ชีวิตคู่ เมื่ออีกคนดื้อเกินอีกคน ควรใช้ชีวิตคู่ต่อไปไหม

ปัจจุบันผมและแฟน แต่งงานกันมา10ปี มีลูกสองคน 10ขวบกับ 2 ขวบ หน้าที่การงานของแต่ละคน ก็มั่งคงรายได้ไม่ตกหล่น ใช้จ่ายสบาย เมื่อปีก่อนผมออกจากงานประจำ เพราะไม่มีใครช่วยดูแลลูกคนเล็ก รายได้ผมก็ไม่ได้หายหรอก เพราะผมสามารถหางานมาทำที่บ้าน และชดเชยรายได้จากเงินเดือนได้สบาย จนเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง สาวนแฟนผมแกก็ทำงานประจำ ช่วงโควิดก็ทำงานอยู่ที่บ้านไม่มีปัญหาอะไร ครอบครัวก็อยู่ได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ติดตรงที่แฟนผมกับไม่ค่อยลงลอยกันเท่าไหร่ ชอบทะเลาะกัน ความคิดเห็นไม่ตรงกัน หลายๆเรื่อง คือแทบจะเป็นลิ้นกับฟันเลย แต่ก็ประคองกันมาได้ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ช่วงต้นเดือนตุลาคม ช่วงปิดเทอของลูกชายคนโต แฟนผมบอกแกอยากจะไปเยี่ยมพ่อแม่แกที่ต่างจังหวัด ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่มันมีประเดนที่ว่าก่อนจะสิ้นเดือนกันยา ลูกชายคนเล็กผมป่วยหนัก ต้องนอนโรงบาลหลายวัน  ซึ่งผมก็บอกว่าถ้าลูกป่วยหนักแบบนี้ คงกลับไปต่างจังหวัดตามแพลนไม่ได้แล้วล่ะ หรือว่าถ้าจะกลับคงต้องเลื่อนตั๋ว เพื่อให้ลูกได้พักฟื้นก่อนให้หายดีก่อนค่อยไป แฟนผมก็เอ่อออว่าคงต้องเป็นแบบนั้น เลื่อนตั๋วก็แพงเลื่อนยากจ่ายเพิ่มหลายพัน ก็อาจจะไม่ไปแล้ว แต่ก่อนจะสิ้นเดือนกันยา ลูกได้ออกจากโรงบาล แกก็จะไปให้ได้ ผมบอกว่าไม่อยากให้แกพาลูกๆไปเลย เพราะเพิ่งออกจากโรงบาล แต่แกก็จะไปให้ได้  วันสองวันก่อนไป ผมเริ่มมีอาการไม่สบาย อาการไม่ค่อยจะดี แต่แฟนผมก็ยังบอกตะไปให้ได้ ผมก็คิดว่า ทำไมเราไม่สบายอาการไม่ค่อยดี (ตรวจเจอว่าเป็นหวัดใหญ่ตรวจหลังจากเแฟนกับลูกๆเดินทางแล้ว) ผมก็นอนป่วยทุรนทุรายหลายวันกว่าจะหายอันนี้ผมก็ไม่ได้คิดไรมากหรอก ว่าทำไมแหนรู้ว่าเราไม่สบาย แฟนยังจะไปอยู่ แต่อันนี้ยังพีดไม่เท่าสองสามวันที่ผ่านมามันมีเรื่องที่ว่า พวกผมมันเป็นชนเผ่า มันมีพิธีกรรมต่างๆของชนเผ่าหลาดอย่างเกี่ยวเรื่องผี ต้องให้หมอผีร่างทรงเป็นคนทำ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติผมรู้อยู่แล้ว แต่ปัญหาเกิดขึ้นเพราะว่า ครอบครัวผมได้ทำการยกเลิกพวกพิธีกรรมนี้หมดแล้วและได้ไปนับถือศาสนาคริสต์ ได้ทำลายพวกแท่นหมู่บูชาออกหมด ทั้งครอบยกเลิกพวกพิธีกรรมพวกนี้หมด ไม่ทำไม่ให้ข้องแวะเกี่ยวกับพิธีทางชนเผ่า แต่ครอบครัวแฟนผมยังเชื่อและนีบถือพวกพิธีกรรมพวกนี้อยู่ อันนี้ผมก็ไม่ได้คิดอะไร แต่มันติดตรงที่ลูกชายคนเล็กผม ยังพูดไม่ได้ เกิดภาวะเด็กพูดช้า ไม่รู้ว่าเกิดจากสังคมเมือง การให้เวลาแก่ลูกน้อยไปหรือเปล่า ดูมือถือมากไปไหม หังกลายภาษาเกินจนเด็กไม่สามารถพูดได้ หรือเกิดจากปัญหาพัฒนาการของตัวเด็กเองอันนี้ก็ไม่ทราบ แต่พอแฟนผมพาลูกไปถึงบ้านพ่อแม่เขา แฟนผมกลับเอาลูกไปทำพิธี ให้หมอผีร่างทรงดูว่าเกิดจากอะไร ซึ่งผมบอกและห้ามแล้วว่า ห้ามให้เขาดู เพราะถ้าให้หมอผีดู มันจะต้องแก้ตามที่หมอบอก ผมเลยห้ามแหนผมว่า ไม่ให้ทำพิธีอย่างนั้น เพราะครอบครัวของเรานั้น เลิกและตัดขาดจากพิธีพวกนี้แล้ว ผมไม่เห็นด้วย แต่ผลคือแฟนผมไม่สนใจ แกดื้อให้ตากับยายช่วยทำให้ แกไม่สนใจผมเลย ผลจากการดูครั้งนี้คือต้องได้ทำพิธีแก้ตามที่หมอผีร่างทรงบอก แต่ยังไม่จบแค่นี้ แฟนยังให้พ่อของแก ทำพิธีเปลี่ยนชื่อให้ลูกผมอีกคือ มันเป็นพิธีกรรมกนึ่งที่เขาเชื่อกันว่า ถ้าบุตรมีอาการไม่ดี ชอบป่วยบ่อยๆ  เขาจะมีพิธีกรรมคือ เปลี่ยนชื่อหรือตั้งชื่อใหม่ คือผมไม่ได้ลบหลู่พิธีกรรมพวกนี้หรอก ผมผ่านมาหมด แต่ที่ผมไม่อยากให้แฟนผมเอาลูกไปเจ้าพิธีพวกนี้เพราะ พวกผมมีความเชื่อที่ว่า เมื่อผู้หญิงออกเรือนไปแต่งงานกับผู้ชาย ได้มีการทำพิธีตัดผีวิญญานของผู้หญิงออกจากบ้านพ่อแม่ของผู้หญิง และเมื่อมาถึงบ้านฝ่ายชาย ครอบครัวฝ่ายชาย ก็จะทำพิธีเรียกขวัญผู้หญิง เข้าไปเป็นสมาชิกของบ้านฝ่ายชาย มีนก็เลยมีคำพูดๆหนึ่ง คือ คนก็คนฝ่ายชาย ตายเป็นผีก็เป็นผีฝ่ายชาย พ่อแม่ฝ่ายหญิงจะไม่เกี่ยวข้องเด็ดขาด ถือว่าเป็นเสนียดถ้าไปยุ่ง ผมจึงบอกแฟนผมไปว่าไม่ให้ทำ เราไม่มีโต๊ะหมู่บูชาเราไม่มีผีให้ดูแลแล้ว ไม่ให้ทำ แต่แฟนผมก็ไม่ฟัง แกให้พ่อแกทำให้เรียบร้อย เปลี่ยนชื่อใหม่เสร็จสับ ผมเลยอยากตั้งคำถามต่อสมาชิกทุกท่านว่า เป็นสามีภรรยากัน ถ้าดื้อกันขนาดนี้ควรไปต่อไหม เพราะดูเหมือนจะไม่ให้เกียรติกัน ไม่เคารพความรู้สึกของอีกฝ่ายเลย ควรที่จะเป็นสามีภรรยากันต่อไหม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่