นิยายเรื่องนี้ หมอพงศกรแต่งไว้ดีมาก
เก็บ เตรียมข้อมูลนานสามปี
ถ้าเขียนบทดัดแปลงเรื่องเป็นละคร หนังแบบตี๋เหรินเจี๋ยของฉีเคอะ
หรือ ฉางอันสิบสองชั่วยาม
ทุนสร้าง2-300ล้านบาท
ละครเรื่องนี้จะสนุกคนดูลุ้นระทึกติดจอ ดูลุยโต้งรุ่งแน่
แต่ปัญหาหลายอย่างช่วงเตรียมงานทำให้ เดินงานไม่ตรงตามเป้า
จากที่ลือจนตั้งกระทู้ว่า
บทแก้ไขล่าช้า
เปลี่ยนตัวพระเอก
ผู้ช่วยผกก.ที่วางไว้ ไม่อยู่ในรายชื่อต้นละคร
พักกองไม่มีกำหนดจากโควิด
ผกก.ป่วย แต่ยังเบากว่าเมื่อเทียบกับหนังสุริโยไท
ตอนนั้นผกก.ป่วยมากจนนอนกำกับก่อนไปรักษาจนหาย
ได้เปี๊ยก โปสเตอร์ ผกก.กองสอง
กับเอ็ม สุรศักดิ์ วงศ์ไทย ผู้ช่วยผกก.
ช่างภาพพ่อลูกชาวเชค
มาช่วยประคองการถ่ายทำ
ผู้เขียนถือว่า หนัง ละครทั้งไทยและเทศที่ผลิตช่วงโควิดระบาด
จะให้คะแนนแบบอนุโลม เพราะผู้ผลิต นักแสดง คณะทำงาน เจอแต่ปัญหา อุปสรรคสาหัสตลอดการทำงาน
ยังไม่พบงานเผา สักแต่เข็นให้ออกมา
ส่วนจะผิดพลาดมากน้อยแค่ไหน จะแตะในส่วนที่เห็นเด่นชัด
เพราะคนดูเสียค่าไฟ ค่าโทรทัศน์ ค่าเน็ตดูเหมือนกัน
ช่วงเวลาในละคร
ราขวงศ์ปราสาททอง รัชกาลสุดท้าย สมัยพระนารายณ์ตอนปลาย
หลังการปราบกบฏแขกยักษ์มักกะสัน หรือมากัสซาร์ เกาะสุลาเวสี ชวาใต้ สิ้นสุดที่ป้อมบางกอก ชาวบ้านบางกอกเสียชีวิคนับร้อย จากการหักหลังของฟอลคอนเป็นเหตุ
พระนารายณ์ทรงชราภาพ มีอาการป่วยเรื้อรัง จากการวางยาพิษของหมอฝรั่งทีละน้อย ที่ฟอลคอนติดสินบน
พระองค์ระแวงคนใกล้ตัว จึงมักย้ายไปพักฟื้นที่ละโว้
มีพระปีย์ ฟอลคอน รับใช้ใกล้ชิด
ส่วนฝ่ายวังหน้า พระเพทราชา และหลวงสรศักดิ์ ดูแลอยุทธยาแทนวังหลวง
เริ่มระแวงฝรั่งเศสจะเปิดศึกยึดเกาะเมือง จากข่าวที่ได้รับ
ออกญายมราช รับพระบัณฑูรจากอุปราชวังหน้า จึงมากำชับกับ
ออกหลวงอินทราชภักดี สังกัด กองตระเวนฝ่ายขวา(กองพระตำรวจขวา)
มีหน้าที่ดูแลความสงบ พื้นที่ฝั่งขวาหรือทิศตะวันตกของอยุทธยา
จึงติดต่อกับ พม่า รามัญ แขกอินเดีย เปอร์เซีย และฝรั่ง
ออกหลวงเพิ่งย้ายกลับมาเกาะเมือง หลังจากประจำที่ตะนาวศรีติดแดนพม่า รามัญ มีเมืองมะริดอันเป็นตลาดกลางค้าม้ามีขื่อ
ออกหลวงมีชื่อผู้นี้ เป็นพ่อม่ายเมียตาย ช่วงกลางคนอายุราวสี่สิบ
จึงกินเหล้าย้อมใจที่คิดถึงเมียรัก ต้องมาตายเพราะป่วยหนัก และหมอรักษาไม่หาย
ตอนละครเปิดเรื่อง พระเอกจึงเหมือน ลี้คิมฮวง ร่ำสุรา
แต่ดุดันบ้าพลังแบบบู๊สง ผู้กล้าเขาเหลียงซานยามเมาเหล้า
ทั้งที่จริง พระเอกต้องสุขุมลุ่มลึก เหมือนตี๋เหรินเจี๋ยออกจากคุก
ซ้ำยังเก็บอาการหวาดระแวงว่า จะรีบปิดคดีกับปิตันช่องไม่อยู่
ตัวละครอื่นก็ลักลั่นคือกัน จนเดาออกว่าไผคือคนร้าย
นางเอก หมอเชลยศักดิ์(เอกชน)เป็นเบี้ยบนกระดาน สู่รู้ไม่ดูหัวท้าย สมให้พระเอกว่า
เพราะถือตัวว่า เป็นหลานเจ้าจอม มีคนใช้ติดตาม
ไปเจอหนุ่มฐานะเดียวกับแบบสองต่อสองได้ เพราะต่างมีคนใช้ติดตามทั้งคู่
กลุ่มคนรวยยุคนั้น ศักดิ์สูงกว่าไพร่ หญิงมีการศึกษา จ้างครูมาสอนที่บ้าน
แบบเดียวกับนางวันทอง
หากินเองได้ไม่พึ่งผัว
การที่พระเอกดูแคลนนางเอก
แสดงถึงความบ้านนอกหลังเขา อยู่ชายแดนเสียนาน
ไม่รู้เลยว่า รอบเกาะเมืองมีสาวบ้านคนรวยล้วนมีการศึกษา อ่านออกเขียนได้ ดองกับเจ๊ก แขก ฝรั่ง หลายบ้านแล้ว
ส่วนญี่ปุ่น โรนินอพยพพาลูกเมีย ญาติมาด้วย จึงนิยมแต่งกับคนบ้านเดียวกัน
มีแต่โรแบร ที่นิ่ง หล่อ สุภาพ สมเป็นปัญญาชน แห่งแผ่นดินพระเจ้าหลุยส์ที่14ผู้ยิ่งใหญ่
แม้ต่อหน้าฟอลคอน ชาวกรีก ผู้ทะเยอทะยาน ก็ไม่ออกอาการ
เหตุการณ์ในละคร เล่าช่วงก่อนคณะราชทูตพระเจ้าหลุยส์ที่14 มาเยือนละโว้
ถ้าผูกเงื่อนเวลาไขคดีให้จำกัด บู๊สะใจ สืบสวนลุ้นตลอด ตอนจบหักมุม เตรียมรับรางวัลได้เลย
ฉากหลุด
จวนออกญายมราช
พระเอกถือดาบ เข้าไปหารือออกญายมราชในห้อง ยังจวนออกญา
โดยปกติ ต้องวางดาบไว้หน้าห้อง ก่อนเข้าไปหารือ
หรือก่อนขึ้นเรือน เพื่อป้องกันเหตุประทุษร้าย
ขนาดขุนแสนพกดาบขึ้นจวนได้เช่นกัน พระเดชพระคุณท่านไว้เนื้อเชื่อใจขนาดนั้น
พระเอกยังระแวงท่านได้ เฮ่อ
ย่านคูจาม
อยู่นอกเกาะเมือง ดงแขกชวา ชาวมุสลิม เพราะเห็นตีกริชคด
ทั้งชุมชนมีแค่กระต๊อบหลังเดียว
ที่จริงมีแขกนับร้อย นับพัน เป็นญาติพี่น้องผองเพื่อนกับกบฏแขกมักกะสัน ที่บางส่วนจำตรุตีตรวนอยู่ แล้วแสร้งก่อเหตุวิวาทในคุก
ให้จั่นสบช่องลอบหนีไปได้ ในคืนที่กับปิตันช่องเสียชีวิต
พระเอกจึงสั่งเฆี่ยน ตอกเล็บ หัวหน้ากบฏแขกมักกะสันที่เคยไล่ฆ่า
ลูกเล็กเด็กแดง สาวแก่แม่ม่าย พระเถรเณรชีจนหมดวัด
ที่บางกอกอย่างเลือดเย็นเพื่อรีดเบาะแสด้วยเหตุนี้
ละครไม่เล่าที่มาที่ไป ว่าเหตุใดหัวหน้ากบฏที่รอดอยู่ในคุก ฝากแหวนให้จั่นมามอบให้หนุ่มหล่อล่ำผมยาว แต่ไม่ไว้หนวดเครา ผิดธรรมเนียมมุสลิม ไม่ก็เป็นแขกมากาซาร์
คงมีเฉลยภายหลังมั้ง
ความสมจริงที่ไม่ปรากฏในบุพเพ
ตลาดค้าทาส
หอโคมแดง รับซื้อทาสสาวมาชำเราบุรุษ
โรงบุรุษรับชำเรา
อยุทธยายุคนั้น ลาลูแบร์บันทึกว่า มีชาวเมืองราวหนึ่งล้านคน
มีจำนวนคนมากไม่แพ้พระนครอันยิ่งใหญ่ของขอม
สังคมชนชั้นวรรณะ มีตลาดซื้อขายทาสเหมือนขายวัวควาย
ใครมีเงินย่อมซื้อหาทาสมาใช้งานได้
เพราะทาสไม่ใช่คน เป็นเพียงทรัพย์สินสิ่งของ ของนายทาส
จะเอาไปฆ่า ไปขายได้ไม่ผิดกฎหมาย
เมื่อพบสาวน้อยจากแดนภารตะ ที่หนีตายจากพิธีสตี โล้สำเภามากรุงศรีจะเห็นความจริงในยุคนั้นที่ชัดเจน ดุจเดียวกับพระนคร
บทเจรจา
จากพงศวดารล้านช้าง
ไทย แปลว่า ผู้เป็นนาย
ข้า หรือ ข้อย แปลว่า ผู้รับใช้
สมัยอยุทธยา เรียกตัวเองว่า คนไทย อยู่เมืองไทย
ต่างชาติเรียกเราว่า เสียม เสียนหลอ สยาม สยำ
เพราะผนวกแผ่นดินสุพรรณกับละโว้
มีแต่พม่าที่เรียกเราตรงตัวว่า โยเดีย หรือ อโยเดีย คือ อยุทธยา
เห็นได้ว่า พม่า ไม่เคยเกลียดชัง ดูหมิ่นคนไทย
แม้ยึดโยเดียได้ ก็ให้เกียรติเลี้ยงดูบรรดาเจ้านาย และคนไทยที่กวาดต้อนไปอย่างดี
ภาษาไทยโบราณ มีรูปประโยคคล้ายภาษาจีน สำเนียงเหน่อทุกเมือง
แล้วเปลี่ยนเป็นแบบไทยผู้ดี ยุครัตนโกสินทร์ สำเนียงบางกอกไม่เหน่อ แต่หาว่าที่อื่นเหน่อ ทั้งที่ตัวเองพูดเพี้ยน
ในละครภาษาติดสำเนียงกรุงเทพอยู่บ้าง
ส่วนใหญ่คงสำนวนโบราณ
แต่ไม่ประณีตเท่าของดร.สุเนตร
ส่วนปัญหาลิ้นพันกันของนางเอก พอผ่านไปได้
เพราะพูดฝรั่งเศสดี
ปัญหาการแก้สีปรับเสียง
กล้องที่ใช้ถ่ายทำไม่น่าใช่รุ่นใหม่ระดับsony fx9
คุณภาพของภาพจึงไม่ดีนัก
การแก้สีฉากกลางคืน มืดเกินไปในตอน1
ขนาดดูเน็ตฟลิกซ์ยังมืดไป
ฉากบ้านคราล่า ดูสดมืดมากนึกว่าถ่ายในโรงถ่ายปี2530
ดูเน็ตฟลิกซ์สว่างขึ้นหน่อย
ตอน2แก้สีดีขึ้นมาก ฉากมืดมีรายละเอียด
อดคิดไม่ได้ว่า ต้องกินนอนที่ห้องตัดต่อ จนถึงวันออกอากาศรึเปล่า ตอน1ถึงมีกลิ่นไหม้
เสียงดนตรี ดังกลบเสียงสนทนา
ระดับเสียงพูดไม่กว้าง เหมือนอัดแบบ16บิท
cgผ้าลายอย่าง ต้นตอน ดูดีแต่ไม่เนียนกริ๊บ
เพลงประกอบ
เพลงอาทิตย์รำพัน จันทร์รำพึง
ตอนเปิดเรื่อง คำร้องดีแต่ทำนองฟังไม่ง่าย
เพลงนี้ฉบับเดี่ยวเปียโน ครูแป้ม สุภัทรา อินทรภักดี โกราษฎร์ อดีตนักร้องนำวงไหมไทย ขับร้อง
รอฟังอยู่จะปล่อยเพลงตอนไหน
เบื้องหลังการถ่ายทำทางช่องยังไม่ปล่อยให้ชมย้อนหลัง
หวังว่าละครจะสนุกเข้มข้น เทียบเท่าหรือเหนือกว่านิยาย
จะได้สร้างละครจากนิยายชุดผ้า เรื่องอื่นต่ออีก
ขอบคุณช่อง3 ผู้จัดและคณะ
ที่กล้าลงทุนผลิตละครสืบสวนสอบสวนย้อนยุคทุนสูง
ให้คนไทยได้รับชมละครหลากหลายแนวมากขึ้น
ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ขอบคุณครับ
ลายกินรี ตี๋เหรินเจี๋ยอยุทธยา มีบางส่วนต่างจากนิยาย
นิยายเรื่องนี้ หมอพงศกรแต่งไว้ดีมาก
เก็บ เตรียมข้อมูลนานสามปี
ถ้าเขียนบทดัดแปลงเรื่องเป็นละคร หนังแบบตี๋เหรินเจี๋ยของฉีเคอะ
หรือ ฉางอันสิบสองชั่วยาม
ทุนสร้าง2-300ล้านบาท
ละครเรื่องนี้จะสนุกคนดูลุ้นระทึกติดจอ ดูลุยโต้งรุ่งแน่
แต่ปัญหาหลายอย่างช่วงเตรียมงานทำให้ เดินงานไม่ตรงตามเป้า
จากที่ลือจนตั้งกระทู้ว่า
บทแก้ไขล่าช้า
เปลี่ยนตัวพระเอก
ผู้ช่วยผกก.ที่วางไว้ ไม่อยู่ในรายชื่อต้นละคร
พักกองไม่มีกำหนดจากโควิด
ผกก.ป่วย แต่ยังเบากว่าเมื่อเทียบกับหนังสุริโยไท
ตอนนั้นผกก.ป่วยมากจนนอนกำกับก่อนไปรักษาจนหาย
ได้เปี๊ยก โปสเตอร์ ผกก.กองสอง
กับเอ็ม สุรศักดิ์ วงศ์ไทย ผู้ช่วยผกก.
ช่างภาพพ่อลูกชาวเชค
มาช่วยประคองการถ่ายทำ
ผู้เขียนถือว่า หนัง ละครทั้งไทยและเทศที่ผลิตช่วงโควิดระบาด
จะให้คะแนนแบบอนุโลม เพราะผู้ผลิต นักแสดง คณะทำงาน เจอแต่ปัญหา อุปสรรคสาหัสตลอดการทำงาน
ยังไม่พบงานเผา สักแต่เข็นให้ออกมา
ส่วนจะผิดพลาดมากน้อยแค่ไหน จะแตะในส่วนที่เห็นเด่นชัด
เพราะคนดูเสียค่าไฟ ค่าโทรทัศน์ ค่าเน็ตดูเหมือนกัน
ช่วงเวลาในละคร
ราขวงศ์ปราสาททอง รัชกาลสุดท้าย สมัยพระนารายณ์ตอนปลาย
หลังการปราบกบฏแขกยักษ์มักกะสัน หรือมากัสซาร์ เกาะสุลาเวสี ชวาใต้ สิ้นสุดที่ป้อมบางกอก ชาวบ้านบางกอกเสียชีวิคนับร้อย จากการหักหลังของฟอลคอนเป็นเหตุ
พระนารายณ์ทรงชราภาพ มีอาการป่วยเรื้อรัง จากการวางยาพิษของหมอฝรั่งทีละน้อย ที่ฟอลคอนติดสินบน
พระองค์ระแวงคนใกล้ตัว จึงมักย้ายไปพักฟื้นที่ละโว้
มีพระปีย์ ฟอลคอน รับใช้ใกล้ชิด
ส่วนฝ่ายวังหน้า พระเพทราชา และหลวงสรศักดิ์ ดูแลอยุทธยาแทนวังหลวง
เริ่มระแวงฝรั่งเศสจะเปิดศึกยึดเกาะเมือง จากข่าวที่ได้รับ
ออกญายมราช รับพระบัณฑูรจากอุปราชวังหน้า จึงมากำชับกับ
ออกหลวงอินทราชภักดี สังกัด กองตระเวนฝ่ายขวา(กองพระตำรวจขวา)
มีหน้าที่ดูแลความสงบ พื้นที่ฝั่งขวาหรือทิศตะวันตกของอยุทธยา
จึงติดต่อกับ พม่า รามัญ แขกอินเดีย เปอร์เซีย และฝรั่ง
ออกหลวงเพิ่งย้ายกลับมาเกาะเมือง หลังจากประจำที่ตะนาวศรีติดแดนพม่า รามัญ มีเมืองมะริดอันเป็นตลาดกลางค้าม้ามีขื่อ
ออกหลวงมีชื่อผู้นี้ เป็นพ่อม่ายเมียตาย ช่วงกลางคนอายุราวสี่สิบ
จึงกินเหล้าย้อมใจที่คิดถึงเมียรัก ต้องมาตายเพราะป่วยหนัก และหมอรักษาไม่หาย
ตอนละครเปิดเรื่อง พระเอกจึงเหมือน ลี้คิมฮวง ร่ำสุรา
แต่ดุดันบ้าพลังแบบบู๊สง ผู้กล้าเขาเหลียงซานยามเมาเหล้า
ทั้งที่จริง พระเอกต้องสุขุมลุ่มลึก เหมือนตี๋เหรินเจี๋ยออกจากคุก
ซ้ำยังเก็บอาการหวาดระแวงว่า จะรีบปิดคดีกับปิตันช่องไม่อยู่
ตัวละครอื่นก็ลักลั่นคือกัน จนเดาออกว่าไผคือคนร้าย
นางเอก หมอเชลยศักดิ์(เอกชน)เป็นเบี้ยบนกระดาน สู่รู้ไม่ดูหัวท้าย สมให้พระเอกว่า
เพราะถือตัวว่า เป็นหลานเจ้าจอม มีคนใช้ติดตาม
ไปเจอหนุ่มฐานะเดียวกับแบบสองต่อสองได้ เพราะต่างมีคนใช้ติดตามทั้งคู่
กลุ่มคนรวยยุคนั้น ศักดิ์สูงกว่าไพร่ หญิงมีการศึกษา จ้างครูมาสอนที่บ้าน
แบบเดียวกับนางวันทอง
หากินเองได้ไม่พึ่งผัว
การที่พระเอกดูแคลนนางเอก
แสดงถึงความบ้านนอกหลังเขา อยู่ชายแดนเสียนาน
ไม่รู้เลยว่า รอบเกาะเมืองมีสาวบ้านคนรวยล้วนมีการศึกษา อ่านออกเขียนได้ ดองกับเจ๊ก แขก ฝรั่ง หลายบ้านแล้ว
ส่วนญี่ปุ่น โรนินอพยพพาลูกเมีย ญาติมาด้วย จึงนิยมแต่งกับคนบ้านเดียวกัน
มีแต่โรแบร ที่นิ่ง หล่อ สุภาพ สมเป็นปัญญาชน แห่งแผ่นดินพระเจ้าหลุยส์ที่14ผู้ยิ่งใหญ่
แม้ต่อหน้าฟอลคอน ชาวกรีก ผู้ทะเยอทะยาน ก็ไม่ออกอาการ
เหตุการณ์ในละคร เล่าช่วงก่อนคณะราชทูตพระเจ้าหลุยส์ที่14 มาเยือนละโว้
ถ้าผูกเงื่อนเวลาไขคดีให้จำกัด บู๊สะใจ สืบสวนลุ้นตลอด ตอนจบหักมุม เตรียมรับรางวัลได้เลย
ฉากหลุด
จวนออกญายมราช
พระเอกถือดาบ เข้าไปหารือออกญายมราชในห้อง ยังจวนออกญา
โดยปกติ ต้องวางดาบไว้หน้าห้อง ก่อนเข้าไปหารือ
หรือก่อนขึ้นเรือน เพื่อป้องกันเหตุประทุษร้าย
ขนาดขุนแสนพกดาบขึ้นจวนได้เช่นกัน พระเดชพระคุณท่านไว้เนื้อเชื่อใจขนาดนั้น
พระเอกยังระแวงท่านได้ เฮ่อ
ย่านคูจาม
อยู่นอกเกาะเมือง ดงแขกชวา ชาวมุสลิม เพราะเห็นตีกริชคด
ทั้งชุมชนมีแค่กระต๊อบหลังเดียว
ที่จริงมีแขกนับร้อย นับพัน เป็นญาติพี่น้องผองเพื่อนกับกบฏแขกมักกะสัน ที่บางส่วนจำตรุตีตรวนอยู่ แล้วแสร้งก่อเหตุวิวาทในคุก
ให้จั่นสบช่องลอบหนีไปได้ ในคืนที่กับปิตันช่องเสียชีวิต
พระเอกจึงสั่งเฆี่ยน ตอกเล็บ หัวหน้ากบฏแขกมักกะสันที่เคยไล่ฆ่า
ลูกเล็กเด็กแดง สาวแก่แม่ม่าย พระเถรเณรชีจนหมดวัด
ที่บางกอกอย่างเลือดเย็นเพื่อรีดเบาะแสด้วยเหตุนี้
ละครไม่เล่าที่มาที่ไป ว่าเหตุใดหัวหน้ากบฏที่รอดอยู่ในคุก ฝากแหวนให้จั่นมามอบให้หนุ่มหล่อล่ำผมยาว แต่ไม่ไว้หนวดเครา ผิดธรรมเนียมมุสลิม ไม่ก็เป็นแขกมากาซาร์
คงมีเฉลยภายหลังมั้ง
ความสมจริงที่ไม่ปรากฏในบุพเพ
ตลาดค้าทาส
หอโคมแดง รับซื้อทาสสาวมาชำเราบุรุษ
โรงบุรุษรับชำเรา
อยุทธยายุคนั้น ลาลูแบร์บันทึกว่า มีชาวเมืองราวหนึ่งล้านคน
มีจำนวนคนมากไม่แพ้พระนครอันยิ่งใหญ่ของขอม
สังคมชนชั้นวรรณะ มีตลาดซื้อขายทาสเหมือนขายวัวควาย
ใครมีเงินย่อมซื้อหาทาสมาใช้งานได้
เพราะทาสไม่ใช่คน เป็นเพียงทรัพย์สินสิ่งของ ของนายทาส
จะเอาไปฆ่า ไปขายได้ไม่ผิดกฎหมาย
เมื่อพบสาวน้อยจากแดนภารตะ ที่หนีตายจากพิธีสตี โล้สำเภามากรุงศรีจะเห็นความจริงในยุคนั้นที่ชัดเจน ดุจเดียวกับพระนคร
บทเจรจา
จากพงศวดารล้านช้าง
ไทย แปลว่า ผู้เป็นนาย
ข้า หรือ ข้อย แปลว่า ผู้รับใช้
สมัยอยุทธยา เรียกตัวเองว่า คนไทย อยู่เมืองไทย
ต่างชาติเรียกเราว่า เสียม เสียนหลอ สยาม สยำ
เพราะผนวกแผ่นดินสุพรรณกับละโว้
มีแต่พม่าที่เรียกเราตรงตัวว่า โยเดีย หรือ อโยเดีย คือ อยุทธยา
เห็นได้ว่า พม่า ไม่เคยเกลียดชัง ดูหมิ่นคนไทย
แม้ยึดโยเดียได้ ก็ให้เกียรติเลี้ยงดูบรรดาเจ้านาย และคนไทยที่กวาดต้อนไปอย่างดี
ภาษาไทยโบราณ มีรูปประโยคคล้ายภาษาจีน สำเนียงเหน่อทุกเมือง
แล้วเปลี่ยนเป็นแบบไทยผู้ดี ยุครัตนโกสินทร์ สำเนียงบางกอกไม่เหน่อ แต่หาว่าที่อื่นเหน่อ ทั้งที่ตัวเองพูดเพี้ยน
ในละครภาษาติดสำเนียงกรุงเทพอยู่บ้าง
ส่วนใหญ่คงสำนวนโบราณ
แต่ไม่ประณีตเท่าของดร.สุเนตร
ส่วนปัญหาลิ้นพันกันของนางเอก พอผ่านไปได้
เพราะพูดฝรั่งเศสดี
ปัญหาการแก้สีปรับเสียง
กล้องที่ใช้ถ่ายทำไม่น่าใช่รุ่นใหม่ระดับsony fx9
คุณภาพของภาพจึงไม่ดีนัก
การแก้สีฉากกลางคืน มืดเกินไปในตอน1
ขนาดดูเน็ตฟลิกซ์ยังมืดไป
ฉากบ้านคราล่า ดูสดมืดมากนึกว่าถ่ายในโรงถ่ายปี2530
ดูเน็ตฟลิกซ์สว่างขึ้นหน่อย
ตอน2แก้สีดีขึ้นมาก ฉากมืดมีรายละเอียด
อดคิดไม่ได้ว่า ต้องกินนอนที่ห้องตัดต่อ จนถึงวันออกอากาศรึเปล่า ตอน1ถึงมีกลิ่นไหม้
เสียงดนตรี ดังกลบเสียงสนทนา
ระดับเสียงพูดไม่กว้าง เหมือนอัดแบบ16บิท
cgผ้าลายอย่าง ต้นตอน ดูดีแต่ไม่เนียนกริ๊บ
เพลงประกอบ
เพลงอาทิตย์รำพัน จันทร์รำพึง
ตอนเปิดเรื่อง คำร้องดีแต่ทำนองฟังไม่ง่าย
เพลงนี้ฉบับเดี่ยวเปียโน ครูแป้ม สุภัทรา อินทรภักดี โกราษฎร์ อดีตนักร้องนำวงไหมไทย ขับร้อง
รอฟังอยู่จะปล่อยเพลงตอนไหน
เบื้องหลังการถ่ายทำทางช่องยังไม่ปล่อยให้ชมย้อนหลัง
หวังว่าละครจะสนุกเข้มข้น เทียบเท่าหรือเหนือกว่านิยาย
จะได้สร้างละครจากนิยายชุดผ้า เรื่องอื่นต่ออีก
ขอบคุณช่อง3 ผู้จัดและคณะ
ที่กล้าลงทุนผลิตละครสืบสวนสอบสวนย้อนยุคทุนสูง
ให้คนไทยได้รับชมละครหลากหลายแนวมากขึ้น
ท้ายนี้ผิดพลาดประการใด ผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ขอบคุณครับ