กุศลกรรมบท กับมรรค

กระทู้สนทนา
หนทางสู่นิโรธ (อริยสัจ 4 ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ที่ว่ามรรคมีองค์ 8 เริ่มที่สัมมาทิฎฐิ (สัมมาทิฐิ) สัมมาทิฎฐิคือปัญญา เอามรรคแบบโลกียะ ยังไม่ต้องบรรลุคุณธรรมความเป็นพระอริยะ แต่ดีแน่นอน เพราะเป็นธรรมที่ต่อให้มีภพมีชาติต่อไป ก็ยังได้เสวยผลของกรรมดี ปัญญาจากการอ่าน การฟัง หรือทำจิตให้แน่วแน่ (สมาธิ) หรือปัญญาที่เกิดจากการพิจารณาธรรมแล้วก็ตาม

เราท่านก็คงทำอยู่แล้ว กุศลกรรมบถ 10 ที่แบ่ง กายสุจริต 3 วจีสุจริต 4 มโนสุจริต 3 ถ้ารวมสัมมาทิฎฐิเข้าไปด้วย (เพราะไงก็ต้องมี เป็นจุดเริ่มต้น) เราท่านได้มรรคมีองค์ 4 ในบางขณะที่ปฏิบัติอยู่ไปเรียบร้อย

เว้นกายทุจริต คือมีกายสุจริต เป็นองค์ของสัมมากัมมัตะ (การมีการงานชอบ) ก็คือทำกายสุจริต 3 เมื่อไร ก็อยู่ในองค์ของมรรคข้อนี้
เว้นวจีทุกจริต 4 ประพฤติวจีสุจริต 4 ก็เข้าองค์ของสัมมาวาจา

เว้นมโนทุจริต 3 ประพฤติมโนสุจริต 3 (คือ 1.ไม่อยากได้ของคนอื่น 2. ไม่พยาบาท 3. ห่างจากมิจฉาทิฎฐิ (ข้อ 3 นี้ก็มีแล้วถ้ามีองค์แรกของมรรค) ข้อนี้ก็เข้าองค์ของสัมมาสังกัปปะ (การดำริชอบ)

การประพฤติกุศลกรรมบท 10 ได้ เราท่านก็เดินในมรรคมีองค์ 8 ไปครึ่งหนึ่งเลยสัมมาทิฎฐิ สัมมากัมมันตะ (การมีการงานชอบ) สัมมาวาจา สัมมาสังกัปปะ (การดำริชอบ) + อีกหนึ่งก็พ่วงมาด้วยเพราะเว้นกายทุจริต 3 วจีธุรกิจ 4 เราคงไม่ประกอบอาชีพผิด เราจะมีสัมมาอาชีวะ (การเลี้ยงชีพโดยชอบไปด้วย) เพราะเราท่านคงไม่ได้ไปโกงอะไรใครในการเลี้ยงชีพ และไม่ได้ทำอาชีพที่ไม่ควรทำ 5 ประการ คือ ขายอาวุธ ขายมนุษย์ ขายสัตว์เป็น ขายน้ำเมา ขายยาพิษ (อาชีพที่ไม่ควรทำ 5 ประการในบางที่ก็ยกมาเป็นองค์ประกอบของสัมมาอาชีวะ ทั่วไปถ้าหาเลี้ยงชีพโดยไม่โกงก็เข้าองค์ประกอบของสัมมาอาชีวะ)
 
ประมวลจากมหาจัตตารีสกสูตร https://84000.org/tipitaka/book/v.php?B=14&A=3724&Z=3923  สรุปส่วนเนื้อหาที่เป็นองค์มรรคที่ยังเป็นสาสวะ (เป็นไปกับด้วยอาสวะ, ประกอบด้วยอาสวะ, ยังมีอาสวะ, เป็นโลกิยะ (คำแปลจากพจนานุกรมพุทธศาสตร์) โดยอิงอาศัยกุศลกรรมบถ 10
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ศาสนาพุทธ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่