ลิเดีย โค เธอกำหนดเส้นทางชีวิตด้วยตนเองเสมอ

กระทู้สนทนา


วันนี้บังเอิญไปเห็นบทความเกี่ยวกับ ลิเดีย โค ประกอบกับได้มีโอกาสได้ดูเธอคว้าแชมป์ BMW เมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่เกาหลีใต้ สิ่งที่สะกิดใจผมคือ แชมป์ครั้งนี้ ทำให้เธอถึงกับปล่อยน้ำตาไหลพราก ระหว่างให้สัมภาษณ์ในพิธีมอบรางวัล และก็เพียงอีกราวสิบชั่วโมงต่อมา รอรี แม็กอิลรอย ก็คว้าแชมป์ The CJ Cup พร้อมกับขยับอันดับโลกของตัวเอง มาอยู่ในที่ที่เขาควรอยู่ นั่นคือเบอร์หนึ่งของโลก ผมก็เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกที่ รอรี กล่าวให้สัมภาษณ์ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เแต่เขาสามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้ รอรี อยู่ในสังเวียนกอล์ฟมานานมาก จนเราก็ลืมไปว่า เขาเพิ่งจะอายุ 30 ต้นๆเอง เช่นเดียวกับลิเดีย ที่เราเห็นเธอมาตั้งแต่เด็ก จนเป็นสาวเต็มตัวในวัย 25 ปีนี้
 
กลับมาที่ลิเดีย สิ่งที่ค่อนข้างสร้างความประหลาดใจ ให้แฟนกอล์ฟทั่วโลกไม่น้อย ที่อยู่ๆเธอก็ออกมาประกาศแยกทางกับโค้ช ฌอน โฟลีย์ โค้ชคนดังระดับต้นๆของโลก แม้เบื้องหลังของเหตุผลของการแยกทางครั้งนี้ จะไม่เป็นที่รับรู้กัน แต่คำพูดของบุคคลทั้งสอง ที่ถ่ายทอดผ่านสื่อต่างๆ ถือว่าเป็นประสบการณ์ของสองบุคคลสำคัญของวงการกอล์ฟโลก ในฐานะผู้เล่นและผู้ฝึกสอน ที่น่าจดจำของคนที่ติดตามกอล์ฟอย่างยิ่ง 
 
ลิเดีย ประกาศผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว เมื่อวันจันทร์เวลาบ้านเรา ว่าเธอและ ฌอน โฟลีย์ ผู้ฝึกสอนที่ร่วมงานกันมากว่าสองปี ได้ตกลงแยกทางกันเมื่อปลายเดือนตุลาคม ด้วยเหตุผล “ความห่างไกลจากระยะทาง (Logistical reason)” โดยเธอบอกเพิ่มเติมว่า โค้ชฌอน จะยังเป็นเพื่อนและเป็นผู้ให้คำแนะนำต่อเธอต่อไป
 
“ตอนที่ฉันพบฌอนครั้งแรก ฉันอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกได้ว่า แทบไม่มีความมั่นใจหลงเหลือเลย ทั้งในเกมกอล์ฟและชีวิตส่วนตัว ตลอดสองปีกว่าที่ผ่านมา เขาช่วยให้ฉันกลับมาเป็นนักกอล์ฟและเป็นคนที่ดีกว่าเดิม เวลาที่เราทำงานด้วยกัน มันเต็มไปด้วยการเรียนรู้และเสียงหัวเราะ เมื่อเดือนที่แล้ว เราทั้งคู่ตัดสินใจ ที่จะเดินหน้าไปตามแนวทางของตน เนื่องจากปัญหาด้านความห่างไกลและไม่สะดวกในการเดินทางหาสู่กัน แต่ ฌอน จะยังเป็นเพื่อนใกล้ชิดของฉันเหมือนเดิม ฌอนเป็นเหมือนพี่เลี้ยงของฉัน และจะยังเป็นต่อไป ขอขอบคุณฌอนอีกครั้ง สำหรับแรงบันดาลใจ และการสนับสนุน ที่มีให้ฉัน ทั้งในเกมกอล์ฟและชีวิตส่วนตัว”
 
แต่ช่วงเวลาของการแยกทางครั้งนี้ มันดูไม่ปกตินัก ลิเดีย ในวัยเบญจเพสแล้ววันนี้ และรั้งที่สามในอันดับโลก เธอได้สองแชมป์ รวมถึงท็อป-5 อีกเก้ารายการในปีนี้ และยังรั้งอันดับหนึ่งในรางวัลนักกอล์ฟแห่งปี และรางวัลผู้ทำสกอร์เฉลี่ยดีที่สุดของ LPGA ซึ่งเธอบอกว่า นับเป็นปีที่เธอเล่นได้คงเส้นคงวาที่สุด ในอาชีพกอล์ฟที่ผ่านมา
 
แชมป์ล่าสุดของเธอ ซึ่งเป็นแชมป์ที่ 18 แล้วในแอลพีจีเอทัวร์ คือรายการ BMW Ladies Championship เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งเธอได้แสดงออกถึงความรู้สึกอย่างมาก นอกจากจะเป็นแชมป์แรกในประเทศที่เธอถือกำเนิด มันยังจะสะท้อนอะไรในใจเธอด้วยหรือไม่
 
“ฉันคิดถึงสัปดาห์นี้มากกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา ฉันเคยพูดว่า ฉันอยากคว้าชัยชนะในประเทศเกาหลีใต้อย่างที่สุด” เธอกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างเป็นทางการ หลังเสร็จพิธีมอบถ้วยรางวัล
 
ทางด้าน ฌอน เขาแสดงความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง ต่อการแยกทางครั้งนี้ ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็น หรือได้ยินจากปากเขาบ่อยนัก นับตั้งแต่ครั้งที่แยกทางกับไทเกอร์ วูดส์
 
ลิเดียกับฌอน เริ่มต้นร่วมงานกัน ในเดือนกรกฎาคม ปี 2020 ซึ่งช่วงนั้นโควิด-19 กำลังระบาด เวลานั้น อันดับโลกของลิเดีย หล่นไปเกินท็อป-50 และปราศจากแชมป์มานานถึง 1084 วัน ก่อนที่การทำงานหนักของคนทั้งคู่ จะมาผลิดอกเกิดผลแรก ในรายการ Lotte Championship ในเดือนเมษายน ปี 2021 แน่นอนว่า มันเป็นชัยชนะ ที่ทำให้ลิเดียสามารถกลับมายืนที่จุดเดิมได้อีกครั้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า มันยังเป็นชัยชนะในเกมชีวิต ของผู้ชายวัย 48 ปีคนหนึ่งด้วยเช่นกัน
 
“ผมยอมรับว่า ก่อนจะเริ่มต้นร่วมงานกับลิเดีย จะเรียกว่าผมยืนอยู่บนทางแยก หรือบนเส้นด้ายชีวิตของอาชีพโค้ชกอล์ฟเลยก็ว่าได้ ตลอดเวลา 13 ปีกับการเป็นโค้ชในพีจีเอทัวร์ ผมประสบความสำเร็จมากมาย แต่ก็มีช่วงเวลาที่มันกัดกร่อนชีวิตผมเช่นกัน จากความล้มเหลวและความรู้สึกที่ว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีพอ ผมเริ่มมองเห็นปั้นปลายของอาชีพ เห็นทางขาลงจากจุดสูงสุดของอาชีพ อาทิตย์กำลังจะอัสดง และค่ำคืนอันมืดมิดขยับมาใกล้แค่เบื้องหน้า ความเหน็บหนาว และความไร้ค่าในตัวตน … เกิดคำถามมากมาย จากความเจ็บปวด แต่คำถามกับตัวเองที่สำคัญที่สุดคือ ‘ทำไมนายต้องเป็นโค้ช’
 
วันรุ่งขึ้น ผมได้รับโทรศัพท์จากลิเดีย”
 
พอเริ่มต้นทำงานร่วมกัน ผมก็เริ่มตระหนักกับตัวเองว่า ทำไมเราถึงเลือกอาชีพนี้ ก็เพราะว่า ผมได้พัฒนาตัวเอง ไปพร้อมกับการได้พัฒนาคนอื่น หากผมได้พัฒนาคุณ ผมก็ได้พัฒนาตัวเองเช่นกัน เรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว เหมือนเหรียญที่มีสองหน้า แม้จะอยู่คนละด้าน แต่เราก็ไปด้วยกัน จะขึ้นหรือลง ก็ไปด้วยกัน ผมเป็นผู้ให้คำแนะนำกับคุณ ในขณะเดียวกัน ผมก็อยากรับฟังจากคุณไม่น้อยเช่นกัน จนมาวันหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังสาธิตสวิงให้ลูกศิษย์ดู มวลพลังงาน ไม่ทราบมาจากไหน ก็แผ่ซ่านมารายล้อมตัวเรา”
 
ลิเดีย ชื่นชมและให้เครดิตต่อฌอน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยเธอได้ค้นพบเกมของตัวเองอีกครั้ง แต่ยังช่วยให้เธอ เติบโตในชีวิตส่วนตัวอีกด้วย
 
“เขาเป็นมากกว่าสวิงโค้ช บางครั้งฉันก็ได้พูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องราวในชีวิต เขาผ่านการร่วมงานกับนักกอล์ฟระดับโลกมามาก ได้พบปะรู้จักบุคคลสำคัญก็มากมาย มุมมองของเขาจึงแตกต่าง(จากฉัน ???) มันเป็นอะไรที่ดีทุกครั้งที่ได้คุยกับเขา ไม่ว่าจะเรื่องกอล์ฟ หรือเรื่องอื่น ไม่มีอะไรที่จะไร้สาระ เขาเป็นคนตรงไปตรงมา คำแนะนำมีเหตุผลรองรับเสมอ”
 
แหล่งข่าวจาก Golfweek อ้างถึง ซูร่า น้องสาวและเป็นผู้จัดการส่วนตัวของลิเดีย บอกว่า ขณะนี้ ลิเดียได้กลับไปร่วมงาน(อย่างไม่เป็นทางการ) กับอดีตโค้ชของเธอ คือ เท็ด โฮ ที่เคยร่วมงานกันต้นปี 2018 ลิเดียผ่านโค้ชมาแล้วถึงหกคน โดยโค้ชคนก่อนๆของเธอ เรียงตามลำดับ ประกอบด้วย ฮอร์เก้ พาราดา เดวิด วีแลน แกรี กิลไครส์ เดวิด เลดเบทเทอร์ และ กาย วิลสัน
 
สัปดาห์นี้ ในรายการ Toto Japan Classic ที่ประเทศญี่ปุ่น ลิเดียไม่ได้เข้าร่วม แต่เธอจะลงแข่งขันในสองรายการสุดท้ายของฤดูกาลนี้ คือ Pelican Women's Championship และ CME Group Tour Championship
 
เส้นกราฟชีวิตและเกมกอล์ฟ ที่ขึ้นลงของ ลิเดีย โค และ ฌอน โฟลีย์ คงให้แง่คิดกับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย จะเห็นว่า จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของชีวิต มันอยู่กับเราไม่นาน ทุกคนมีแนวทางของตนเสมอ ไม่มีอะไรถูกหรือผิดในชีวิตจริง ทุกเส้นทางเดินและการตัดสินใจ ล้วนเป็นประสบการณืที่ดีทั้งนั้น แต่สิ่งหนึ่งที่เราเห็นมาตลอดจากลิเดีย นักกอล์ฟที่มีคนรักมากที่สุด ทั้งในและนอกสนาม คือเธอจะไม่เป็นเป้านิ่งให้กับความตกต่ำ และเธอจะเป็นผู้กำหนดการเปลี่ยนแปลง ด้วยตนเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเกมกอล์ฟหรือเกมชีวิต

<<<<<<<<<<< >>>>>>>>>>>
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่