JJNY : 5in1 จ่อโหวตทำประชามติพร้อมเลือกตั้ง│วิสุทธิ์เย้ยพปชร.│พิษศก.โลกสะเทือนไทย│เตรียมถกกม.กัญชา│สองเกาหลียิงเตือนแลก

สภา จ่อโหวตทำประชามติแก้ไข รธน.ทั้งฉบับ พร้อมเลือกตั้ง 3 พ.ย.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3635506
 
 
สภา จ่อโหวตทำประชามติแก้ไข รธน.ทั้งฉบับ พร้อมเลือกตั้ง 3 พ.ย. พรุ่งนี้ ‘ฝ่ายค้าน’ นัดถกเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ถก รบ.แก้ปัญหายาเสพติด-น้ำท่วม
 
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ว่า สิ่งที่พรรคฝ่ายค้านจะเดินหน้าต่อมีประเด็นสำคัญคือ ในวันที่ 2 พฤศจิกายน จะเป็นการพิจารณาเรื่องกฎหมายซึ่งรวมไปถึงกฎหมายที่พรรคร่วมฝ่ายค้านร่วมกันผลักดันได้แก่ การแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สรรพสามิต หรือ พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า โดยทางพรรคฝ่ายค้านมีความเห็นเป็นเอกภาพว่าจะเห็นชอบในวาระที่ 2 และ 3
 
นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นกฎหมายที่เสนอโดย ส.ส. โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนามของพรรค ก.ก. เรายังประเมินเสียงอยู่ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งเราคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่พรรครัฐบาลจะเสียงแตกแล้วหันมาสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว เนื่องจากเป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
 
นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า ส่วนในวันที่ 3 พฤศจิกายน จะมีประเด็นที่สำคัญคือ การลงมติญัตติที่พรรคร่วมฝ่ายค้านในนามของพรรค ก.ก. และพรรคเพื่อไทย (พท.) ได้เสนอด่วนด้วยวาจาขอให้รัฐบาลทำประชามติ เพื่อถามประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า ว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หลังจากการอภิปรายเสร็จสิ้น ซึ่งหากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเห็นด้วยก็จะส่งญัตินี้ไปที่ ส.ว. หาก ส.ว.เห็นด้วยก็จะมีการเสนอไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าเมื่อถึงวันนั้น ครม.ก็น่าจะเห็นชอบในการทำประชามติไปพร้อมกับการเลือกตั้งในครั้งหน้า
 
“โดยในวันพรุ่งนี้ (25 ตุลาคม) ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะมีการประชุม ว่าจะมีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาในประเด็นเรื่องยาเสพติด ที่เกี่ยวเนื่องมาจากโศกนาฏกรรม จ.หนองบัวลำภู และประเด็นเรื่องอุทกภัย ที่ประสบปัญหาในหลายพื้นที่เช่น ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมไปถึงภาคกลาง ว่ารัฐบาลได้ดำเนินการผิดพลาดอย่างไร ถึงเกิดปัญหาได้ขนาดนี้ และจะมีแนวทางการแก้ไขอย่างไร โดยเฉพาะฝนที่จะเริ่มตกมากขึ้นในภาคใต้” นายณัฐวุฒิกล่าว
 
เมื่อถามว่า สถานการณ์ในการเปิดสมัยประชุมเป็นอย่างไร นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ทางพรรคร่วมฝ่ายค้านก็จะเปิดเกมรุกในเรื่องที่สำคัญ และเมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสมเราก็จะมีการเสนอเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 อีกครั้ง แต่ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงการพูดคุยกันเชิงรายละเอียดว่าจะครอบคลุมประเด็นไหนบ้าง



‘วิสุทธิ์’ เย้ย พปชร.เป็นได้แค่พรรคเฉพาะกิจ เชื่อมวลชนไม่อยากให้ พท.จับมือพรรคทหาร
https://www.matichon.co.th/politics/news_3635803

‘วิสุทธิ์’ เย้ย พปชร.เป็นได้แค่พรรคเฉพาะกิจ เชื่อมวลชนไม่อยากให้ พท.จับมือพรรคทหาร
 
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค พท. แสดงท่าทีไม่ปิดกั้นการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หากมีจุดยืนไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า
 
ขอให้ดูผลการเลือกตั้งสมัยหน้าก่อนว่าเป็นอย่างไร ถ้าจำเป็นจริงๆ ค่อยมาว่ากันอีกครั้ง แต่เชื่อมั่นว่าเสียงจากฝ่ายประชาธิปไตยยังเพียงพอ สามารถรวมกันจัดตั้งรัฐบาลได้ และไม่รู้ว่าการเลือกตั้งสมัยหน้าพรรค พปชร.จะยังอยู่หรือไม่ เพราะธรรมชาติของพรรคที่มีที่มาจากทหาร รวบรวมเอา ส.ส.จากกลุ่มต่างๆ มาไว้ที่เดียวกัน มักเป็นได้แค่พรรคเฉพาะกิจ สมัยเดียว ต้องดูประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่ หรืออาจกลายเป็นพรรคขนาดเล็ก จะมี ส.ส.มากพอมารวมกับพรรค พท.ได้หรือไม่ เพราะดูแล้วชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ขายไม่ได้ กลับมายากแล้ว
 
“อยู่มา 8 ปี มีคนมาลงทะเบียนบัตรคนจน 20 ล้านคน ถ้ายังอยู่คงมีคนจนเพิ่มขึ้นอีกมากมาย หากพรรคพลังประชารัฐจะใช้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มารับช่วงต่อจาก พล.อ.ประยุทธ์นั้น ก็คงได้รับการยอมรับยาก เพราะทั้งคู่มาด้วยกัน แต่เชื่อว่าฟังเสียงประชาชนคงไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยไปรวมกับพรรคทหาร แต่ถ้าจำเป็นจริงๆ ถึงเวลาค่อยมาว่ากัน” นายวิสุทธิ์กล่าว
 


 
พิษศก.โลกถดถอยสะเทือนไทย ส่งออกกลุ่มยานยนต์-ชิ้นส่วนโดนก่อน
https://www.dailynews.co.th/news/1611045/
  
พิษเศรษฐกิจโลกถดถอย สะเทือนไทย ส่งออกกลุ่มยานยนต์-ชิ้นส่วนคอมพ์ โดนก่อน พร้อมเปิด 6 ด้านรับความท้าทายปี 66
 
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสำนักวิจัย และที่ปรึกษาการลงทุน ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย  เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2566 โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป หลังธนาคารกลางเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อพุ่งสูง แต่อัตราเงินเฟ้อยังไม่มีท่าทีชะลอลง แม้เงินเฟ้อใกล้จุดสูงสุดหรือได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แต่หากเงินเฟ้อยังสูงเทียบเดือนต่อเดือนต่อเนื่อง ราคาสินค้าและบริการมีแนวโน้มขยับต่อ
 
ทั้งนี้การขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงปีนี้ยังไม่มีท่าทีคุมเงินเฟ้อได้ ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับขึ้นอีกรอบหลังโอเปกพลัสลดกำลังการผลิตน้ำมันลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน จนมีนักเศรษฐศาสตร์มองว่า จำเป็นต้องลดอุปสงค์ในประเทศ หรือขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงต่อเนื่องเพื่อลดการบริโภคและการลงทุน แม้เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หรือใช้ recession แก้ปัญหา inflation เพราะเมื่อเศรษฐกิจถดถอย คนว่างงานเพิ่มขึ้น การใช้จ่ายและการลงทุนจะชะลอ ราคาสินค้าก็ชะลอตามหรือปรับลดลงได้
 
“ส่วนตัวผมไม่แน่ใจ ว่าต่อให้เศรษฐกิจประเทศสำคัญถดถอย จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ย คนใช้จ่ายและลงทุนลดลง คนอเมริกันว่างงานเพิ่มขึ้นอีกหลายล้านคน ราคาสินค้าและบริการจะลดลงได้จริงหรือ ในทางตรงข้าม เงินเฟ้ออาจจะยังเกินกรอบเป้าหมาย 2% ไปอีกนานเป็น new normal ต้องกลับมาแก้ปัญหาเงินเฟ้อปีหน้าด้วยการปล่อยให้เงินเฟ้อสูงปีนี้ เพื่อหวังให้ฐานที่สูงปีนี้ดึงให้เงินเฟ้อเทียบปีต่อปีลดลง เรียกว่าใช้ inflation แก้ปัญหา inflation ซึ่งไม่ได้แก้ปัญหาอะไรได้นอกจากแก้ทางเทคนิคเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ผมมองว่าธนาคารกลางจะยังคงขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีหน้า ไม่น่าเห็นการปรับมุมมองมาลดดอกเบี้ย หรือ policy pivot อย่างที่นักลงทุนหวังกัน เพราะเงินเฟ้อปีหน้ายังสูงกว่ากรอบนโยบายการเงินที่ 2% แม้จะต้องโดนวิจารณ์จากฝั่งการเมืองที่ได้แรงกดดันจากคนที่ว่างงานและการบริโภคและการลงทุนที่หดตัวก็ตาม แต่ธนาคารกลางทั้งหลายยังไม่น่ายอมถอยจากการขึ้นดอกเบี้ย หรือคงดอกเบี้ยในระดับสูงลากยาว จนกว่าเงินเฟ้อจะยอมลดลงจริงๆ เสียที ซึ่งน่าจะเห็นได้ในปี 2567 หลังฐานที่ยังสูงในปี 2566 ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อกลับเข้ากรอบได้ในปีถัดไป”
 
สำนักวิจัย ธนาคาร ซีไอเอ็มบีไทย คาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 3.2% ปีนี้ และ 3.4% ปีหน้า โดยปรับจากแบบจำลองของ Oxford Economics เดือนตุลาคมที่คาดการณ์เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.7% ปีนี้ และ -0.5% ในปีหน้า และเศรษฐกิจสหภาพยุโรป หรือ EU ขยายตัว 3.1% ปีนี้ และ -0.04% ในปีหน้า แม้สหรัฐและ EU เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยปีหน้า แต่ไม่ได้รุนแรงจนนำไปสู่การถดถอยของเศรษฐกิจโลก เพียงแต่โตช้าลง โดยคาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวได้ 2.9% ปีนี้และ 1.5% ปีหน้า โดยปีหน้า เศรษฐกิจจีนและญี่ปุ่นยังขยายตัวได้ และน่าประคองเศรษฐกิจประเทศอื่นๆ ไม่ให้ชะลอลงแรงได้บ้าง
 
อย่างไรก็ดี การที่เศรษฐกิจสหรัฐและยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอยเล็กน้อย ก็มีผลให้เศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายในปีหน้าในด้านต่างๆ ดังนี้
 
1. การส่งออกติดลบ – กำลังซื้อสินค้าอุตสาหกรรมไทยจากสหรัฐและยุโรปมีแนวโน้มชะลอลง โดยเฉพาะกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ นอกจากอุปสงค์ชะลอ ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนต่อเนื่องจากปีนี้ ส่วนการส่งออกไปจีนและอาเซียนยังไม่ค่อยดี เพราะการส่งออกของจีนหดตัวตามการถดถอยของเศรษฐกิจประเทศสำคัญ การนำเข้าสินค้าจากไทยและอาเซียนจะลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ดี การส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารแปรรูป สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรน่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องจากปีนี้
 
2. กำลังซื้อระดับล่าง SMEs ต่างจังหวัด ภาคเกษตรอ่อนแอ – ไทยยังเผชิญปัญหาเงินเฟ้อที่ฉุดกำลังซื้อของครัวเรือนรายได้น้อยลากยาวถึงปีหน้า กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กในต่างจังหวัดที่ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวและพึ่งพิงภาคเกษตรยังอ่อนแอ แม้การส่งออกสินค้าเกษตรจะเติบโตได้ดี แต่เกษตรกรมีรายได้หักค่าใช้จ่ายลดลง เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วและโตเร็วกว่าราคาสินค้าเกษตร ประกอบกับปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ยังกดดันกำลังซื้อต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีหนี้สูง
  
3. ดอกเบี้ยขึ้นต่อเนื่อง – ปัญหาเงินเฟ้อสูงมีแนวโน้มลากยาวไปปีหน้า แม้เงินเฟ้อไทยเดือนกันยายนอยู่ที่ 6.41%yoy (+0.22%mom) ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ 7.86%yoy (+0.05%mom) แต่จะเริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าแบบเดือนต่อเดือนต่อเนื่อง หลังมีหลากหลายสินค้าทยอยปรับราคาขึ้นหลังเปิดเมือง แม้ราคาน้ำมันจะปรับลดลง แต่ค่าไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน และราคาอาหารสดปรับสูงขึ้น มองต่อไป เมื่อเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวในช่วงที่เงินเฟ้อเกินกรอบเป้าหมายของธปท. ที่ระดับ 1-3% ทางธปท. น่าจะทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นไปจนถึงระดับ 2.00% เป็นอย่างน้อยภายในช่วงกลางปีหน้า ขณะที่สหรัฐน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแตะระดับ 5.00% เป็นอย่างน้อยช่วงกลางปีหน้าเช่นกัน
  
4. บาทอ่อนค่าถึงกลางปี ลุ้นพลิกมาแข็งค่าครึ่งปีหลัง – ส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยสหรัฐที่สูงกว่าไทยมาก น่าจะส่งผลให้เงินทุนเคลื่อนย้ายกลับไปถือสินทรัพย์รูปดอลลาร์สหรัฐ สนับสนุนให้บาทอ่อนค่าต่อเนื่องไปถึงกลางปีหน้า ไทยแม้จะมีรายได้จากการท่องเที่ยว แต่ไม่น่าเพียงพอให้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดช่วงครึ่งปีแรกจากการส่งออกที่หดตัวต่างจากการนำเข้าที่มีมาก ทำให้ดุลการค้าขาดดุลสูง
  
ช่วงครึ่งปีหลัง จะเห็นดุลบัญชีเดินสะพัดพลิกกลับมาเกินดุลจากรายได้การท่องเที่ยว และจากการคาดหวังว่าเฟดจะเริ่มส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2567 สนับสนุนให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงได้อีกครั้งและมีโอกาสให้บาทพลิกกลับมาแข็งค่าเทียบดอลลาร์สหรัฐ
  
5. ท่องเที่ยวระดับบนฟื้นต่อเนื่อง – แม้เศรษฐกิจโลกจะชะลอ โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรป อีกทั้งจีนยังไม่น่ารีบเปิดเมืองหลังตอกย้ำมาตรการโควิดเป็นศูนย์ แต่จากการที่คนทั่วไปเว้นว่างจากการท่องเที่ยวเป็นเวลานาน เมื่อเปิดให้มีการเดินทางได้เสรีมากขึ้น โดยเฉพาะในฝั่งเอเชีย อาจเห็นการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวต่อเนื่อง คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะมากถึง 20 ล้านคนในปีหน้า เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากที่คาดไว้ที่ 10 ล้านคนปีนี้ 
  
อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อคนอาจไม่มากเท่าช่วงก่อนโควิด และกระจุกตัวในกลุ่มโรงแรมระดับ 4 ดาวขึ้นไป ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญ โดยกลุ่มที่ได้ประโยชน์อื่น เช่น ร้านอาหาร ขนส่ง ธุรกิจเช่ารถยนต์ ธุรกิจนำเที่ยว และร้านค้าปลีกทั่วไป แต่เมื่อยังขาดกลุ่มทัวร์ โดยเฉพาะจากจีน จะยังไม่เห็นการกระจายตัวของการใช้จ่ายมายังโรงแรมระดับต่ำลงมาและกลุ่มค้าขายทั่วไปมากนักในปีหน้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่