สวัสดีครับ...
หลายเดือนก่อนในระหว่างที่วางแผนเที่ยวเกาหลีใต้ ผมก็ได้ปรึกษากับเพื่อนเกาหลีคนนึงว่าถ้าอยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสีควรไปดูที่ไหนบ้าง เพื่อนก็แนะนำ Hwadam Botanic Garden (หรือ Hwadamsup) ที่เมือง Gwangju ประเทศเกาหลีใต้ (อยู่นอกเมืองโซลไปประมาณ 1 ชั่วโมง) พอได้ยินแล้วก็ลองหาข้อมูล ดูจากรูปก็สวยมากๆครับ แต่ว่ายังไม่ค่อยเห็นคนไทยเขียนรีวิวเท่าไหร่ ทั้งข้อมูลการเที่ยว รวมถึงรายละเอียดการเดินทาง
วันนี้ ผมเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ รายละเอียดในการไปเที่ยว Hwadam Botanic Garden พร้อมกับรูปมาฝากครับ
* ผมไป Hwadam Botanic Garden ช่วงปลายเดือนตลุาคม 2565 ข้อมูลทั้งหมดที่ผมเขียนจึงเป็นข้อมูลของเดือนตุลาคม 2022 ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหากทุกท่านได้มาอ่านหลังจากนี้ และหากข้อความไหนผมผิดพลาด ต้องขออภัยล่วงหน้านะครับ *
1. ข้อมูลเบื้องต้น
- Hwadam Botanic Garden เป็นเหมือนสวนป่าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายใน Konjiam Resort เมือง Gwangju (ใกล้ๆกับ Seoul)
- เวลาเปิดปิด 9.00-18.00 น. (ทั้งนี้สวนจะปิดช่วงฤดูหนาว)
- Official Website :
https://www.hwadamsup.com/ (website เป็นภาษาเกาหลี ต้องใช้ google translate มาช่วยแปล)
- ผมแนะนำให้ไปวันธรรมดาดีกว่าครับ เพราะเสาร์-อาทิตย์ คนจะเยอะมากๆ ไปช่วงปลายเดือนตุลาคม-ต้นพฤศจิกายนครับ
- สิ่งที่ต้องเตรียม : บัตร travel card , Kakao Taxi account , อาหารมือกลางวันแบบ picnic (อ่านไปเรื่อยๆก่อนนะครับ)
2. การซื้อตั๋ว : ตั๋วมี 2 อันนะครับ คือ (1) ตั๋วเข้าชม และ (2) ตั๋วขึ้นรถ monorail
2.1 ตั๋วเข้าชม ราคา 10,000 วอน / คน
- แนะนำให้จองตั๋วล่วงหน้าผ่านทาง official website ครับ ผมเข้าใจว่า website จะให้จอง 1 เดือนล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นวันไหนของเดือนนั้น เช่น ถ้าจะไปวันที่ 27 ตุลาคม พอเข้าสู่วันที่ 1 ตุลาคม ก็สามารถเข้าไป website เพื่อจองได้แล้ว (เรื่องเวลาผมไม่แน่ใจเท่าไหร่นะครับ เพราะผมมาจอง 7 วันล่วงหน้าก่อนวันที่จะไปครับ)
- แต่ว่าขั้นตอนการซื้อตั๋วจะต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ของคนเกาหลีในการยืนยันตัวตน แล้วตั๋วจะถูกส่งเข้าไปที่มือถือของคนนั้น ตรงจุดนี้ผมแนะนำให้เพื่อนที่อาศัยอยู่และมีเบอร์โทรศัพท์เกาหลีช่วยจองให้ครับ หรือไม่ก็อาจจะติดต่อบริษัททัวร์ที่อยู่เกาหลีช่วยจองให้ แล้วอาจจะเสียค่าบริการนิดหน่อยก็คุ้มครับ
- แต่ถ้าสมมติไม่สามารถจองออนไลน์ได้ ก็ยังสามารถ walk in ไปซื้อตั๋วหน้างานได้ครับ แต่ก็อาจจะมีความเสี่ยงว่าตั๋วอาจจะหมด เพราะงั้นถ้าจะไป walk in ผมแนะนำให้ไปเที่ยววันธรรมดาตอนเช้าๆดีกว่าครับ
- ในการซื้อตั๋วเค้าจะให้ระบุ เวลาที่เข้าครับ ผมแนะนำว่าให้เลือกตอนเช้าๆไว้นะครับ จะเวลาไหนก็ได้ครับ เพราะว่าต่อให้ไปสาย เราก็ยังเข้าไปได้ (อย่างกรณีของผม ผมซื้อ 10.40 แต่ว่าผมไปถึงจริงๆคือ 11.00 และเสียเวลามึนงงหน้าทางเข้า กว่าจะได้เข้าคือ 11.20 ครับ) แต่จะไม่สามารถเข้าได้ก่อนเวลาที่ระบุไว้ในตั๋วครับ
- การชำระเงิน ผมเคยเข้าไปดู ทางสวนให้ชำระผ่านบัตรเครดิตของเกาหลีเท่านั้น หรือ ตัดบัญชีธนาคารของเกาหลีครับ (เพราะงั้นต่อให้ได้เบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนชาวเกาหลีมา ก็ไม่สามารถชำระเงินได้อยู่ดีครับ)
- เมื่อชำระเงินแล้ว ทางสวนจะส่งใบ confirm (เป็นภาษาเกาหลีไปให้ครับ แต่จุดนี้ผมไม่แน่ใจว่าส่งทางไหนนะครับ เพราะผมได้รับมาอีกที) และ 2 ชม. ก่อนถึงเวลาเข้า ทางสวนจะส่ง QR Code ในการเข้ามาให้ตามเบอร์ที่ลงไว้ครับ
- กรณีไป walk in ซื้อตั๋วหน้างาน สามารถใช้เงินสด/travel card จ่ายได้
2.2 ตั๋วขึ้นรถ monorail
- Monorail เป็น Highlight ของสวนนี้เลยครับ สำหรับตั๋ว Monorail ทางสวนจะให้ไปซื้อหน้างานทุกคนครับ โดยเข้าไปในสวนก่อนนะครับแล้วค่อยซื้อนะครับ (หรือจริงๆสามารถซื้อตรงก่อนทางเข้าก็ได้ครับ แต่คนจะค่อนข้างเยอะมาก)
- Monorail จะมีทั้งหมด 3 stops ครับ เวลาซื้อตั๋วสามารถซื้อได้ทุกรูปแบบเลยครับ ไม่ว่าจะเป็น
> Round trip (ไม่สามารถ hop in/out ระหว่าง station ได้นะครับ ต้องอยู่ใน monorail ตลอด ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ผมไม่แน่ใจว่าตั๋ว round trip ซื้อได้เฉพาะที่ station 1 หรือเปล่านะครับ แต่ผมซื้อที่ station 1 แต่ที่แน่ๆถ้าซื้อแล้วต้องขึ้นที่ station 1 เท่านั้น)
> Hop แต่ละจุดๆ เช่น 1 ไป 2 // 2 ไป 3 // 3 ไป 1 // 1 ไป 3
> ย้อนหลับก็ได้ เช่น 2 ไป 1 (แบบนี้จะเป็น 2 ไป 3 ไป 1) // 3 ไป 2 (แบบนี้จะเป็น 3 ไป 1 ไป 2)
- การซื้อตั๋ว monorail สามารถซื้อได้จากตู้จำหน่ายตั๋วของแต่ละ station เลยครับ (แต่จะซื้อได้เฉพาะต้นสายเป็น station นั้นนะครับ เช่น ถ้าอยู่ station 2 คุณจะซื้อได้แค่ 2 ไป 3, 2 ไป 1)
- การชำระเงิน ผมคิดว่าเค้าสามารถใช้เงินสด/บัตรเครดิตได้นะครับ แต่ผมเลยใช้บัตร travel card รูดครับ
- ตั๋ว Monorail จะต้องเลือกเวลาขึ้นครับ เพราะงั้นถ้ารอบเวลานั้นหมดแล้ว ก็ต้องเลือกเวลาอื่นๆครับ ซึ่งผมจะบอกว่าคนส่วนใหญ่จะเลือก Round Trip กัน ดังนั้น เมื่อคุณได้เข้าไปแล้ว และต้องการซื้อ Round trip แนะนำว่าให้เดินไป Station 1 ก่อนเลยเพื่อไปซื้อตั๋ว Monorail Round trip ก่อน โดยระยะเวลาที่จะขึ้นก็แล้วแต่การวางแผนในการเดินเที่ยวครับ (ส่วนตัวผมจอง Round trip ตอนประมาณ 16.40 น. ครับ เพราะผมคิดว่าแสงสวย และพอครบรอบพอดีก็เดินออกจากสวนกลับได้เลยครับ แต่ถ้าอยากรีบกลับก็เลือกเวลาก่อนหน้านั้นได้ครับ)
3. วิธีการเดินทาง
- มีได้หลายวิธีครับ แต่ผมจะขอเขียนเฉพาะการเดินทางด้วยวิธี Subway จาก Seoul ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับ และต่อ Taxi ประมาณ 15 นาที
Hop 1: Myeongdong -> Chungmuro (1 station)
Hop 2: Chungmuro -> Sinsa (6 stations)
Hop 3: Sinsa -> Pangyo (5 stations)
Hop 4: Pangyo ->Gonjiam (4 stations) -- รถไฟจะมาทุกๆ 15 นาทีครับ
Hop 5 by Taxi: Gonjiam -> Hwadam (ค่า taxi ประมาณ 10,000 won ครับ เข้าใจว่าใช้บัตรรูดได้ แต่ผมจ่ายเป็นเงินสดครับ)
จาก Gonjiam Station ออกมาทางประตู 1 จะเห็นว่ามี Taxi มาจอดรอเพียบเลยครับ (เพราะเค้ารู้อยู่แล้วว่านักท่องเที่ยวจะไป Hwadam) เพราะงั้นไม่ต้องกังวลเรื่องว่าจะไม่มี Taxi นะครับ แต่ถ้าไม่มี Taxi จริงๆ สามารถนั่งรถเมล์ไปได้ครับ แต่ต้องเช็คเวลารถเมล์ดีๆนะครับ เพราะว่ารถเมล์จะมาทุกๆ 45 นาทีครับ ถ้าพลาดแล้ว อาจจะต้องรอนานพอสมควร
- ตอนขึ้น Taxi ผมบอกคนขับแค่ว่า "Hwadamsup" แค่นี้คนขับก็เข้าใจแล้วครับ เค้าจะขับไปส่งที่ประตูทางเข้าเลยซึ่งจะอยู่เหนือขึ้นไปจาก Car Park ครับ แต่ถ้า Taxi ไปจอดตรงบริเวณ Car Park ก็ไม่ต้องตกใจนะครับ ตรง Car Park จะมีทางเดินขึ้นไปยังประตูทางเข้าสวนครับ หรือถ้าไม่อยากเดิน ก็มีกระเช้าให้นั่งขึ้นไปครับ (ฟรี)
- การเดินทางขากลับไปยัง Gonjiam Station (สำคัญมาก) : ไม่ค่อยมี taxi ขึ้นไปรอบริเวณ Hwadamsup ครับ ผมแนะนำ 2 ทาง
(1) กลับโดยรถบัส : โดยต้องเดินจากประตูทางเข้าลงมายัง car park และ เดินจาก car park ไปยังป้ายรถเมล์ (ซึ่งจะอยู่บริเวณหน้า Konjiam Resort เลย) โดยสามารถนั่งได้หลายสายนะครับ ลองเช็คใน Naver Map อีกที แต่อย่างที่บอกครับว่ารถเมล์กว่าจะมาแต่ละรอบ ใช้เวลา 45 นาทีครับ
(2) กลับโดย Taxi : ผมไปคุยกับเจ้าหน้าที่ Visitor Infomation Center ให้เค้าช่วยเรียก Kakao Taxi ให้ครับ (ซึ่งผมเข้าใจว่าหากคุณไม่มีเบอร์เกาหลี คุณจะไม่สามารถสมัคร account Kakao ได้ แต่ในอนาคตอาจจะสมัครได้นะครับ แต่ตอนที่ผมไป ผมสมัครไม่ได้ครับ) โดยผมไปบอกเจ้าหน้าที่ว่า ให้เค้าช่วยเรียก Taxi มารับผมหน่อยไปยัง Gonjiam Station โดยเค้าเรียกให้ครับ แล้วให้เราจ่ายเงินคนขับเอง ถ้าเจ้าหน้าที่เรียก Taxi ให้อย่าลืมถ่ายรูป รายละเอียดป้ายทะเบียน Taxi และ เบอร์ติดต่อคนขับไว้นะครับ
* แต่ถ้าคุณอยากนัดคนขับ Taxi ที่ไปส่งคุณให้เค้ามารับเราตอนขากลับด้วย ลองคุยกับคนขับดู แต่กรณีของผม ตอนนั้นคนขับบอกให้เรียกจาก Kakoa Taxi อย่างเดียวเลย ผมเลยไม่กล้าคุยต่อ *
4. วางแผนการเที่ยวข้างใน
- ผมขอแบ่งเป็นทั้งหมด 5 zones และขอตั้งชื่อตามอำเภอใจของผมนิดนึงนะครับ
Zone 1 : ด้านล่างบริเวณทางเข้า ก่อน Station 1
Zone 2 : บริเวณทั้งหมดจาก Station 1 ไปยัง Station 2
Zone 3 : บริเวณทั้งหมดจาก Station 2 ไปยัง Station 3
Zone 4 : บริเวณทั้งหมดจาก Station 3 ไปยัง Station 1
Zone 5 : ด้านล่าง ร้านอาหาร + Love Bird Pond + ศูนย์การเรียนรู้
* โดยการเที่ยว จะมีทางเดินไปเรื่อยๆครับ เป็นทางลาดขึ้นลง แต่ละมีห้องน้ำแต่ละจุด ค่อนข้างสะดวกมาก ผมขอชื่นชมมากเพราะว่าตอนที่ผมไป คนที่นั่ง wheel chair รวมถึง รถเข็นเด็ก ก็สามารถเที่ยวได้ทั้งหมดของสวนเลยครับ *
- เนื่องมาจากผมไม่ได้วางแผนการเที่ยวข้างใน ผมเลยจะขอแชร์ route การเที่ยวของผมนะครับ
11.20 - 13.00 (1.5 ชม.) : เดิน Zone 1 + Zone 2 ครับ
13.00 - 14.30 (1.5 ชม.) : ซื้อตั๋ว Monorail ที่ station 2 ลงไปยัง station 1 เพื่อไปกินข้าวและเดินเล่นถ่ายรูปบริเวณ zone 5 ครับ
14.30 - 16.40 (1.5 ชม.) : เดินย้อนตั้งแต่ Zone 4 ไป Zone 3 (ผมเดินเร็วๆครับ ไม่ได้แวะแช่ถ่ายรูปหลายจุด เพราะกลัวขึ้น monorail ไม่ทัน)
16.40 - 17.00 (20 นาที) : นั่ง Monorail Round Trip
17.00 : ออกจาก Garden
เดี๋ยวจะทยอยลงรูปในแต่ละ Zone รวมถึงรายละเอียด ข้างใต้โพสนี้อีกทีนะครับ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการวางแผนการเดินเที่ยว
- ในแต่ละจุดการเที่ยวจะมี stamp ให้ครับ ถ้าเก็บ stamp ครบ สามารถแลกของที่ระลึกได้ฟรีครับ (ของที่ระลึกที่ผมได้เป็น magnet ติดตู้เย็นลายน่ารักมากๆๆเลยครับ แนะนำว่าเก็บให้ครบนะครับ)
5. ร้านอาหาร
- ก่อนทางเข้า จะมีร้านสะดวกซื้อพร้อมร้านกาแฟบริเวณก่อนหน้าทางเข้าครับ สามารถซื้อกินเป็นมื้อเช้าได้
- สามารถนำขนมและน้ำดื่มใส่กระเป๋าเข้าไปได้นะครับ ผมไม่แน่ใจว่าเค้าห้ามหรือเปล่า แต่ไม่มีการตรวจกระเป๋าบริเวรณทางเข้าครับ
- ข้างในสวน มีร้านอาหารใหญ่เพียงร้านเดียวครับ และมี 1 คาเฟ่อยู่ข้างๆ โดยสถานที่ตั้งจะอยู่ด้านล่างใกล้ๆทางเข้าออกแหละครับ เพราะงั้นถ้าคุณเดินเที่ยวขึ้นไปแล้ว เกิดหิวข้าวกลางวัน ก็ต้องซื้อตั๋ว monorail ลงมา (หรือเดินลงมา) กินที่ร้านอาหารครับ
- เมนูของร้านอาหารมีจำกัดมากครับ ตอนที่ผมไปมีแค่ 4 เมนู โดยผมสั่งแค่ ปลาแผ่นเสียบไม้ในน้ำซุป (อร่อยมากครับ) ผมสั่ง 2 จานครับ, แพนเค้กเกาหลีที่เป็นแป้งทอดกับกุ้งปลาหมึกใบกุยช่ายและต้นหอม, เต้าหู้กับกิมจิ ครับสำหรับ 3 คน ส่วนเมนูที่ผมไม่ได้สั่งคือ ไส้กรอกเกาหลีครับ (พอดีผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นเนื้อหรือหมูนะครับ) ส่วนน้ำก็มีทั้งแอลกอฮอล์และ soft drink ทั่วไปครับ
- วิธีการสั่งอาหารให้ไปกดที่บริเวณตู้ kiosk ครับ ทั้งหมดเป็นภาษาเกาหลี ผมเลยจิ้มตามรูปครับ ชำระเงินเป็น travel card อีกเช่นเคย
* ผมแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการกินในช่วง rush hour นะครับ เพราะว่าจะไม่มีที่นั่ง ถ้ากินก่อน 12:00 ได้คิดว่าจะดีกว่าครับ ส่วนตัวผมไปกินตอนบ่ายโมงกว่าๆ เกือบไม่ได้ที่นั่งเหมือนกันครับ *
- สามารถพกอาหารเล็กๆไปกินได้นะครับ พวกคิมบับ (ข้าวห่อสาหร่าย) หรือ แซนวิช จะมีโต๊ะบริเวณริมสระน้ำให้นั่งกินได้ครับ หรือถ้าอยู่ข้างบน ก็จะมีจุดนั่งพักให้กินข้าวได้ครับ
6. อื่นๆ
- แต่ละจุด station หรือ ระหว่าง station มีห้องน้ำและที่นั่งให้พักครับ ค่อนข้างสะดวกและสะอาด
- มีตู้กดซื้อน้ำเปล่า รวมถึงน้ำเกลือแร่ ใช้เงินสดนะครับ
เดี๋ยวผมมาเขียนรายละเอียดในแต่ละโซนต่อในคอมเม้นอีกทีนะครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
[Review] เที่ยวดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ Hwadam Botanic Garden ใกล้โซล เกาหลีใต้
หลายเดือนก่อนในระหว่างที่วางแผนเที่ยวเกาหลีใต้ ผมก็ได้ปรึกษากับเพื่อนเกาหลีคนนึงว่าถ้าอยากไปดูใบไม้เปลี่ยนสีควรไปดูที่ไหนบ้าง เพื่อนก็แนะนำ Hwadam Botanic Garden (หรือ Hwadamsup) ที่เมือง Gwangju ประเทศเกาหลีใต้ (อยู่นอกเมืองโซลไปประมาณ 1 ชั่วโมง) พอได้ยินแล้วก็ลองหาข้อมูล ดูจากรูปก็สวยมากๆครับ แต่ว่ายังไม่ค่อยเห็นคนไทยเขียนรีวิวเท่าไหร่ ทั้งข้อมูลการเที่ยว รวมถึงรายละเอียดการเดินทาง
วันนี้ ผมเลยอยากมาแชร์ประสบการณ์ รายละเอียดในการไปเที่ยว Hwadam Botanic Garden พร้อมกับรูปมาฝากครับ
* ผมไป Hwadam Botanic Garden ช่วงปลายเดือนตลุาคม 2565 ข้อมูลทั้งหมดที่ผมเขียนจึงเป็นข้อมูลของเดือนตุลาคม 2022 ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงหากทุกท่านได้มาอ่านหลังจากนี้ และหากข้อความไหนผมผิดพลาด ต้องขออภัยล่วงหน้านะครับ *
1. ข้อมูลเบื้องต้น
- Hwadam Botanic Garden เป็นเหมือนสวนป่าขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ภายใน Konjiam Resort เมือง Gwangju (ใกล้ๆกับ Seoul)
- เวลาเปิดปิด 9.00-18.00 น. (ทั้งนี้สวนจะปิดช่วงฤดูหนาว)
- Official Website : https://www.hwadamsup.com/ (website เป็นภาษาเกาหลี ต้องใช้ google translate มาช่วยแปล)
- ผมแนะนำให้ไปวันธรรมดาดีกว่าครับ เพราะเสาร์-อาทิตย์ คนจะเยอะมากๆ ไปช่วงปลายเดือนตุลาคม-ต้นพฤศจิกายนครับ
- สิ่งที่ต้องเตรียม : บัตร travel card , Kakao Taxi account , อาหารมือกลางวันแบบ picnic (อ่านไปเรื่อยๆก่อนนะครับ)
2. การซื้อตั๋ว : ตั๋วมี 2 อันนะครับ คือ (1) ตั๋วเข้าชม และ (2) ตั๋วขึ้นรถ monorail
2.1 ตั๋วเข้าชม ราคา 10,000 วอน / คน
- มีได้หลายวิธีครับ แต่ผมจะขอเขียนเฉพาะการเดินทางด้วยวิธี Subway จาก Seoul ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครับ และต่อ Taxi ประมาณ 15 นาที
Hop 1: Myeongdong -> Chungmuro (1 station)
Hop 2: Chungmuro -> Sinsa (6 stations)
Hop 3: Sinsa -> Pangyo (5 stations)
Hop 4: Pangyo ->Gonjiam (4 stations) -- รถไฟจะมาทุกๆ 15 นาทีครับ
Hop 5 by Taxi: Gonjiam -> Hwadam (ค่า taxi ประมาณ 10,000 won ครับ เข้าใจว่าใช้บัตรรูดได้ แต่ผมจ่ายเป็นเงินสดครับ)
จาก Gonjiam Station ออกมาทางประตู 1 จะเห็นว่ามี Taxi มาจอดรอเพียบเลยครับ (เพราะเค้ารู้อยู่แล้วว่านักท่องเที่ยวจะไป Hwadam) เพราะงั้นไม่ต้องกังวลเรื่องว่าจะไม่มี Taxi นะครับ แต่ถ้าไม่มี Taxi จริงๆ สามารถนั่งรถเมล์ไปได้ครับ แต่ต้องเช็คเวลารถเมล์ดีๆนะครับ เพราะว่ารถเมล์จะมาทุกๆ 45 นาทีครับ ถ้าพลาดแล้ว อาจจะต้องรอนานพอสมควร
- ตอนขึ้น Taxi ผมบอกคนขับแค่ว่า "Hwadamsup" แค่นี้คนขับก็เข้าใจแล้วครับ เค้าจะขับไปส่งที่ประตูทางเข้าเลยซึ่งจะอยู่เหนือขึ้นไปจาก Car Park ครับ แต่ถ้า Taxi ไปจอดตรงบริเวณ Car Park ก็ไม่ต้องตกใจนะครับ ตรง Car Park จะมีทางเดินขึ้นไปยังประตูทางเข้าสวนครับ หรือถ้าไม่อยากเดิน ก็มีกระเช้าให้นั่งขึ้นไปครับ (ฟรี)
- การเดินทางขากลับไปยัง Gonjiam Station (สำคัญมาก) : ไม่ค่อยมี taxi ขึ้นไปรอบริเวณ Hwadamsup ครับ ผมแนะนำ 2 ทาง
(1) กลับโดยรถบัส : โดยต้องเดินจากประตูทางเข้าลงมายัง car park และ เดินจาก car park ไปยังป้ายรถเมล์ (ซึ่งจะอยู่บริเวณหน้า Konjiam Resort เลย) โดยสามารถนั่งได้หลายสายนะครับ ลองเช็คใน Naver Map อีกที แต่อย่างที่บอกครับว่ารถเมล์กว่าจะมาแต่ละรอบ ใช้เวลา 45 นาทีครับ
(2) กลับโดย Taxi : ผมไปคุยกับเจ้าหน้าที่ Visitor Infomation Center ให้เค้าช่วยเรียก Kakao Taxi ให้ครับ (ซึ่งผมเข้าใจว่าหากคุณไม่มีเบอร์เกาหลี คุณจะไม่สามารถสมัคร account Kakao ได้ แต่ในอนาคตอาจจะสมัครได้นะครับ แต่ตอนที่ผมไป ผมสมัครไม่ได้ครับ) โดยผมไปบอกเจ้าหน้าที่ว่า ให้เค้าช่วยเรียก Taxi มารับผมหน่อยไปยัง Gonjiam Station โดยเค้าเรียกให้ครับ แล้วให้เราจ่ายเงินคนขับเอง ถ้าเจ้าหน้าที่เรียก Taxi ให้อย่าลืมถ่ายรูป รายละเอียดป้ายทะเบียน Taxi และ เบอร์ติดต่อคนขับไว้นะครับ
* แต่ถ้าคุณอยากนัดคนขับ Taxi ที่ไปส่งคุณให้เค้ามารับเราตอนขากลับด้วย ลองคุยกับคนขับดู แต่กรณีของผม ตอนนั้นคนขับบอกให้เรียกจาก Kakoa Taxi อย่างเดียวเลย ผมเลยไม่กล้าคุยต่อ *
4. วางแผนการเที่ยวข้างใน
- ผมขอแบ่งเป็นทั้งหมด 5 zones และขอตั้งชื่อตามอำเภอใจของผมนิดนึงนะครับ
Zone 1 : ด้านล่างบริเวณทางเข้า ก่อน Station 1
Zone 2 : บริเวณทั้งหมดจาก Station 1 ไปยัง Station 2
Zone 3 : บริเวณทั้งหมดจาก Station 2 ไปยัง Station 3
Zone 4 : บริเวณทั้งหมดจาก Station 3 ไปยัง Station 1
Zone 5 : ด้านล่าง ร้านอาหาร + Love Bird Pond + ศูนย์การเรียนรู้
* โดยการเที่ยว จะมีทางเดินไปเรื่อยๆครับ เป็นทางลาดขึ้นลง แต่ละมีห้องน้ำแต่ละจุด ค่อนข้างสะดวกมาก ผมขอชื่นชมมากเพราะว่าตอนที่ผมไป คนที่นั่ง wheel chair รวมถึง รถเข็นเด็ก ก็สามารถเที่ยวได้ทั้งหมดของสวนเลยครับ *
- เนื่องมาจากผมไม่ได้วางแผนการเที่ยวข้างใน ผมเลยจะขอแชร์ route การเที่ยวของผมนะครับ
11.20 - 13.00 (1.5 ชม.) : เดิน Zone 1 + Zone 2 ครับ
13.00 - 14.30 (1.5 ชม.) : ซื้อตั๋ว Monorail ที่ station 2 ลงไปยัง station 1 เพื่อไปกินข้าวและเดินเล่นถ่ายรูปบริเวณ zone 5 ครับ
14.30 - 16.40 (1.5 ชม.) : เดินย้อนตั้งแต่ Zone 4 ไป Zone 3 (ผมเดินเร็วๆครับ ไม่ได้แวะแช่ถ่ายรูปหลายจุด เพราะกลัวขึ้น monorail ไม่ทัน)
16.40 - 17.00 (20 นาที) : นั่ง Monorail Round Trip
17.00 : ออกจาก Garden
เดี๋ยวจะทยอยลงรูปในแต่ละ Zone รวมถึงรายละเอียด ข้างใต้โพสนี้อีกทีนะครับ เพื่อประกอบการตัดสินใจในการวางแผนการเดินเที่ยว
- ในแต่ละจุดการเที่ยวจะมี stamp ให้ครับ ถ้าเก็บ stamp ครบ สามารถแลกของที่ระลึกได้ฟรีครับ (ของที่ระลึกที่ผมได้เป็น magnet ติดตู้เย็นลายน่ารักมากๆๆเลยครับ แนะนำว่าเก็บให้ครบนะครับ)
5. ร้านอาหาร
- ก่อนทางเข้า จะมีร้านสะดวกซื้อพร้อมร้านกาแฟบริเวณก่อนหน้าทางเข้าครับ สามารถซื้อกินเป็นมื้อเช้าได้
- สามารถนำขนมและน้ำดื่มใส่กระเป๋าเข้าไปได้นะครับ ผมไม่แน่ใจว่าเค้าห้ามหรือเปล่า แต่ไม่มีการตรวจกระเป๋าบริเวรณทางเข้าครับ
- ข้างในสวน มีร้านอาหารใหญ่เพียงร้านเดียวครับ และมี 1 คาเฟ่อยู่ข้างๆ โดยสถานที่ตั้งจะอยู่ด้านล่างใกล้ๆทางเข้าออกแหละครับ เพราะงั้นถ้าคุณเดินเที่ยวขึ้นไปแล้ว เกิดหิวข้าวกลางวัน ก็ต้องซื้อตั๋ว monorail ลงมา (หรือเดินลงมา) กินที่ร้านอาหารครับ
- เมนูของร้านอาหารมีจำกัดมากครับ ตอนที่ผมไปมีแค่ 4 เมนู โดยผมสั่งแค่ ปลาแผ่นเสียบไม้ในน้ำซุป (อร่อยมากครับ) ผมสั่ง 2 จานครับ, แพนเค้กเกาหลีที่เป็นแป้งทอดกับกุ้งปลาหมึกใบกุยช่ายและต้นหอม, เต้าหู้กับกิมจิ ครับสำหรับ 3 คน ส่วนเมนูที่ผมไม่ได้สั่งคือ ไส้กรอกเกาหลีครับ (พอดีผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นเนื้อหรือหมูนะครับ) ส่วนน้ำก็มีทั้งแอลกอฮอล์และ soft drink ทั่วไปครับ
- วิธีการสั่งอาหารให้ไปกดที่บริเวณตู้ kiosk ครับ ทั้งหมดเป็นภาษาเกาหลี ผมเลยจิ้มตามรูปครับ ชำระเงินเป็น travel card อีกเช่นเคย
* ผมแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการกินในช่วง rush hour นะครับ เพราะว่าจะไม่มีที่นั่ง ถ้ากินก่อน 12:00 ได้คิดว่าจะดีกว่าครับ ส่วนตัวผมไปกินตอนบ่ายโมงกว่าๆ เกือบไม่ได้ที่นั่งเหมือนกันครับ *
- สามารถพกอาหารเล็กๆไปกินได้นะครับ พวกคิมบับ (ข้าวห่อสาหร่าย) หรือ แซนวิช จะมีโต๊ะบริเวณริมสระน้ำให้นั่งกินได้ครับ หรือถ้าอยู่ข้างบน ก็จะมีจุดนั่งพักให้กินข้าวได้ครับ
6. อื่นๆ
- แต่ละจุด station หรือ ระหว่าง station มีห้องน้ำและที่นั่งให้พักครับ ค่อนข้างสะดวกและสะอาด
- มีตู้กดซื้อน้ำเปล่า รวมถึงน้ำเกลือแร่ ใช้เงินสดนะครับ
เดี๋ยวผมมาเขียนรายละเอียดในแต่ละโซนต่อในคอมเม้นอีกทีนะครับ
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ