คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เออ..เห็นใจหนูมากครับ เป็นผมๆ คงเครียดเหมือนกัน
ที่บ้านหรือคุณแม่เรียนเก่งไหมครับ จบอะไรมาถึงได้อยากให้ลูกเรียนหมอ
ผมว่าต้องจูนหรือปรับตัวเข้าหากันนะครับ
คุณลูกก็ต้องปรับพฤติกรรมด้วย
การเรียน
ถ้าการเรียนคุณดี ผมว่าแม่คุณคงไม่เข้มงวดขนาดนั้น
ว่าแต่เกรดคุณขนาดไหน แล้วคุณตั้งใจเรียนจริงจังไหมครับ (ชีวิตคุณนะ)
เรื่องการโดนบูลลี่ผมเห็นใจนะครับ แต่ตัวคุณต้องเข้มแข็งด้วย บูลลี่หรอ..ตรูขยันเรียนเป็นสองเท่าเลยจร้า ตบหน้าพวกที่มาว่าเลย
ส่วนการย้ายโรงเรียน หากย้ายแล้วคุณยังโดนแบบเดิมๆ อีก จะหนีไปไหนอ่ะครับหนู
ต้องแก้ที่ปัญหาครับ ย้ายไปก็ไม่ช่วยหรอก ตัวเองต้องเข้มแข็งด้วย..ไม่ใส่ใจ อย่าไปสนใจทุกการกระทำของคนอื่น
แคร์หรือสนใจ..คนที่คุณควรสนใจ น่นจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าครับ
การอ่านหนังสือ
ผมว่าถ้าคุณเรียนเก่ง แม่คุณก็คงไม่เข้มงวดหรอก
ผมยกตัวอย่าวลูกสาวผมนะ เรียนเก่ง..แต่ไม่ขยัน
เวลาสอบนางก็เอาหนังสือมาเปิดๆ ดู เพราะนางหัวดี เปิดหน้าไหนก็เข้าใจหมด เวลาเรียนก็เข้าใจทุกชม. แล้วทำไมต้องเรียนให้ยาก
ตอนนี้ก็แค่ดูผ่านๆ กับหาตัวอย่างที่ยากๆ มาดู..แค่นี้เอง
เด็กเรียนเก่งไม่ยากครับ
เรียนในชม.ให้รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องให้ถามเพื่อน หรือถามครู
อย่ากลัวครูด่า..ถ้าเราตั้งใจในชม.นะ
แล้วเวลาสอบมันจะง่าย
ลูกสาวผมตอนสอบเข้ามหาลัย..นางอ่านแต่หนังสือเฉลยข้อสอบเข้าต่างๆ
ผมถามว่าทำไมไม่เอาหนังสือเรียนเก่ามากองตรงหน้าแล้วไล่อ่าน
นางบอกอ่านแบบพ่อไม่ทันหรอก ต้องหาข้อสอบเก่ามาทำแล้วจึงจะเวิร์ค
ฉะนั้นเรื่องเรียนผมสรุปว่า..หนูยังไม่ผ่านจากที่เล่ามา ไม่งั้นแม่หนูคงไม่จี้หนูต่างๆ นานานะ
เรื่องเวลา
อันนี้ต้องใช้เวลาให้เป็น เด็กผญ.บางทีจะติด social มากเกิน
เรื่องไปเที่ยว
ตรงนี้สำคัญนะ
นิสัยคนเรา..หากไม่ดูจากเด็ก ให้ดูจากเพื่อนที่เด็กคบ
อันนี้จริงนะครับ เด็กจะคบใครส่วนใหญ่นิสัยจะคล้ายๆ กัน
หนูชอบเรียน เพื่อนที่หนูคบส่วนนึงต้องชอบเรียน ไม่งั้นไปกันไม่ได้
ปัญหาคือ คบเพื่อนลักษณะไหน
ผมไม่เถียงเรื่องการมีเพื่อนหลายกลุ่มนะ มันดี
แต่คุณก็ต้องเข้าใจผู้ใหญ่ว่า..เขาเป็นห่วง เพราะคุณยังไม่บรรลุนิติภาวะ คือ มีความเป็นผู้ใหญ่ คิดเองเป็น (ผู้ใหญ่แก่ๆ บางคนยังคิดไม่เป็นเลยครับหนู)
ดังนั้นการไปเที่ยวเขาก็ต้องห่วง ไปกับใคร หากไปกับเพื่อนที่ไว้ใจได้
จะกลับมากี่โมง ก็กลับตรงเวลา โทรติดต่อได้ ไม่ทำตัวเสียหาย
หากเป็นแบบนี้..ผุ้ใหญ่ไม่เป็นห่วงหรอกครับลูก
เรื่องเลือกคณะ
อยุ่ที่ตัวหนูว่าชอบอะไร จะเรียนหมอหรือไม่เรียนไม่ใช่ประเด็น
หากแม่อยากเรียน..ให้แม่กลับมาเรียนใหม่ แล้วเข้าหมอเอง (แม่หนูคงกระอัก)
ตัวหนูต้องหาอะไรที่ตัวเองชอบ..และเดินตามความฝันหนูไปเรื่อยๆ
นี่ม.4 ยังเดินกลับเข้าเส้นทางตรงได้ แม้จะเดินออกลอกเส้นทางไปบ้าง
อนาคตหนูอยากทำอะไรหล่ะ..อยากขายของออนไลน์เก่งๆ ดังๆ แบบแม่ค้าร้อยล้านพันล้านหรือ
หรือเป็นยูทูปเบอร์..เก่งๆ มารีวิวสินค้าได้เดินไวๆ แบบนี้ไหมครับ
อาชีพแบบนี้ดี..แต่มันไม่ใช่จะได้กันง่ายๆ
วิธีเดียว คือ หาสื่งที่ตัวเองอยากทำ
อยากก้าวหน้า..ให้มองสูงๆ หายใจลึกๆ อยู่กับความจริง
ตอนนี้เราเป็นนักเรียน ต้องเรียน
ทำงานทำการก่อน เรื่องแฟนไม่ต้องรีบ..ไม่ต้องให้ความหวัง (ย้ำ..ห้ามให้ความหวัง)
เห็นหลายคู่แล้ว..พอเลิกทีไรผู้ชายแค้นทุกที แค้นอะไรมากมาย
ทำงานดีๆ แล้วคนดีๆ ก็จะเข้ามาเองครับ ไม่ต้องรีบ เด๋วรีบแล้วจะเสียดาย
ไม่ต้องรีบมีครอบครัว ไม่ทันไรต้องมานั่งเลี้ยงลูกแล้ว
เรื่องแม่คุณที่ต้องปรับ
ปรับความคิดเรื่องให้เด็ก..เลือกเรียนเอง
ปรับความคิดเรื่องการกดดันเด็ก..เปรียบเทียบเด็ก มันไม่ดี มันเป็นการทำร้ายขวัญและกำลังใจเด็ก ไม่พูดเรยจะดีซะกว่า
ปรับความคิดเรื่องการย้ายโรงเรียน..เรียกเด็กมาคุย บอกว่าไม่ต้องเครียด ทุกอย่างมีการแก้ไขได้
จริงๆ แม่คุณควรไปคุยกับครุที่รร.มากกว่าเพื่อหาข้อมูล หากมันไม่ไหวจริงๆ ค่อยพิจารณาย้าย
และมาคุยกับคุณอีกที
ผมเขียนซะยืดยาวจนเหนื่อย..แต่แค่หวังว่าหนูคงจะมีความรู้สึกที่ดีขึ้น
รักตัวเองมากขึ้น ให้โอกาสตัวเองมากขึ้น และนำไปสู่การกลับเข้าเส้นทางของตัวเอง คือ การเรียนให้มากขึ้น
ทำให้แม่คุณเห็นครับว่า..คุณทำได้ แม่ไม่ต้องพูดมาก เง็ยบๆ ให้กำลังใจ และเลิกเพ้อฝันเรื่องหมอ
หากคุณเกิดอยากเป็นหมอจริงๆ ผมจะขอบคุณในฐานะคนไทยคนนึงที่ได้หมอดีๆ เพิ่มมาอีก
ผมให้คำพูดประโยคสุดท้ายจากลูกสาวผมนะครับ ขำๆ นะ
นางบอกว่า..ขยันเรียนขึ้นมาอีกนิด แฟนในอนาคตจะหน้าตาดีขึ้นมาอีกหน่อย
หวังว่าคงได้ข้อคิดบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
ที่บ้านหรือคุณแม่เรียนเก่งไหมครับ จบอะไรมาถึงได้อยากให้ลูกเรียนหมอ
ผมว่าต้องจูนหรือปรับตัวเข้าหากันนะครับ
คุณลูกก็ต้องปรับพฤติกรรมด้วย
การเรียน
ถ้าการเรียนคุณดี ผมว่าแม่คุณคงไม่เข้มงวดขนาดนั้น
ว่าแต่เกรดคุณขนาดไหน แล้วคุณตั้งใจเรียนจริงจังไหมครับ (ชีวิตคุณนะ)
เรื่องการโดนบูลลี่ผมเห็นใจนะครับ แต่ตัวคุณต้องเข้มแข็งด้วย บูลลี่หรอ..ตรูขยันเรียนเป็นสองเท่าเลยจร้า ตบหน้าพวกที่มาว่าเลย
ส่วนการย้ายโรงเรียน หากย้ายแล้วคุณยังโดนแบบเดิมๆ อีก จะหนีไปไหนอ่ะครับหนู
ต้องแก้ที่ปัญหาครับ ย้ายไปก็ไม่ช่วยหรอก ตัวเองต้องเข้มแข็งด้วย..ไม่ใส่ใจ อย่าไปสนใจทุกการกระทำของคนอื่น
แคร์หรือสนใจ..คนที่คุณควรสนใจ น่นจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องมากกว่าครับ
การอ่านหนังสือ
ผมว่าถ้าคุณเรียนเก่ง แม่คุณก็คงไม่เข้มงวดหรอก
ผมยกตัวอย่าวลูกสาวผมนะ เรียนเก่ง..แต่ไม่ขยัน
เวลาสอบนางก็เอาหนังสือมาเปิดๆ ดู เพราะนางหัวดี เปิดหน้าไหนก็เข้าใจหมด เวลาเรียนก็เข้าใจทุกชม. แล้วทำไมต้องเรียนให้ยาก
ตอนนี้ก็แค่ดูผ่านๆ กับหาตัวอย่างที่ยากๆ มาดู..แค่นี้เอง
เด็กเรียนเก่งไม่ยากครับ
เรียนในชม.ให้รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องให้ถามเพื่อน หรือถามครู
อย่ากลัวครูด่า..ถ้าเราตั้งใจในชม.นะ
แล้วเวลาสอบมันจะง่าย
ลูกสาวผมตอนสอบเข้ามหาลัย..นางอ่านแต่หนังสือเฉลยข้อสอบเข้าต่างๆ
ผมถามว่าทำไมไม่เอาหนังสือเรียนเก่ามากองตรงหน้าแล้วไล่อ่าน
นางบอกอ่านแบบพ่อไม่ทันหรอก ต้องหาข้อสอบเก่ามาทำแล้วจึงจะเวิร์ค
ฉะนั้นเรื่องเรียนผมสรุปว่า..หนูยังไม่ผ่านจากที่เล่ามา ไม่งั้นแม่หนูคงไม่จี้หนูต่างๆ นานานะ
เรื่องเวลา
อันนี้ต้องใช้เวลาให้เป็น เด็กผญ.บางทีจะติด social มากเกิน
เรื่องไปเที่ยว
ตรงนี้สำคัญนะ
นิสัยคนเรา..หากไม่ดูจากเด็ก ให้ดูจากเพื่อนที่เด็กคบ
อันนี้จริงนะครับ เด็กจะคบใครส่วนใหญ่นิสัยจะคล้ายๆ กัน
หนูชอบเรียน เพื่อนที่หนูคบส่วนนึงต้องชอบเรียน ไม่งั้นไปกันไม่ได้
ปัญหาคือ คบเพื่อนลักษณะไหน
ผมไม่เถียงเรื่องการมีเพื่อนหลายกลุ่มนะ มันดี
แต่คุณก็ต้องเข้าใจผู้ใหญ่ว่า..เขาเป็นห่วง เพราะคุณยังไม่บรรลุนิติภาวะ คือ มีความเป็นผู้ใหญ่ คิดเองเป็น (ผู้ใหญ่แก่ๆ บางคนยังคิดไม่เป็นเลยครับหนู)
ดังนั้นการไปเที่ยวเขาก็ต้องห่วง ไปกับใคร หากไปกับเพื่อนที่ไว้ใจได้
จะกลับมากี่โมง ก็กลับตรงเวลา โทรติดต่อได้ ไม่ทำตัวเสียหาย
หากเป็นแบบนี้..ผุ้ใหญ่ไม่เป็นห่วงหรอกครับลูก
เรื่องเลือกคณะ
อยุ่ที่ตัวหนูว่าชอบอะไร จะเรียนหมอหรือไม่เรียนไม่ใช่ประเด็น
หากแม่อยากเรียน..ให้แม่กลับมาเรียนใหม่ แล้วเข้าหมอเอง (แม่หนูคงกระอัก)
ตัวหนูต้องหาอะไรที่ตัวเองชอบ..และเดินตามความฝันหนูไปเรื่อยๆ
นี่ม.4 ยังเดินกลับเข้าเส้นทางตรงได้ แม้จะเดินออกลอกเส้นทางไปบ้าง
อนาคตหนูอยากทำอะไรหล่ะ..อยากขายของออนไลน์เก่งๆ ดังๆ แบบแม่ค้าร้อยล้านพันล้านหรือ
หรือเป็นยูทูปเบอร์..เก่งๆ มารีวิวสินค้าได้เดินไวๆ แบบนี้ไหมครับ
อาชีพแบบนี้ดี..แต่มันไม่ใช่จะได้กันง่ายๆ
วิธีเดียว คือ หาสื่งที่ตัวเองอยากทำ
อยากก้าวหน้า..ให้มองสูงๆ หายใจลึกๆ อยู่กับความจริง
ตอนนี้เราเป็นนักเรียน ต้องเรียน
ทำงานทำการก่อน เรื่องแฟนไม่ต้องรีบ..ไม่ต้องให้ความหวัง (ย้ำ..ห้ามให้ความหวัง)
เห็นหลายคู่แล้ว..พอเลิกทีไรผู้ชายแค้นทุกที แค้นอะไรมากมาย
ทำงานดีๆ แล้วคนดีๆ ก็จะเข้ามาเองครับ ไม่ต้องรีบ เด๋วรีบแล้วจะเสียดาย
ไม่ต้องรีบมีครอบครัว ไม่ทันไรต้องมานั่งเลี้ยงลูกแล้ว
เรื่องแม่คุณที่ต้องปรับ
ปรับความคิดเรื่องให้เด็ก..เลือกเรียนเอง
ปรับความคิดเรื่องการกดดันเด็ก..เปรียบเทียบเด็ก มันไม่ดี มันเป็นการทำร้ายขวัญและกำลังใจเด็ก ไม่พูดเรยจะดีซะกว่า
ปรับความคิดเรื่องการย้ายโรงเรียน..เรียกเด็กมาคุย บอกว่าไม่ต้องเครียด ทุกอย่างมีการแก้ไขได้
จริงๆ แม่คุณควรไปคุยกับครุที่รร.มากกว่าเพื่อหาข้อมูล หากมันไม่ไหวจริงๆ ค่อยพิจารณาย้าย
และมาคุยกับคุณอีกที
ผมเขียนซะยืดยาวจนเหนื่อย..แต่แค่หวังว่าหนูคงจะมีความรู้สึกที่ดีขึ้น
รักตัวเองมากขึ้น ให้โอกาสตัวเองมากขึ้น และนำไปสู่การกลับเข้าเส้นทางของตัวเอง คือ การเรียนให้มากขึ้น
ทำให้แม่คุณเห็นครับว่า..คุณทำได้ แม่ไม่ต้องพูดมาก เง็ยบๆ ให้กำลังใจ และเลิกเพ้อฝันเรื่องหมอ
หากคุณเกิดอยากเป็นหมอจริงๆ ผมจะขอบคุณในฐานะคนไทยคนนึงที่ได้หมอดีๆ เพิ่มมาอีก
ผมให้คำพูดประโยคสุดท้ายจากลูกสาวผมนะครับ ขำๆ นะ
นางบอกว่า..ขยันเรียนขึ้นมาอีกนิด แฟนในอนาคตจะหน้าตาดีขึ้นมาอีกหน่อย
หวังว่าคงได้ข้อคิดบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
ทำยัวไงไม่ให้ใช้ชีวิตเครียดเกินไปคะ
สรุปคล่าวๆเรื่องที่เเม่บังคับเรา
- เรื่องการย้ายโรงเรียน
คือเขาเเบบ ชอบกลับไปกลับมาอ่ะค่ะ เเล้วเราทักไปสอบถามเรื่องเอกสารไม่ได้ เเต่ส่วนตัวเราคืออยากย้ายมาก เพราะเรามีปมกับโรงเรียนที่อยู่เรื่องการโดนบูลลี่ ครู เเละก็เรื่องจิปาถะพวกเเบบอาหารการกินค่ะ เเต่พอเราคุยกับเขาเขาก็ให้นะคะ เเต่เขาจะเอามาโยงเเบบ ถ้าไม่ทำอย่างนั้น ก็จะไม่ให้ย้าย
- เรื่องคณะ
คือ เขาอยากให้เราเข้าเเพทย์ คือเราก็อยากนะคะ เเต่ช่วงม.4 เรารสการทำให้เกรดมันดียากมาก ไม่อยากคาดหวัง ไม่อยากเอาคำว่าเเพทย์มากดดันตัวเอง เเต่ที่บ้านชอบเเบบ ทำไมเเบบนี้ไม่ติดหรอกหมอ มันก็เเบบกดดันโดยไม่รู้ตัวอ่ะค่ะ
- เรื่องเวลานอน
ตอนปิดเทอมเขาให้เรานอน 01.00 เเต่เวลาไปเรียนเขาให้เรานอน 20.00 ห้ามเกิน คือเวลาปิดเทอมเราค่อนข้างโอเคค่ะ เเต่เวลาตอนเปิดเทอมคือ 20.00 เราทำงานไม่ทันอ่ะค่ะ ด้วยความโรงเรียนเราเลิกช้า กว่าจะถึงบ้านโน้นนี่นี่นั่น มันก็เเบบ 19.00 เเล้ว เเล้วเรามีเวลา 1 ชม ถ้าเป็นพวกแบบฝึกหัดมันทันค่ะ เเต่ถ้าเเบบใบงานเราทำไม่ค่อยทันเลย [รรเราชอบเเบบ สั่งวันนี้ส่งพรุ่งนี้] เราเคยคุยกับเขาค่ะ เเบบเรื่องเวลานอนตอนเปิดเทอม เขาก็พูดเชิงว่าเเบบ ไม่ได้ ต้องนอนเวลานี้
- เรื่องความกดดัน การเปรียบเทียบ
เขาชอบเเบบว่า ทำไมทำได้เเค่นี้ เวลาเราเเข่งเเล้วไม่เข้ารอบ เขาชอบบอกว่า ทำไมทำได้เเค่นี้ ทำไมเเพ้อะไรงี้อ่ะค่ะ เรื่องเกรดก็จะเเบบทำไมทำได้เเค่นี้ มากกว่านี้ไม่ได้หรอ ไม่ตั้งใจไง ทำไมทำให้เท่าคนนี้คนนี้ไม่ได้ ทำไมคนนี้ทำได้เเต่เราไม่ทำได้
- เรื่องอ่านหนังสือ
เขาชอบบังคับเราอ่านหนังสือเขามหาลัยอ่ะค่ะ เราเข้าใจนะคะเขาเป็นห่วง เเต่เวลาปิดเทอมบางทีเราอยากพักอ่ะค่ะ ตอนเปิดเทอมเป็นช่วงเวลาที่เราท้อ เรากดดันมากๆ เขาก็ไม่ได้ให้กำลังใจเราเเบบไม่ว่าตอนไหนก็ตาม เราฮีลตัวเองค่ะ เเล้วมันก็เหนื่อยมาก ปิดเทอมเราก็มีอะไรหลายอย่างที่เปิดเทอมเราไม่ได่ทำ เเต่เขาบังคับเราอ่านหนังสือ เเล้วก็บอก ถ้าไม่อ่านจะไม่ให้ย้ายโรงเรียน เนี่ยทำไมไม่จับกลุ่มอ่านหนังสือบ้าง ทำไมคิดเเต่จะเที่ยว โน่นนี่
- เรื่องไปเที่ยว
เขาไม่ยอมให้เราไปเที่ยวเลย บอกเราเที่ยวบ่อยแล้ว เเต่คือ เรายังไม่ได้ออกจากบ้านเลย 🫠
ประมาณนี้ค่ะ เเต่ทุกอย่างเราพยายามเข้าใจท่าน คุยกับท่านเเล้ว เเต่ท่านก็ยึดตามความคิดตัวเองอ่ะค่ะ เลยพูดอะไรไม่ได้ เพราะถ้าพูดมากกว่านี้หรือเถียงเขาจะตีค่ะ555 ทำยังไงให้ไม่เครียดเรื่องที่บ้าน เเละก็หลีกเลี่ยงสถานการณ์ความกดดันจากเรื่องเหล่านี้ดีคะ