ขอพื้นที่ระบายหน่อยนะ เพราะมันเก็บมานานหลายปีแล้ว ตั้งแต่จบประถมมาหลายปี
เรื่องของเรื่องคือเรามีปมเรื่องการโดนกลั่นแกล้งหรือบูลลี่ในรร นั้นแหละ แต่ฝังใจเรามาจนถึงทุกวันนี้ แล้วมันลืมไม่ได้เลยตั้งแต่เด็กๆแล้ว ต้นเหตุคือ เรามีปัญหาเรื่องผิวหนัง น้ำเหลืองไม่ดี ภูมิแพ้ผิวหนัง เรามักจะโดนล้อตลอดทุกวันว่าเป็นเอดส์ ล่อชื่อพ่อแม่ แต่ถามเพื่อนคนนึงในห้องว่า "จะเชื่อกูมั้ยว่า เป็นเอดส์" สิ่งที่คำตอบจากเพื่อนคนนั้นว่า "อย่ามาใกล้กู" แล้วนางก็วิ่งเราไปเลย แถมโดนเพื่อนในห้องรังเกียจ แล้วโดนรังเกียจเกินครึ่งห้อง เพราะเรามีปัญหาเรื่องผิวหนัง โดนล่อแบบนี้อยู่ทุกวัน จนเรารู้สึกอยากฆ่าตัวตายต่อหน้าทุกคน แต่ก็ไม่รู้นะทำไมไม่ทำให้จบๆไป ยิ่งโตชีวิตยิ่งมีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆไม่หยุด ปัญหาคนในบ้านในครอบครัวอยู่หลายๆครั้ง ตอนนั้นเราฟ้องครูอยู่หลายครั้ง แต่ดูไม่มีเหมือนไม่มีอะไร บอกพ่อแม่ก็แล้วสุดท้ายมีแต่บอกว่า เพื่อนแกล้งกันเป็นเรื่องปกติ สุดท้ายก็มาซ้ำเติมกันอีก แทนที่จะปลอบใจ แต่ไม่เลย จนเรารู้สึกไม่อยากไปรร.อีก แต่ยังไงต้องไปอยู่ดี แล้วก็โดนล้ออยู่แบบนี้ทุกวัน จนกลายเป็นโรคซึมเศร้าไม่รู้ตัว ตอนนั้นไม่รู้จักโรคนี้เลยด้วยซ้ำ มารู้จักอีกทีตอนขึ้นม.ต้นนี่แหละ เราโดนล้ออยู่แบบนี้ทุกวัน กลายเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนเลยในห้อง แต่มีคนนึงในห้องที่ดูเหมือนจะไม่ได้รังเกียจเรา เล่นกับเราได้ปกติ จนเรามองนางว่าเป็นเพื่อนคนนึงเลย ( แต่ปัจจุบันเพื่อนนี้เสียชีวิตแล้วเพราะเป็นมะเร็ง ) แล้วมีเพื่อนอีกคนนึง อยู่คนละห้อง เราก็มองว่าเป็นเพื่อนเราอีกคนนึงเหมือนกัน และอีกคนนึง ห้อง 1 เราเริ่มมีเพื่อนตอนป.5-6 นี่แหละ 3 คน เจอกันหน้ารร.เล่นด้วยกันปกติไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเรียนจบ เราจำได้ว่าเรารอสิ่งนึง จากคนในห้อง นั้นก็คือคำ"ขอโทษ" จากทุกคน ทั้งๆที่รู้คำตอบในใจว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่พยายามหลอกตัวเองมาตลอด สุดท้ายก็ไม่มีใครมาขอโทษเราเลย หายกลับบ้านกันหมด จนกลายเป็นปมที่ต้องระแวงมากที่สุด เพราะกลัวจะโดนแกล้งจะโดนรังเกียจอีก จนขึ้นม.ต้น เราก็ระแวงอีกว่าจะมีเพื่อนตอนประถมมาร่วมห้องม.ต้นเรามั้ย ระแวงมากๆตอนนั้น เพราะกลัวมาก จนวิตกจริต กลัวจะเป็นแบบซ้ำๆเดิมๆอีก สุดท้ายไม่เห็นมีเพื่อนตอนประถม เราโล่งอกจนดีใจมาก คิดดูว่าเราหนักแค่ไหน ถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ พอเรียนไปๆมาๆ ก็เพื่อนคนนึงถามว่า "ขาแกเป็นไร" ใจเราหายแวบไปเลย สุดท้ายเราโกหกไปว่า โดนสะเก็ดไฟ เรากลัวว่ามันจะกลับมาเป็นเรื่องซ้ำๆอีกครั้ง พอวถึงวันเทศกาลวันออกพรรษา ใช่ค่ะ เราปล่อยให้ตัวเองโดนสะเก็ดไฟลวกขาเรา เพราะเรากลัวจะไม่มีเพื่อนอีก ทำซ้ำอยู่แบบนี้ 3 ปี เพื่อปิดรอยจากแผลเก่าๆที่เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากทำแบบนี้ มันทรมานมาก แต่กลัวเพื่อนรังเกียจมากกว่า แต่ก็มีปีนึงตอนม.2 มีเพื่อนคนนึง "ขาเป็นไร" เราก็ตอบตามเดิมว่า "โดนสะเก็ดไฟ" แต่สิ่งที่ได้ยินคือ "ถ้าไม่ใช่สะเก็ดไฟนึกว่าเสนียด" คำนี้แหละที่ทำให้เราไม่กล้าให้เพื่อนรู้ความจริงว่าเราเป็นอะไร ใครเห็นและอ่านโพสต์แล้ว รู้สึกรังเกียจเรา ขยะแขยงเรา ก็ตามสบายนะ เราแค่ระบายสิ่งที่อัดอั้นมานานหลายปี จนมันกลายเป็นปมที่ฝังใจมานาน เราแค่อยากระบายออกจากเราไปหมด เรากลัวว่ามันจะกลับมีปัญหาในอนาคตอีก เผื่อบางคนถามนะว่า ทำไมไม่ปล่อยมันไป แล้วจะเก็บมาคิดอีกทำไม คุณยังไม่รู้หรอกว่า เราโดนแกล้งแรงแค่ไหน มันทำลายความรู้สึกเรายังไง และมันให้เป็นแบบนี้เพราะอะไร เราขอแค่คุณไม่รังเกียจเราเหมือนที่เราเคยโดนมาก่อน ขอแค่เข้าใจความรู้สึกเราก็พอ
ขอบคุณค่ะที่อ่านจนจบ🙇♀️🙇♀️
คิดยังไงกับการโดนกลั่นแกล้งจนเป็นปมฝังใจมาตลอด
เรื่องของเรื่องคือเรามีปมเรื่องการโดนกลั่นแกล้งหรือบูลลี่ในรร นั้นแหละ แต่ฝังใจเรามาจนถึงทุกวันนี้ แล้วมันลืมไม่ได้เลยตั้งแต่เด็กๆแล้ว ต้นเหตุคือ เรามีปัญหาเรื่องผิวหนัง น้ำเหลืองไม่ดี ภูมิแพ้ผิวหนัง เรามักจะโดนล้อตลอดทุกวันว่าเป็นเอดส์ ล่อชื่อพ่อแม่ แต่ถามเพื่อนคนนึงในห้องว่า "จะเชื่อกูมั้ยว่า เป็นเอดส์" สิ่งที่คำตอบจากเพื่อนคนนั้นว่า "อย่ามาใกล้กู" แล้วนางก็วิ่งเราไปเลย แถมโดนเพื่อนในห้องรังเกียจ แล้วโดนรังเกียจเกินครึ่งห้อง เพราะเรามีปัญหาเรื่องผิวหนัง โดนล่อแบบนี้อยู่ทุกวัน จนเรารู้สึกอยากฆ่าตัวตายต่อหน้าทุกคน แต่ก็ไม่รู้นะทำไมไม่ทำให้จบๆไป ยิ่งโตชีวิตยิ่งมีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆไม่หยุด ปัญหาคนในบ้านในครอบครัวอยู่หลายๆครั้ง ตอนนั้นเราฟ้องครูอยู่หลายครั้ง แต่ดูไม่มีเหมือนไม่มีอะไร บอกพ่อแม่ก็แล้วสุดท้ายมีแต่บอกว่า เพื่อนแกล้งกันเป็นเรื่องปกติ สุดท้ายก็มาซ้ำเติมกันอีก แทนที่จะปลอบใจ แต่ไม่เลย จนเรารู้สึกไม่อยากไปรร.อีก แต่ยังไงต้องไปอยู่ดี แล้วก็โดนล้ออยู่แบบนี้ทุกวัน จนกลายเป็นโรคซึมเศร้าไม่รู้ตัว ตอนนั้นไม่รู้จักโรคนี้เลยด้วยซ้ำ มารู้จักอีกทีตอนขึ้นม.ต้นนี่แหละ เราโดนล้ออยู่แบบนี้ทุกวัน กลายเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนเลยในห้อง แต่มีคนนึงในห้องที่ดูเหมือนจะไม่ได้รังเกียจเรา เล่นกับเราได้ปกติ จนเรามองนางว่าเป็นเพื่อนคนนึงเลย ( แต่ปัจจุบันเพื่อนนี้เสียชีวิตแล้วเพราะเป็นมะเร็ง ) แล้วมีเพื่อนอีกคนนึง อยู่คนละห้อง เราก็มองว่าเป็นเพื่อนเราอีกคนนึงเหมือนกัน และอีกคนนึง ห้อง 1 เราเริ่มมีเพื่อนตอนป.5-6 นี่แหละ 3 คน เจอกันหน้ารร.เล่นด้วยกันปกติไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเรียนจบ เราจำได้ว่าเรารอสิ่งนึง จากคนในห้อง นั้นก็คือคำ"ขอโทษ" จากทุกคน ทั้งๆที่รู้คำตอบในใจว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก แต่พยายามหลอกตัวเองมาตลอด สุดท้ายก็ไม่มีใครมาขอโทษเราเลย หายกลับบ้านกันหมด จนกลายเป็นปมที่ต้องระแวงมากที่สุด เพราะกลัวจะโดนแกล้งจะโดนรังเกียจอีก จนขึ้นม.ต้น เราก็ระแวงอีกว่าจะมีเพื่อนตอนประถมมาร่วมห้องม.ต้นเรามั้ย ระแวงมากๆตอนนั้น เพราะกลัวมาก จนวิตกจริต กลัวจะเป็นแบบซ้ำๆเดิมๆอีก สุดท้ายไม่เห็นมีเพื่อนตอนประถม เราโล่งอกจนดีใจมาก คิดดูว่าเราหนักแค่ไหน ถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ พอเรียนไปๆมาๆ ก็เพื่อนคนนึงถามว่า "ขาแกเป็นไร" ใจเราหายแวบไปเลย สุดท้ายเราโกหกไปว่า โดนสะเก็ดไฟ เรากลัวว่ามันจะกลับมาเป็นเรื่องซ้ำๆอีกครั้ง พอวถึงวันเทศกาลวันออกพรรษา ใช่ค่ะ เราปล่อยให้ตัวเองโดนสะเก็ดไฟลวกขาเรา เพราะเรากลัวจะไม่มีเพื่อนอีก ทำซ้ำอยู่แบบนี้ 3 ปี เพื่อปิดรอยจากแผลเก่าๆที่เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากทำแบบนี้ มันทรมานมาก แต่กลัวเพื่อนรังเกียจมากกว่า แต่ก็มีปีนึงตอนม.2 มีเพื่อนคนนึง "ขาเป็นไร" เราก็ตอบตามเดิมว่า "โดนสะเก็ดไฟ" แต่สิ่งที่ได้ยินคือ "ถ้าไม่ใช่สะเก็ดไฟนึกว่าเสนียด" คำนี้แหละที่ทำให้เราไม่กล้าให้เพื่อนรู้ความจริงว่าเราเป็นอะไร ใครเห็นและอ่านโพสต์แล้ว รู้สึกรังเกียจเรา ขยะแขยงเรา ก็ตามสบายนะ เราแค่ระบายสิ่งที่อัดอั้นมานานหลายปี จนมันกลายเป็นปมที่ฝังใจมานาน เราแค่อยากระบายออกจากเราไปหมด เรากลัวว่ามันจะกลับมีปัญหาในอนาคตอีก เผื่อบางคนถามนะว่า ทำไมไม่ปล่อยมันไป แล้วจะเก็บมาคิดอีกทำไม คุณยังไม่รู้หรอกว่า เราโดนแกล้งแรงแค่ไหน มันทำลายความรู้สึกเรายังไง และมันให้เป็นแบบนี้เพราะอะไร เราขอแค่คุณไม่รังเกียจเราเหมือนที่เราเคยโดนมาก่อน ขอแค่เข้าใจความรู้สึกเราก็พอ
ขอบคุณค่ะที่อ่านจนจบ🙇♀️🙇♀️