ในกระทู้นี้เราจะเล่าเรื่องการเห็น ภพภูมิ ของเรากันบ้าง ในเรื่องของ ภพภูมิ เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องประสบพบเจอ ซึ่ง ภพภูมิ ที่เราได้พบเห็นและเจอบ่อยที่สุดก็คือ โลกของวิญญาณ โลกหลังความตาย ชีวิตเราต้องวุ่นวายกับ ผีหรือวิญญาณอยู่เป็นสิบๆปี กว่าเราจะหมดกรรมจากตรงนั้น
ถ้าคุณอยากรู้ว่าเราไปเริ่มเกี่ยวข้องกับ ภพภูมิของผีหรือวิญญาณได้ยังไง ก็ไปหาอ่านได้จากกระทู้ หลักธรรม ข้อคิด ของเราค่ะ ในกระทู้นี้เราจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับอีก ภพภูมิ นึงที่หลายๆคนคุ้นเคย และให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย คือ ภพภูมิ พญานาค ค่ะ
อันที่จริงเราไม่เคยคิดหรือให้ความสนใจกับ ภพภูมิ นี้เท่าไหร่เพราะเราเป็นคนใต้ โดยพื้นเพแล้วเราไม่ได้มีวัฒนธรรมความเชื่อเกี่ยวกับ ภพภูมิพญานาค เหมือนคนภาคอีสาน
แต่เรารู้ตัวว่าเราเริ่มไปเกี่ยวข้องกับ ภพภูมิ นี้ตอนที่เรามีลูกคนแรก เพราะตอนนั้นเราไปขอลูกเรามาจาก คำชะโนด โดยขอมาด้วยบุญด้วยกุศลของเรา ว่าถ้าเรามีบุญมีกุศลมากพอก็ขอให้เรามีลูก
ซึ่งโดยนิสัยปกติของเรา เราเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับพวกนี้เลย และไม่ชอบมีนิสัยไปบนบานศาลกล่าว แต่เราก็บอกไม่ถูกว่าทำไมเราถึงไปขอลูกเรามาจากสถานที่นั้น และตอนที่ขอมาเราก็มีสติดี และคิดว่าตัวเองไม่ได้บนบานศาลกล่าวขอลูกมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่นั่น
แต่เราคิดว่าเราขอเขามาจากบุญกุศลของเราเอง เมื่อเราได้ลูกเรามา มันก็เกิดเหตุการณ์แปลกๆกับเราและกับลูกเรามาตลอด ตั้งแต่ลูกคนนี้ของเราอยู่ในท้องแล้ว
ลูกเราคนนี้เราตั้งครรภ์เลย 42 สัปดาห์แล้วก็ยังไม่เจ็บท้องคลอด คืนก่อนที่เราจะคลอดเราฝันเห็นพระพุทธรูปปางนาคปรก องค์สีดำสนิทตั้งอยู่บนท้องของเราแล้วก็มีเสียงบอกเราว่า ลูกเราต้องคลอดวันนี้ ถ้าไม่ได้คลอดวันนี้เขาจะเอากลับ
รุ่งเช้าเป็นวันพุธและเป็นวันหมอนัดพอดี พอได้เขาพบหมอ หมอก็ถามเราว่าเราจะเอายังไง มันเลย 42 สัปดาห์แล้ว จะให้หมอผ่าหรือจะรอคลอดเอง หมอกลัวว่ารกจะเสื่อมเดี๋ยวจะเป็นอันตรายกับเราและลูก
เราเลยถามหมอว่า ถ้าจะผ่าขอผ่าวันนี้เลยได้มั้ย เราไม่อยากรอแล้ว หมอก็ดูคิวแล้วเราก็ได้ผ่าวันนั้นเลย สามีเราที่เป็นพ่อของลูกเราตอนนั้นก็งงกันใหญ่ รวมทั้งแม่เขาด้วย ที่จู่ๆเราก็ให้หมอผ่าคลอดให้วันนั้นเลย
พวกเขาบอกว่าถ้าจะผ่าคลอดจะได้หาฤกษ์ผ่า ไม่ใช่จู่ๆก็ผ่าเลยแบบนี้ เราก็บอกว่าวันนี้แหละฤกษ์ดีที่สุดแล้ว แต่เราไม่ได้เล่าเรื่องที่เราฝันคืนนั้นให้ฟัง เพราะพวกเขาไม่ค่อยจะเชื่ออะไรแบบนี้ เราก็ไม่เชื่อแต่เราก็ไม่กล้าเสี่ยง
หลังจากออกจากโรงพยาบาลกลับมาเลี้ยงลูกอยู่บ้านแม่สามีเราตอนนั้น เราก็จะเห็นพวกพญานาคบริวารติดตามลูกเรามาถึง 7 ตน คอยตามลูกเราอยู่ตลอดไม่ห่าง จนบางทีเราคิดว่าคงจะคิดไปเอง แต่มันไม่ใช่ พวกเขาตามอยู่จริงๆ ทั้ง 7 ตนเลย เราก็เล่าให้แม่สามีเราฟังตลอดแต่ท่านไม่เชื่อเรา
จนกระทั่งเราเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ และอยากจะรู้ว่าที่เราเจอ เราเห็น มันเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือเราแค่คิดไปเอง วันนึงเราได้ไปหาพระอาจารย์ท่านที่ปิดเรื่องจิตหลุดให้เรา เราจึงเอ่ยถามท่านเรื่องนี้
ท่านจึงบอกเราว่า เรารู้ เราเห็นอะไร มันก็เป็นจริงตามนั้นแหละ ไม่ต้องสงสัยไป พวกเขามาปกป้องคุ้มครองลูกเรา ไม่ได้จะมาทำอันตรายอะไร หลังจากนั้นเราก็เฉยๆ ไม่ได้ไปสนใจอะไรอีก
พอลูกเราเริ่มหัดพูด เขาก็จะชอบเล่นคนเดียวบ่อยๆ แต่เรารู้ เราเห็น ว่าลูกเราไม่ได้เล่นคนเดียว หลังจากนั้นลูกเราก็เริ่มเรียกแทนตัวเองด้วยชื่ออื่น ที่ไม่ใช่ชื่อที่เราตั้งให้ แล้วก็พูดแทนตัวเองด้วยชื่อนั้นบ่อยๆ
จนย่าเค้าเริ่มกังวล กลัวว่าหลานจะเป็นอะไรไป เราก็บอกย่าเขาไปว่า ลูกเราไม่เป็นไรหรอก แต่แกไม่เชื่อแล้วก็เทียวพาลูกเราไปให้พระท่านช่วย ขอให้ลูกเราลืมอดีต อย่าให้จำเรื่องราวอดีตได้อีก ไม่ว่าเขาจะเคยเป็นใครหรือเคยเป็นอะไรมาก็ตาม
หลังจากนั้นลูกเราก็ไม่เคยพูดแทนตัวเองด้วยชื่อนั้นอีกเลย แต่เราก็ยังคงเห็น พญานาค 7 ตน ที่อยู่กับลูกเราอยู่ตลอดจนกระทั่งเราได้ไปปิด สัมผัสพวกนี้ไปและไม่รู้ ไม่เห็นอะไรอีกเลย
ตอนที่เราไปบวชชีปฎิบัติธรรมให้ลูกเราอยู่ที่ขอนแก่น เราก็พบเห็น พญานาค ตนนึงใน นิมิต เขาแค่มาบอกเราให้รู้ว่า เขาอยู่ที่นี่ ตรงนี้เฉยๆ หลังจากเราปฎิบัติธรรมเสร็จในรอบนั้น
พอถึงเวลาพักฉันข้าว เราก็เดินไปดูสถานที่ที่ พญานาค ตนนั้นบอกเราใน นิมิต เราก็เจอจริงๆแต่ไม่ได้เจอตัวเป็นๆ เจอแค่รูปปั้น ที่อยู่ ณ ที่ตรงนั้นจริงๆตามที่เขามาบอกเราใน นิมิต
ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยไปดู ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีรูปปั้น พญานาค อยู่ตรงนั้นและก็ไม่รู้ด้วยว่าเขามาบอกให้เรารู้ใน นิมิต ทำไม หรือเขาอยากจะมาร่วมบุญกับเรา ตอนนั้นเราก็ได้แต่แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลไปให้เท่านั้น
เพราะตอนแรกๆที่เราได้ปฎิบัติธรรมอะไรที่เราได้เห็นใน นิมิต เราจะคิดว่าเขามาขอส่วนบุญเราเสมอ เราจึงแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลไปให้ทุกสิ่งที่มาให้เราเห็นใน นิมิต
หลังจากที่เราเลิกกับพ่อของลูกเราไปแล้ว และได้มาแต่งงานใหม่กับสามีคนปัจจุบันของเราที่เป็นชาวรัสเซีย เราก็ต้องมีเรื่องให้ตกใจ เกี่ยวกับ ภพภูมิ พญานาคอีกครั้ง
ตอนที่เราใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่รัสเซีย เมืองที่เขาอยู่เป็นเมืองที่มีแม่น้ำและทะเลสาบล้อมรอบ ตลอดเวลาที่เราอยู่กับเขาที่นั้น เรามีความรู้สึกเหมือนเราได้อยู่บ้าน ได้กลับมาบ้านมันมีความรู้สึกอบอุ่นแบบแปลกๆ จนเราไม่เคยคิดถึงบ้าน คิดถึงเมืองไทยเลย
เรื่องนี้เราก็คุยให้เพื่อนเราฟังอยู่บ่อยๆ บางทีแม่สามีเราก็ชอบมาถามว่า เราอยู่กับเขาที่นี่มีความสุขดีไหม คิดถึงประเทศไทยบ้างไหม เพราะเห็นว่าเราอยู่ไกลบ้านน่าจะคิดถึงบ้านเป็นธรรมดา
แต่เราก็ตอบไปตามตรงว่า เราไม่มีความรู้สึก คิดถึงบ้านเลย เราก็แปลกใจตัวเองเช่นกัน ว่ามาอยู่ตั้งไกลขนาดนี้ แต่ไม่รู้สึกคิดถึงบ้าน หรืออยากกลับเมืองไทยเลย
แล้วจู่ๆวันนึง สามีเราก็เล่าประวัติของเมืองที่เขาอยู่ให้ฟัง ว่าเมืองนี้มีสัตว์ชนิดนึง มีลักษณะคล้ายมังกรของจีนแต่ไม่มีปีก อาศัยอยู่ในทะเลสาบ และเป็นรูปสัญลักษณ์ประจำเมือง
เราคิดในใจ คงจะเป็น พญานาค เหมือนภาคอีสานบ้านเราแน่ๆ นี่ขนาดอยู่รัสเซียแล้วก็ยังหนีไม่พ้น ภพภูมิ พญานาคอีก ตอนนั้นเราก็คิดในใจว่า หรือเราจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับ ภพภูมิ นี้
เห็นนิมิต เห็นอดีต เห็นอนาคต เห็นกฎแห่งกรรม ภาค 6
ถ้าคุณอยากรู้ว่าเราไปเริ่มเกี่ยวข้องกับ ภพภูมิของผีหรือวิญญาณได้ยังไง ก็ไปหาอ่านได้จากกระทู้ หลักธรรม ข้อคิด ของเราค่ะ ในกระทู้นี้เราจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับอีก ภพภูมิ นึงที่หลายๆคนคุ้นเคย และให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย คือ ภพภูมิ พญานาค ค่ะ
อันที่จริงเราไม่เคยคิดหรือให้ความสนใจกับ ภพภูมิ นี้เท่าไหร่เพราะเราเป็นคนใต้ โดยพื้นเพแล้วเราไม่ได้มีวัฒนธรรมความเชื่อเกี่ยวกับ ภพภูมิพญานาค เหมือนคนภาคอีสาน
แต่เรารู้ตัวว่าเราเริ่มไปเกี่ยวข้องกับ ภพภูมิ นี้ตอนที่เรามีลูกคนแรก เพราะตอนนั้นเราไปขอลูกเรามาจาก คำชะโนด โดยขอมาด้วยบุญด้วยกุศลของเรา ว่าถ้าเรามีบุญมีกุศลมากพอก็ขอให้เรามีลูก
ซึ่งโดยนิสัยปกติของเรา เราเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องสิ่งลี้ลับพวกนี้เลย และไม่ชอบมีนิสัยไปบนบานศาลกล่าว แต่เราก็บอกไม่ถูกว่าทำไมเราถึงไปขอลูกเรามาจากสถานที่นั้น และตอนที่ขอมาเราก็มีสติดี และคิดว่าตัวเองไม่ได้บนบานศาลกล่าวขอลูกมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ที่นั่น
แต่เราคิดว่าเราขอเขามาจากบุญกุศลของเราเอง เมื่อเราได้ลูกเรามา มันก็เกิดเหตุการณ์แปลกๆกับเราและกับลูกเรามาตลอด ตั้งแต่ลูกคนนี้ของเราอยู่ในท้องแล้ว
ลูกเราคนนี้เราตั้งครรภ์เลย 42 สัปดาห์แล้วก็ยังไม่เจ็บท้องคลอด คืนก่อนที่เราจะคลอดเราฝันเห็นพระพุทธรูปปางนาคปรก องค์สีดำสนิทตั้งอยู่บนท้องของเราแล้วก็มีเสียงบอกเราว่า ลูกเราต้องคลอดวันนี้ ถ้าไม่ได้คลอดวันนี้เขาจะเอากลับ
รุ่งเช้าเป็นวันพุธและเป็นวันหมอนัดพอดี พอได้เขาพบหมอ หมอก็ถามเราว่าเราจะเอายังไง มันเลย 42 สัปดาห์แล้ว จะให้หมอผ่าหรือจะรอคลอดเอง หมอกลัวว่ารกจะเสื่อมเดี๋ยวจะเป็นอันตรายกับเราและลูก
เราเลยถามหมอว่า ถ้าจะผ่าขอผ่าวันนี้เลยได้มั้ย เราไม่อยากรอแล้ว หมอก็ดูคิวแล้วเราก็ได้ผ่าวันนั้นเลย สามีเราที่เป็นพ่อของลูกเราตอนนั้นก็งงกันใหญ่ รวมทั้งแม่เขาด้วย ที่จู่ๆเราก็ให้หมอผ่าคลอดให้วันนั้นเลย
พวกเขาบอกว่าถ้าจะผ่าคลอดจะได้หาฤกษ์ผ่า ไม่ใช่จู่ๆก็ผ่าเลยแบบนี้ เราก็บอกว่าวันนี้แหละฤกษ์ดีที่สุดแล้ว แต่เราไม่ได้เล่าเรื่องที่เราฝันคืนนั้นให้ฟัง เพราะพวกเขาไม่ค่อยจะเชื่ออะไรแบบนี้ เราก็ไม่เชื่อแต่เราก็ไม่กล้าเสี่ยง
หลังจากออกจากโรงพยาบาลกลับมาเลี้ยงลูกอยู่บ้านแม่สามีเราตอนนั้น เราก็จะเห็นพวกพญานาคบริวารติดตามลูกเรามาถึง 7 ตน คอยตามลูกเราอยู่ตลอดไม่ห่าง จนบางทีเราคิดว่าคงจะคิดไปเอง แต่มันไม่ใช่ พวกเขาตามอยู่จริงๆ ทั้ง 7 ตนเลย เราก็เล่าให้แม่สามีเราฟังตลอดแต่ท่านไม่เชื่อเรา
จนกระทั่งเราเก็บความสงสัยไว้ไม่อยู่ และอยากจะรู้ว่าที่เราเจอ เราเห็น มันเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือเราแค่คิดไปเอง วันนึงเราได้ไปหาพระอาจารย์ท่านที่ปิดเรื่องจิตหลุดให้เรา เราจึงเอ่ยถามท่านเรื่องนี้
ท่านจึงบอกเราว่า เรารู้ เราเห็นอะไร มันก็เป็นจริงตามนั้นแหละ ไม่ต้องสงสัยไป พวกเขามาปกป้องคุ้มครองลูกเรา ไม่ได้จะมาทำอันตรายอะไร หลังจากนั้นเราก็เฉยๆ ไม่ได้ไปสนใจอะไรอีก
พอลูกเราเริ่มหัดพูด เขาก็จะชอบเล่นคนเดียวบ่อยๆ แต่เรารู้ เราเห็น ว่าลูกเราไม่ได้เล่นคนเดียว หลังจากนั้นลูกเราก็เริ่มเรียกแทนตัวเองด้วยชื่ออื่น ที่ไม่ใช่ชื่อที่เราตั้งให้ แล้วก็พูดแทนตัวเองด้วยชื่อนั้นบ่อยๆ
จนย่าเค้าเริ่มกังวล กลัวว่าหลานจะเป็นอะไรไป เราก็บอกย่าเขาไปว่า ลูกเราไม่เป็นไรหรอก แต่แกไม่เชื่อแล้วก็เทียวพาลูกเราไปให้พระท่านช่วย ขอให้ลูกเราลืมอดีต อย่าให้จำเรื่องราวอดีตได้อีก ไม่ว่าเขาจะเคยเป็นใครหรือเคยเป็นอะไรมาก็ตาม
หลังจากนั้นลูกเราก็ไม่เคยพูดแทนตัวเองด้วยชื่อนั้นอีกเลย แต่เราก็ยังคงเห็น พญานาค 7 ตน ที่อยู่กับลูกเราอยู่ตลอดจนกระทั่งเราได้ไปปิด สัมผัสพวกนี้ไปและไม่รู้ ไม่เห็นอะไรอีกเลย
ตอนที่เราไปบวชชีปฎิบัติธรรมให้ลูกเราอยู่ที่ขอนแก่น เราก็พบเห็น พญานาค ตนนึงใน นิมิต เขาแค่มาบอกเราให้รู้ว่า เขาอยู่ที่นี่ ตรงนี้เฉยๆ หลังจากเราปฎิบัติธรรมเสร็จในรอบนั้น
พอถึงเวลาพักฉันข้าว เราก็เดินไปดูสถานที่ที่ พญานาค ตนนั้นบอกเราใน นิมิต เราก็เจอจริงๆแต่ไม่ได้เจอตัวเป็นๆ เจอแค่รูปปั้น ที่อยู่ ณ ที่ตรงนั้นจริงๆตามที่เขามาบอกเราใน นิมิต
ซึ่งก่อนหน้านี้เราไม่เคยไปดู ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีรูปปั้น พญานาค อยู่ตรงนั้นและก็ไม่รู้ด้วยว่าเขามาบอกให้เรารู้ใน นิมิต ทำไม หรือเขาอยากจะมาร่วมบุญกับเรา ตอนนั้นเราก็ได้แต่แผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลไปให้เท่านั้น
เพราะตอนแรกๆที่เราได้ปฎิบัติธรรมอะไรที่เราได้เห็นใน นิมิต เราจะคิดว่าเขามาขอส่วนบุญเราเสมอ เราจึงแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลไปให้ทุกสิ่งที่มาให้เราเห็นใน นิมิต
หลังจากที่เราเลิกกับพ่อของลูกเราไปแล้ว และได้มาแต่งงานใหม่กับสามีคนปัจจุบันของเราที่เป็นชาวรัสเซีย เราก็ต้องมีเรื่องให้ตกใจ เกี่ยวกับ ภพภูมิ พญานาคอีกครั้ง
ตอนที่เราใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่รัสเซีย เมืองที่เขาอยู่เป็นเมืองที่มีแม่น้ำและทะเลสาบล้อมรอบ ตลอดเวลาที่เราอยู่กับเขาที่นั้น เรามีความรู้สึกเหมือนเราได้อยู่บ้าน ได้กลับมาบ้านมันมีความรู้สึกอบอุ่นแบบแปลกๆ จนเราไม่เคยคิดถึงบ้าน คิดถึงเมืองไทยเลย
เรื่องนี้เราก็คุยให้เพื่อนเราฟังอยู่บ่อยๆ บางทีแม่สามีเราก็ชอบมาถามว่า เราอยู่กับเขาที่นี่มีความสุขดีไหม คิดถึงประเทศไทยบ้างไหม เพราะเห็นว่าเราอยู่ไกลบ้านน่าจะคิดถึงบ้านเป็นธรรมดา
แต่เราก็ตอบไปตามตรงว่า เราไม่มีความรู้สึก คิดถึงบ้านเลย เราก็แปลกใจตัวเองเช่นกัน ว่ามาอยู่ตั้งไกลขนาดนี้ แต่ไม่รู้สึกคิดถึงบ้าน หรืออยากกลับเมืองไทยเลย
แล้วจู่ๆวันนึง สามีเราก็เล่าประวัติของเมืองที่เขาอยู่ให้ฟัง ว่าเมืองนี้มีสัตว์ชนิดนึง มีลักษณะคล้ายมังกรของจีนแต่ไม่มีปีก อาศัยอยู่ในทะเลสาบ และเป็นรูปสัญลักษณ์ประจำเมือง
เราคิดในใจ คงจะเป็น พญานาค เหมือนภาคอีสานบ้านเราแน่ๆ นี่ขนาดอยู่รัสเซียแล้วก็ยังหนีไม่พ้น ภพภูมิ พญานาคอีก ตอนนั้นเราก็คิดในใจว่า หรือเราจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับ ภพภูมิ นี้