำธุรกิจส่วนตัวมาตลอด ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ แต่คุณพ่อก็จะออกทุนให้ทุกครั้งที่เริ่มใหม่ ก็เพราะว่าเวลาเลิกทำธุรกิจเก่า ก็จะเหลือเงินไม่ยอะนัก พอจะเริ่มใหม่ คุณพ่อก็ต้องเติมให้ทุกครั้ง ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรค่ะ รู้สึกว่าเป็นการสนับสนุนธุรกิจลูกๆ เราไม่ได้คิดมาก

ส่วนรายได้อีกทางของพี่ชายคือคุณพ่อมอบมีคอนโดที่มอบให้พี่หลายห้อง ส่วนนี้คือพี่ปล่อยเช้าและรับเงินรายเดือนจากผู้เช่าโดยตรง โดยตอนแรกคุณพ่อให้เพราะเห็นว่าพี่ชายอาจจะไม่สามารถทำธุรกิจให้รอดได้ ก็อยากให้มีเงินกินใช้ของตัวเอง จึงจัดสรรไว้แบบนั้น จขกท.เองทราบแค่คร่าวๆว่าพ่อจะมอบค่าเช่าให้กับพี่ชาย แต่ไม่ทราบมูลค่า

แต่เมื่อประมาณ 3 เดือนมานี้ บังเอิญไปได้ยินคุณแม่คุยกับคุณพ่อ ว่าจริงๆแล้ว เงินกินเปล่าจากค่าเช่าคอนโด ก็ควรจะให้ จขกท.ด้วย อาจจะไม่ต้องเท่ากันกับพี่ชาย แต่ควรได้บ้าง จขกท.จึงได้ทราบว่า พี่ชายได้เงินจากทรัพย์สินของคุณพ่อเดือนละ 50-60K ซึ่งคุณพ่อเองบอกว่า ก็ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อเอ่ยปากว่ายกให้พี่ชายไปแล้ว ก็ไม่อยากจะเอาคืน ไม่ว่าคุณแม่จะยกเหตุผลว่าสงสารที่จขกท.ต้องทำงานเสริมจนเหนื่อยแทบทุกวัน คุณพ่อก็ยืนยันว่าเงินของเขา เขาขอตัดสินใจเอง ซึ่งก็คือให้พี่ชายแบบนี้ไปเรื่อยๆ

ส่วนจขกท.เอง มีรายได้เสริมจากการทำงานทั้งเสาร์และอาทิตย์ค่ะ คือทำงานกัน 7 วันต่อสัปดาห์ 1 เดือนจะมีวันหยุดให้ตัวเองประมาณ 1-2 วันเท่านั้น โดยรายได้ส่วนนี้จะประมาณ 40k ค่ะ ถือว่ารายได้ค่อนข้างดี แต่เป็นงานที่เหนื่อยทั้งกายทั้งใจ คือเลิกงานประมาณ 3 ทุ่ม ซึ่งกว่าจะเลิกก็แทบหาข้าวกินไม่ได้ ไปเจอเพื่อนไม่ได้แล้วค่ะ แต่ก็พยายามทำเพื่อหาค่าใช้จ่ายส่วนตัวเองไม่ต้องพึ่งพ่อแม่ค่ะ

หลังจากได้ยินวันนั้นยอมรับว่าน้อยใจค่ะ และไม่สามารถก้าวผ่านเรื่องนี้ไปได้ จขกท. รักกับพี่ชายดีนะคะ เจอกัน ช่วยเหลือกันอย่างดี จนถึงตอนนี้จขกท.ก็ไม่ได้โกรธอะไรพี่ชายค่ะ แค่เป็นอารมณ์น้อยใจว่าพี่ชายมี passive income เยอะจนใช้ชีวิตสบายๆเลย พี่ชายเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวเดือนละ 1-2 ครั้ง นอนโรงแรมดีๆตลอด ไปเที่ยวต่างประเทศก็ปีละ 3-4 ครั้ง บางครั้งก็ไปฟรีเพราะคุณแม่ออกให้ เพราะคุณแม่หาเพื่อนไปด้วย ซึ่งด้วยงายของจขกท.ลาค่อนข้างยาก ก็ไม่ได้ไปด้วยอีก และพี่ชายก็ทำงานธุรกิจส่วนตัว เข้างานอาทิตย์ละ 3 วัน นอกนั้นก็ไปเที่ยวได้ ในแง่ของการใช้ชีวิต การใช้เงิน จขกท.ไม้ก้าวก่ายค่ะ จะใช้ชีวิตสบายๆ ชอบเที่ยวไปเรื่อยๆก็ได้ แต่ตอนนี้จขกท.รู้สึกว่า ก็เพราะว่าพี่ใช้ชีวิตสบายกว่าจขกท. ทำให้คุณพ่อมองว่าเดี๋ยวจะรายได้ไม่พอ จึงเอาเงินไปให้พี่ แล้วก็ทำให้พี่ชีวิตสบายขึ้นไปอีก โดนที่ไม่ได้ต้องพยายามเพิ่ม แต่กับจขกท. ที่ต้องอดทนรับเงินเดือนน้อยๆเพื่อสวัสดิการพ่อแม่ จนวันเสาร์อาทิตย์ไม่ได้พัก ต้องไปทำงานเสริม เหนื่อยก็เหนื่อยและเพื่อนแทบไม่ได้เจอ พ่อกลับรู้สึกว่าอาชีพมั่นคง มีความรับผิดชอบ ไม่ต้องรับการสนับสนุนก็คงไม่อดตาย เลยรู้สึกเหมือนเราเหนื่อยให้พี่สบายไปซะงั้น เราเองก็อยากหยุดบ้าง อยากไปเจอเพื่อน ไปเที่ยวแบบพี่บ้าง แต่ถ้าจะไปพักแบบพี่ มันก็มีค่าใช้จ่ายอีก ซึ่งถ้าเราไม่ทำงานเสริมหนักขนาดนี้ ก็คงไม่มีเงินไปใช้ขนาดพี่เราอีก ส่วนคุณแม่ก็บ่นแต่ว่าพี่ชายใช้เงินเยอะ แทบไม่มีเงินเก็บ แต่ก็นั่นแหละค่ะ พอเห็นว่าจะไม่มีเงินเก็บก็ต้องสนับสนุนกันทุกที

เลยอยากถามความคิดเห็นเพื่อนๆพี่ๆ ที่มีประสบการณ์หน่อยค่ะ หรืออย่างคนที่มีลูก

1.  ถ้าวันนึงลูกออกมาบอกว่ารู้สึกว่าที่พ่อทำอยู่มันไม่เท่าเทียม คุณในฐานะผู้ปกครองจะรู้สึกยังไง
2. ใครเคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในชีวิต จัดการปัญหายังไงกันคะ
3. ถ้าจัดการปัญหาไม่ได้ ทำใจกันยังไงบ้างคะ มีวิธีคิดหรืออะไรแนะนำมั้ยคะ ส่วนตัวนขกท.เอง ที่ผ่านมาไม่รู้สึกอะไรมาก เพราะเห็นว่าเป็นการช่วยเหลือพี่ชาย เงินของพ่อเป็นสิมทธิของพ่อที่จะบริหารจัดการ แต่มันก็เริ่มมารู้สึกตอนที่เห็นเพื่อนๆอาชีพเดียวกันมีรายได้ ก้าวหน้า แต่เราติดอยู่ตรงนี้เพราะพ่อแม่อยากได้สวัสดิการ จะไปก็ไปไม่ได้ แถมเอาเงินไปให้พี่อีกค่ะ
จริงๆจขกท.อยากรับฟังความเห็นหลายๆแบบนะคะ สามารถเห็นต่างได้ ถ้าคิดว่าจขกท.คิดแบบเห็นแก่ตัวก็คอมเม้นได้แต่ขอเหตุผลด้วยค่ะ ว่าจริงๆวิธีคิดที่ถูกควรเป็นแบบไหน

ปล. ตอนนี้คือพี่ชายอยู่กับภรรยาและลูกที่คอนโดไม่ไกลจากบ้านค่ะ ส่วนจขกท. อยู่กับคุณพ่อและคุณแม่ที่บ้าน คนดูแลคุณพ่อคุณแม่หลักเลยคือจขกท. ค่าน้ำค่าไฟที่บ้านคุณพ่อดูแล ค่าแม่บ้านคุณแม่เป็นคนออก ซึ่งบ้าน เคยตกลงกันไว้ว่าจะเป็นมรดกของจขกท.ค่ะ มูลค่าประมาณ 15M แต่พี่ชายก็จะได้อสังหาอื่นมูลค่าพอๆกันค่ะ แต่ปัญหาตอนนี้คือพี่ชายกำลังจะย้ายครอบครัวเข้ามาอยู่ที่บ้านด้วย ด้วยเหตุผลว่าอยากมีลูกอีก 1 คน และคอนโดคับแคบเกินไป ทำให้จขกท. ต้องย้ายไปห้องเล็ก เพื่อให้ครอบครัวพี่ชายมาอยู่ด้วย และคอรโดที่พี่ชายอยู่ ก็จะขาย หรือปล่อยเช่า ซึ่งเป็นรายได้อีกทางด้วยค่ะ ทำให้จขกท.มีความรู้สึกหวงเกิดขึ้น ว่าพี่ชายจะย้ายที่อยู่ตัวเอง แล้วมาอยู่บ้าน ก็จะได้เงินจากค่าเช่าคอนโดเพิ่มขึ้นอีก ในขณะที่มาใช้พื่นที่ที่เคยเป็นของจขกท. แถมยังมีเงินสนับสนุนของพ่อต่อเนื่อง ส่วนจขกท. พื้นที่ส่วนตัวลดลง แถมไม่ได้อะไรเลย ก็แอบมีความคิดว่าตัวเองควรได้เงินจากค่าคอนโดที่พี่จะปล่อยเช่า คิดแบบนี้ถูกหรือโลภเกินไปคะ เพราะอีกใจ ถ้าคิดตามเหตุผล ตราบใดที่คุณพ่อคุณแม่ยังอยู่ พี่ก็มีสิทธิใช้พื้นที่ในบ้านเท่าๆกับจขกท. แต่ก็นั่นแหละค่ะ อารมณ์น้อยใจมันบดบังใจไปหมดในตอนนี้<!--/data/user/0/com.samsung.android.app.notes/files/clipdata/clipdata_bodytext_221105_125640_789.sdocx-->
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่